เด็กคุณเต 05(2)
“หนูไม่ได้จะไม่เชื่อฟังนะคะ คุณเตมีพระคุณมีเมตตาดูแลหนูมาอย่างดีหนูต้องเชื่อฟังคุณเตอยู่แล้ว วันนี้หนูแค่ก็อยากไปอยู่คอนโดเท่านั้นเองค่ะ”
“ทำไมต้องอยากไปอยู่คอนโด อยู่ที่นี่มันไม่ดีตรงไหน มีอะไรบ้างที่หนูพริ้งอยากได้แล้วอาหาให้ไม่ได้ ทำไมต้องอยากไปจากที่นี่!” คุณเตใช้น้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง เขาดูโมโห โมโหเหมือนครั้งนั้นเลย
เรื่องในวันนี้ทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวในวันนั้นหวนคืนอีกครั้ง “...สำหรับหนูอยู่ที่ไหนมันก็เหมือนเดิมค่ะ”
เหมือนเดิมของฉันคือมันไม่มีความหมาย ไม่มีอะไรแตกต่าง อยู่ที่ไหนฉันก็เหมือนตัวคนเดียว
“แล้วจะอยากไปอยู่คอนโดทำไม เพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านได้แค่แป๊บเดียวก็อยากไปอยู่ที่อื่นแล้วงั้นเหรอ”
“...” ก็เพราะพริ้งอยู่ที่นี่คุณเตจะไม่อยู่ที่นี่ไงคะ คนที่ควรไปควรเป็นพริ้งสิคะ ไม่ใช่คุณเตที่เป็นเจ้าของบ้าน
“ตอบอามาหนูพริ้งหรือว่าหนูพริ้งแอบมีแฟน นี่หนูกล้าขัดคำสั่งอางั้นเหรอ”
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่แบบนั้น” จะไปกันใหญ่แล้ว ฉันเหรอจะมีแฟน
“งั้นอะไร”
“เพราะถ้าหนูอยู่ที่นี่ คุณเตก็จะออกไปอยู่ที่อื่น”
“...”
เอาเถอะ มาถึงขนาดนี้แล้วพูดก็พูด “คุณเตบอกหนูว่าจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ความจริงแล้วคุณเตอยู่ที่ไทย คุณเตแค่ไม่อยากกลับบ้าน คุณเตแค่ไม่อยากเจอหนู หนูทำให้คุณเตลำบากใจ หนูเป็นภาระของคุณเต หนูโตแล้วหนูต้องพึ่งพาตัวเองหนูไม่ควรพึ่งพาไม่ควรทำให้คุณเตลำบากใจ”
น้ำตาฉันไหลมาแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องที่เป็นปมในใจฉันก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ตั้งแต่อายุ 12 จนถึงปัจจุบันนี้นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าเขา
สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้เกิดขึ้นแล้ว คุณเตขยับเข้ามาใกล้ มือข้างซ้ายโอบที่ไหล่แล้วดึงฉันเข้าไปกอด มืออีกข้างลูบที่หัวฉัน สีหน้าเขาดูอ่อนลงทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูโกรธฉันมาก ๆ
คุณเตเอ่ยด้วยน้ำเสียงละมุน “เอาอะไรมาพูด”
“ความจริงไงคะ” พูดไปก็สะอื้นไป ปากพูดว่าโตแล้วแต่ยังคงร้องไห้เป็นเด็กน้อย
“ความจริงที่ไหน ไปได้ยินที่ไหนมาครับ”
