บท
ตั้งค่า

2 ตอแย

ฝนไม่ได้แค่คำรามขู่ แต่มันตกลงมาจริงๆ คล้อยหลังเธอออกจากโรงงานไปได้แค่ห้านาทีเท่านั้น

มายด์มิ้นท์ไม่ได้พกเสื้อกันฝันหรือร่มมาด้วย อาศัยว่าหอพักอยู่ไม่ไกลจึงตัดสินใจขับฝ่ากระแสฝนบางๆ ไป

แต่แล้ว…เคราะห์ก็ซ้ำกรรมก็ซัด…

รถมอเตอร์ไซด์ที่เธอเพิ่งถอยมาใหม่ได้ไม่กี่อาทิตย์ เกิดยางแตกขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย

ฝนเริ่มโหมกระหน่ำกว่าตอนแรก เด็กสาวขับรถบดยางไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เจอร้านซ่อมรถเข้าจนได้ ซึ่งเป็นร้านในตึกแถวเก่าๆที่เธอผ่านทุกวันนี่เอง

เจ้าของร้านเป็นชายรุ่นน้า จัดการเปลี่ยนยางในให้ไม่อิดออด แต่ปัญหาคือ….

“ร้านน้ายางอะไหล่หมดเลยหนู ถ้าจะเปลี่ยน…เดี๋ยวน้าให้พี่ชายเอาที่ร้านมันมาให้ก่อน…”

“นานไหมคะน้า”

“คงนานน่ะหนู ฝนกำลังตก ร้านมันก็ตั้งยี่สิบโลนู่น”

“งั้นเช้าหนูมาเอาก็ได้ค่ะ…เดี๋ยวหนูคงต้องกลับก่อน”

มายด์มิ้นท์ตัดสินใจรวดเร็ว เพราะตอนนี้ก็เหนื่อยมากต้องการพักผ่อน ทั้งยังต้องตื่นแต่เช้าอีก

“มีเพื่อนมารับไหมล่ะหนู น้าไม่แน่ใจว่าวินหมดรึยังตอนนี้”

มายด์มิ้นท์กดมือถือ เห็นเวลาสามทุ่มกว่าก็ส่ายหน้าช้าๆ

“คงหมดแล้วแหละค่ะ สามทุ่มกว่าแล้ว

“ให้น้าไปส่งไหม”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูโทรหาเพื่อน”

มายด์มิ้นท์รีบปฏิเสธเมื่อเห็นสายตาหลุกหลิกของช่างซ่อมรถ

ขณะนี้เด็กสาวเปียกปอนทั้งตัว เสื้อที่สวมก็เป็นเสื้อแขนตุ๊กตาคอบัวพอดีตัวแถมยังเป็นสีขาว พอเปียกฝนมันก็รัดรูปจนเห็นบราสีดำข้างใน เธอนึกตำหนิตัวเองที่ลืมเอาเสื้อตัวรถนอกติดมาด้วย…

ความระวังตัว สาวน้อยเดินออกมายืนตรงชายคาร้านข้างๆ ซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ไม่กล้าอยู่สองต่อสองกับช่างซ่อมรถในร้าน

เธอคิดว่าจะเรียกแกร็บไปส่ง เพราะจะขอความช่วยเหลือจากดาวกับลูกเกดก็เกรงใจ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว

สายฝนก็ไม่ได้เบาลง ซ้ำทวีความแรงขึ้นเรื่อยๆ ละอองฝนหนาสาดเข้าร่าง เด็กสาวรู้สึกถึงความเหงาโดดเดี่ยวก็ตอนนี้เอง

วินาทีนี้ ความรู้สึกต้องการใครสักคนผุดขึ้นมาเกินจะห้าม

ถ้ามีใครสักคนมาช่วยเหลือเธอ คอยเคียงข้างเธอในเวลาแบบนี้ก็คงดี

ฉับพลันในความคิด…

ไฟสีขาวจากรถยนต์ก็สาดส่องเข้ามาในบริเวณร้าน กระทบใบหน้าจนเธอต้องหลับตาปี๋

รถเก๋งLuxury Sedan เงาวับ มาทาบจอดตรงหน้าเธอ

มายด์มิ้นท์รู้สึกว่าเธอเคยเห็นรถคันนี้ เมื่อเจ้าของรถเปิดกระจกถาม มายด์มิ้นท์ก็สิ้นสงสัย…