“จะไม่จริงได้ยังไงคะ คุณเตส่งหนูไปเรียนโรงเรียนประจำ พอหนูเรียนจบกลับมาอยู่บ้านคุณเตก็ออกไปอยู่ข้างนอก ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าส่วนเกินจะเรียกว่าอะไรคะ”
สองมือของคุณเตจับที่ไหล่ฉันให้ยืนตัวตรง จากนั้นมือขวาแตะที่ปลายคางฉันให้เชยขึ้น มือซ้ายยื่นมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้า “เพราะเหตุผลนี้ถึงจะไปอยู่คอนโดงั้นเหรอครับ นี่อาทำให้หนูพริ้งของอาน้อยใจอย่างนั้นเหรอ”
“...” สายตาอ่อนโยนของคุณเตทำฉันยอมศิโรราบ
“มานี่มา เรามานั่งคุยกันหน่อย” คุณเตคว้าข้อมือฉันให้เดินตามเขามาที่โซฟา เราสองคนนั่งลงข้างกัน
“คุยอะไรคะ” ฉันกับเขาควรจะพูดคุยอะไรกัน ฉันเคยพูดกับคุณเตเกินสิบนาทีที่ไหนกันล่ะ
ไม่สิ วันนี้ดูเหมือนจะเกินสิบนาทีมาแล้วที่เราอยู่ตรงนี้ด้วยกันสองคน
“สาเหตุที่อาให้หนูพริ้งไปอยู่โรงเรียนประจำเพราะอาไม่ค่อยมีเวลาดูแลหนูพริ้งไงครับ แล้วก็พูดตามตรงว่าอาไม่เคยเลี้ยงเด็กน้อย อาดูแลไม่เป็น กลัวจะดูแลไม่ดีถึงได้ส่งหนูพริ้งไปอยู่โรงเรียนประจำที่ดีที่สุด”
“…”
“ส่วนเรื่องที่อาบอกว่าไปต่างประเทศอาก็ไปจริง ๆ แต่ไปแค่หนึ่งเดือน จากนั้นกลับมาก็คิดว่าไม่กลับมาบ้านหนูพริ้งจะสบายใจกว่า พูดตามตรงว่าอาทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี”
“…” ฉันนั่งฟังเงียบ ๆ เพราะคิดว่าคุณเตอายุมากกว่าฉัน ใช้ชีวิตมามากกว่าฉัน คุณเตจะพูดอะไรก็ได้ ตั้งแต่รู้ว่าคุณเตไม่ได้ไปต่างประเทศอย่างที่บอกไว้ ฉันก็ไม่คิดจะเชื่อเรื่องที่คุณเตแต่งนิทานหลอกฉันอีก เขาเหรอจะทำตัวไม่ถูก เขาขึ้นชื่อว่าเสือผู้หญิงเลยนะ มีเหรอจะไม่มีวิธีจัดการกับเด็กน้อยอย่างฉัน
“เด็กน้อยโตแล้ว ไม่เชื่อคำพูดอาใช่ไหมครับ”
“เปล่านะคะ” เห็นไหม คำก็เด็กน้อยสองคำก็เด็กน้อย เขายังคงมองฉันเป็นเด็ก
“เปล่าอะไร ตอนนี้สีหน้าหนูพริ้งบอกทุกอย่าง”
“…” ใช่ ฉันเก็บอาการไม่เก่ง ไม่ควรจะอยู่ใกล้เขานาน ๆ ไม่อย่างนั้นจะถูกจับพิรุธได้
“อาไม่เคยมองหนูพริ้งเป็นภาระจริง ๆ เชื่ออาสิครับ”
“ค่ะ” เชื่อก็ได้ ยอมเชื่อก็ได้ ถ้าบอกว่าเชื่อเขาอาจจะใจเย็นขึ้น “แต่หนูก็ยังอยากไปอยู่คอนโดนะคะ”
“ทำไมครับ ทั้งที่อาอธิบายขนาดนี้ ทำไมหนูพริ้งยังอยากไปอีก” ใจเย็นขึ้นจริงด้วย ถึงจะแค่นิดเดียวก็เถอะ
“คุณเตคะ” ฉันอ้อนอีกนิดก็แล้วกัน
“ว่าไงครับ”
“หนูโตแล้วคะ”
“...”