“รถเป็นอะไร”

“ยะ ยางแตกค่ะ กำลังซ่อม”

อรรถพลถามเสียงดังแข่งกับเสียงฝน

“นานไหม”

“ไม่ค่ะ รออะไหล่อยู่ค่ะ เดี๋ยวก็คงมา”

เด็กสาวเลี่ยงคำว่านาน เพื่อปิดช่องทางบางอย่างของอีกฝ่าย

“เดี๋ยวพี่รอเป็นเพื่อน”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่อรรถ น่าจะนานมากเลย ช่างเขาต้องรอพี่ชายเอายางมาส่ง เสียเวลาพี่เปล่าๆ”

“แล้วเมื่อกี้บอกว่าไม่นาน…”

“คือ…”

มายด์มิ้นท์เหวอ แถไปแถมา แล้วก็แถเข้าเนื้อตัวเองจนได้

“ขึ้นรถมา เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ เดี๋ยวมายด์เรียกแกร็บแป๊บเดียว”

“แล้วจะต้องยืนรอคนเดียวเนี่ยเหรอ มันดึกแล้วนะ ขึ้นมา พี่ไปส่ง…”

ถ้อยคำแฝงความห่วงใยเฉกเช่นผู้ใหญ่อารีต่อผู้น้อย ฟังแล้วชวนคล้อยตามอยู่หรอก แต่มายด์มิ้นท์กลับ…กลัว

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ มายด์เปลี่ยนใจ ไม่กลับแล้ว เดี๋ยวอยู่รอรถเลยก็ได้ค่ะ..”

เกินกว่าที่คาดเดา อรรถพลเปิดประตูรถ วิ่งผ่านสายฝนมายืนข้างเธอ

“ถ้าจะรอ เดี๋ยวพี่รอเป็นเพื่อน”

‘ไอ้มายด์เอ๊ยย ทำไงดีล่ะทีนี้…’

มายด์มิ้นท์ยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับ ความหนาวเย็นเพิ่มขึ้นทำให้เธอไขว้แขนกอดตัวเองแน่น

อรรถพลปรายตาเห็นเข้าพอดี

“หนาวเหรอ”

เธอไม่ตอบ เขาเองก็ไม่รอคำตอบ

อรรถพลวิ่งกลับไปที่รถ เปิดประตูคว้าบางสิ่งแล้วก็วิ่งกลับมา มันคือเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ที่เธอเห็นเขาสวมอยู่ประจำ

“ใส่ไว้สิ ตากฝนแบบนี้เดี๋ยวปอดบวม”

“ขอบคุณค่ะ”

เขาเกือบจะสวมให้แล้ว ถ้ามายด์มิ้นท์ไม่รีบดึงมันมาเสียก่อน คำว่าปอดบวมพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มเธอก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่ ไม่อยากให้เขาใกล้เธอมากไปกว่านี้…

ผ่านไปร่วมสิบนาที เป็นสิบนาทีเแห่งความเงียบงัน

อรรถพลยืนไถหน้าจอโทรศัพท์ มายด์มิ้นท์ยืนมองฝนซึ่งเริ่มจะเบาลงแล้ว

เธอก้มมองเสื้อที่ห่มอยู่ พาลมองไปยังเจ้าของมันด้วย

อรรถพลเป็นผู้ใหญ่ใจดี เป็นหนุ่มหล่อผู้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ภาพจำของเธออาจจะเป็นเช่นนี้ต่อไป…

ถ้าไม่ไปเห็นเขาแลกลิ้นดุเดือดกับพี่น้ำหวาน หัวหน้าแผนกของเธอ!

มันเป็นความป้ำๆเป๋อๆของมายด์มิ้นท์เอง เมื่อครั้งเข้ามาทำงานใหม่ๆ เด็กสาวหลงเดินเข้าไปเพราะคิดว่าห้องเก็บของเก่าๆคือห้องน้ำหญิง

เมื่อผลักประตูเข้าไป ภาพที่เธอเห็นคือ อรรถพลและน้ำหวานกำลังตวัดลิ้นนัวเนียจูบกันอย่างถึงพริกถึงขิง

‘มีคนมา…’

อรรรถพลผละจากน้ำหวาน ทว่าช้าไปแล้ว

‘ใครคะ…’

น้ำหวานหันหลังให้ประตู จึงไม่เห็นว่าผู้บุกรุกคือเธอ ส่วนอรรถพลนั้นหันหน้าให้ประตู เขาจึงประสานสายตากับเธอเข้าเต็มๆ

แต่นั่นก็เป็นเพียงแวบเดียว มายด์มิ้นท์ตกใจรีบถอยออกมาในเวลาไม่กี่วิ ซึ่งก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดี เพราะเขาเห็นเธอแล้ว…

นี่ก็ร่วมสามสัปดาห์…หลังจากเหตุการณ์วันนั้น

ถ้าพูดกันตรงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ที่คนสองคนจะคบหากัน ติดอยู่อย่างเดียว…

ติดตรงที่พี่หวานมีสามีแล้ว…

สามีของพี่หวานก็ทำงานที่นี่แต่อยู่คนละตึก คนละแผนก ต่างคนต่างเป็นระดับหัวหน้างานทั้งคู่ ถ้าเกิดเรื่องนี้แดงออกไป ผลที่ตามมาคงไม่ใช่แค่การถูกนินทาแน่ๆ

มายด์มิ้นท์รู้ดีว่าการอยู่ในสังคมทำงาน การรู้อะไรมากไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอ เธอไม่อยากพาตัวไปวุ่นวายเรื่องชาวบ้าน ไม่อยากเสียงานที่มั่นคงไป

มายด์มิ้นท์จึงไม่เคยปริปากว่าเธอไปรู้ไปเห็นอะไรมา

ยิ่งหลายคนบอกว่า อรรถพลเป็นเด็กเส้นของคนใหญ่คนโตในองค์กร มายด์มิ้นท์ยิ่งปิดปากสนิทเหมือนติดซิป

ทว่ากลับกัน คนที่ควรนิ่งเงียบกลับเป็นฝ่ายเข้ามาวุ่นวายกับเธอเสียเอง

แม้อรรถพลไม่เคยพูดถึงเรื่องวันนั้น ไม่มีท่าทางกรุ่นโกรธใดๆ

เขาแสดงออกราวกับว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรที่เธอเห็นความลับน่าละอายของเขา ดูเหมือนเขาจะไม่โกรธ ไม่พยายามขู่เข็ญปิดปากอะไรเธอด้วยซ้ำ

หากเธอก็ยังรู้สึกถึงความอันตราย ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลา อบอุ่น นิ่งสงบ

มายด์มิ้นท์สะดุ้ง รีบเบนสายตากลับมา

เมื่อจู่ๆ เขาก็เก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงและเอ่ยถาม

“ช่างเขาบอกไหมว่ารอนานแค่ไหน”

“คงนานค่ะ พี่อรรถกลับก่อนเถอะค่ะ”

“ทำไมไล่พี่จังเลย มีอะไรรึเปล่า…”

คำว่า ‘มีอะไรรึเปล่า’ ของเขาเน้นหนักราวกับจะคาดคั้น ดวงตาคมเข้มหรี่มองมาคล้ายหยอกล้อระคนจับผิด เด็กสาวเม้มปากแน่น ในใจระแวงจนว้าวุ่น

ยังไม่ทันได้ตอบออกไป เขาก็เคลื่อนตัวมาใกล้

นาทีนั้นเด็กสาวรู้สึกเหมือนเงาปีศาจกำลังเลื่อนมาทาบทับ

“หรือว่า…มายด์ คิดจะทำอะไร…”

เด็กสาวถอยหลังไปอย่างลืมตัว ความปั่นป่วนเกิดขึ้นในอก จนเธอแทบจะรับมันไม่ไหวแล้ว

“มะ ไม่ค่ะ พี่อรรถ มายด์ไม่รู้ ไม่เห็นอะไร ไม่ได้พูดอะไรกับใครทั้งนั้น…”

สติเส้นสุดท้ายขาดผึง มายด์มิ้นท์ละล่ำละลักบอก ขณะที่เขาเหมือนจะนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะออกมา

“ฮ่าๆ อะไรมายด์…พี่แค่จะบอกว่า คิดจะให้หนุ่มๆ ที่ไหนมารับรึเปล่า เลยไม่ยอมให้พี่ไปส่ง… ก็แค่นั้นเอง”

เขาหัวเราะก๊ากอย่างเห็นขัน เด็กสาวทำได้แค่กำหมัดแน่น นึกโทษตัวเองที่อดทนน้อยไปหน่อย โดนเขาปั่นประสาทจนได้

แต่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ จะไปกลัวเขาทำไม อรรถพลต่างหากที่ต้องกลัวเธอ

ถึงจะคิดอย่างนั้น ทว่า…อีกฝ่ายกลับไม่สะท้านสะเทือน เหมือนตัวเองไม่มีชนักติดหลัง

กลายเป็นเธอที่ต้องแบกรับความรู้สึกอึดอัดใจอยู่ฝ่ายเดียวจนแทบบ้า…

“หน้ามุ่ยเชียว โกรธอะไรพี่รึเปล่า หืม?”

“เปล่าค่ะ!”

มายด์มิ้นท์กระแทกเสียงตอบไป

ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ก็มีรถกระบะเลี้ยวเข้ามาจอด เป็นพี่ชายเจ้าของร้านซ่อมรถนั่นเอง

มายด์มิ้นท์โล่งในหัวอกเหมือนพระมาโปรด อรรถพลโยกศีรษะเป็นเชิงว่าให้เธอไป

“ยางมาแล้ว ไปดูกัน เสร็จแล้วจะได้กลับ”

ไม่รอให้อรรถพลบอกซ้ำ สาวน้อยรีบเดินนำหน้าเข้าไปในร้าน

ทั้งสองคนเข้ามานั่งในร้าน ซึ่งเป็นม้านั่งๆ ยาวให้ลูกค้านั่งรอได้ มายด์มิ้นท์มองช่างที่กำลังซ่อม พร้อมๆกับระแวงคนข้างๆไปด้วย

เขาก็นั่งของเขา ไม่ได้สนใจเธอสักนิด แต่ทำไมรู้สึกอึดอัดเหมือนเขาจ้องมองมาตลอดกันนะ

ปัง!

จู่ๆ เสียงหม้อแปลงระเบิดก็ดังขึ้น ไฟในร้านดับ มายด์มิ้นท์สะดุ้งโหยง ขยับไปติดฝั่งที่เขานั่งโดยไม่รู้ตัว

“อ้าว! ห่าเอ๊ย! ไฟดับ เดี๋ยวรอแปบนะ น้าไปเอาไฟฉายก่อน

ในความมืดมิดเธอมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เสาไฟฟ้ารายทางดับหมด ส่งผลให้ข้างนอกมืดไปด้วย

เด็กสาวหัวใจเต้นตุบๆ เธอกลัวความมืดยิ่งกว่าอะไร เพราะตอนเด็กๆพ่อแม่มักหลอกให้เธอกลัวสิ่งลี้ลับ

จินตนาการในหัวตอนนี้คือ มีร่างดำมากมายซึ่งซ่อนตัวตามมุมต่างๆในความมืดค่อยๆคืบคลานเข้าหา

มายด์มิ้นท์เริ่มขนลุก ขยับถอยไปจนติดร่างของคนข้างๆ ตอนนี้เธอลืมกลัวเขาเสียสนิท

ขณะกลอกตามองไปมาในความมืดมิด เธอก็รู้สึกถึงความอุ่นร้อนของบางสิ่งวางที่ตรงเอวคอด เลื่อนแผ่วเบาขึ้นมายังโนมเนื้ออวบอัดด้านบน

มายด์มิ้นท์ตัวแข็งไม่กล้าขยับ กระทั่งความหนักหน่วงนั้นกดบีบเข้าตรงเต้าตูมเต่งภายใต้เสื้อเปียกชื้น

“อ๊ะ!”

มายด์มิ้นท์ร้องออกมาอย่างตกใจ ความหนักหน่วงของสิ่งนั้นเลื่อนลงไปทาบปิดตรงเนินสามเหลี่ยมของเธอ และลงน้ำหนักคลึงเคล้าเบาๆ

ตามมาด้วยเสียงกระซิบ

“ใหญ่ทั้งบนทั้งล่างนะเรา”

“ไอ้บ้า!”

มายด์มิ้นท์ตวาดออกไปและรีบลุกขึ้น

เป็นเวลาเดียวกันกับที่แสงไฟสว่างจ้าสาดส่อง ช่างซ่อมรถนำไฟสปอร์ตไลท์ดวงใหญ่ถือออกมาจากในบ้านพอดี

มายด์มิ้นท์จึงได้เห็นใบหน้าคมเข้มของอรรถพลซึ่งทำทีเพิกเฉย ทั้งที่เมื่อกี้เขาเพิ่งล่วงเกินเธอ…

“เป็นอะไรเหรอมายด์ อย่าโมโหสิ เดี๋ยวน้าเขาก็เสร็จแล้ว”

“ครับๆ หนูรอแปบนึงนะ เติมลมเข้าก็เสร็จแล้ว”

ช่างรถรีบกุลีกุจอเติมลมให้เธอ ด้วยคิดว่าเธอกำลังโมโหที่ตนเชื่องช้ากินเวลานาน

มายด์มิ้นท์กำหมัด เกลียดอรรถพลที่วางหน้านิ่ง เบี่ยงประเด็นไปได้ เสแสร้งแกล้งเป็นคนดีอย่างหน้าตาย

ที่ผ่านมาเขาแค่กวนประสาท แต่ครั้งนี้เขาลวนลามเธอ นี่มันเกินไปแล้ว…

ขณะมายด์มิ้นท์กำลังชั่งใจว่าจะเหวี่ยงกำปั้นใส่หน้าเขาดีไหม ช่างซ่อมรถก็เติมลมยางรถเสร็จพอดี

“เสร็จแล้วครับ สามร้อยยี่สิบบาท”

“เอาไปพันหนึ่งเลยครับ”

“เดี๋ยวจ่ายเอง”

มายด์มิ้นท์บอกเสียงห้วน หายใจแรงด้วยความขุ่นเคือง แต่อรรถพลก็ยิ้มๆ ไม่สนใจเธอ เขายัดเงินใส่มือของช่าง

“เรียบร้อยแล้วนะครับ”

“ขะ ขอบคุณครับ”

ช่างรีบรับเงินมาด้วยรอยยิ้มกว้าง อรรถพลก็หันมายิ้มให้เธอครั้งหนี่ง มายด์มิ้นท์มองขยะแขยง ตอบไป ยิ่งได้เห็นธาตุแท้แล้วยิ่งรังเกียจ

“พี่กลับก่อนนะ กลับบ้านได้แล้วนี่”

“ไปตายที่ไหนก็ไปเถอะค่ะ…”

คนโดนด่ากลับยิ้มให้ มายด์มิ้นท์นึกแล้วอยากจะเข้าไปตะบันหน้าสักที แต่คิดไปอีกที ถ้าทำจริงเธอคงได้หางานใหม่พรุ่งนี้แน่ๆ

ไอ้พี่อรรถบ้า! ถ้าไม่ติดว่าไม่อยากหางานใหม่นะ ได้กินส้นมือไปแล้ว!

ซ่อมรถฟรี แลกกับการโดนจับนมจับหอย มันคุ้มมั้ยล่ะเนี่ย เฮ้ออออ

มายด์มิ้นท์ ทั้งโกรธ ทั้งเคือง ทั้งขยะแขยงสัมผัสหยาบโลนที่ถูกเขาล่วงละเมิด

อรรถพลนั่งอยู่ในรถแล้ว ก็หันมามองคนตัวเล็กซึ่งจ้องมองอย่างอาฆาตมาดร้าย เขาเปิดกระจก ยื่นหน้ามาพูด

“ ไว้พรุ่งนี้เรามาสนุกด้วยกันนะ…”

คนตัวโตยิ้มพราย ตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

แล้วเด็กสาวก็พลันนึกได้ว่า คืนพรุ่งนี้เธอก็ต้องเจอกับเขาที่งานเลี้ยงอีกค่อนคืน

เชี่ยแล้ว…

หวังว่าไฟงานเลี้ยงคงไม่ดับหรอกนะ…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel