เด็กคุณเต 04
นอนจนพอฉันก็กลับมาบ้าน ความจริงก็ยังไม่อยากกลับเพราะว่าฉันยังซ่อมความรู้สึกได้ไม่ดีนัก ฉันกลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วทำตัวก้าวร้าว ซึ่งฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเพราะฉันรู้ตัวเองดีว่าเป็นส่วนเกินและเป็นภาระของคุณเต ฉันไม่ควรสร้างปัญหา ที่ผ่านมาฉันไม่อยากสร้างปัญหาถึงได้พยายามทำตัวให้มีปัญหาน้อยที่สุด นี่ถ้าสั่งหัวใจตัวเองได้ฉันก็อยากสั่งให้เลิกรักคุณเต
แต่เรื่องหัวใจใช่ว่ามันจะเชื่อฟังเจ้าของ
“คุณพริ้งไปไหนมาคะป้าโทรหาก็ไม่ติด เกิดอะไรขึ้นคะ หายไปแบบนี้ป้าเป็นห่วงนะคะ” มาถึงป้าแม่บ้านก็ซักถามด้วยความเป็นห่วง
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงค่ะป้า โทรศัพท์พริ้งตกพื้นพังค่ะ พริ้งทำงานกลุ่มกับแพงจนดึกก็เลยค้างคอนโดแพง”
“ป้าเป็นห่วงมากนะคะ ดีนะคะที่คุณเตไม่กลับบ้านตั้งแต่คืนก่อน ไม่อย่างนั้นแย่แน่ค่ะ คุณเตต้องไม่พอใจแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าคุณพริ้งไม่กลับบ้าน”
“ขอบคุณที่ไม่บอกคุณเตนะคะป้า”
“ต่อไปอย่าหายไปแบบนี้อีกนะคะ ป้าใจไม่ดีจริง ๆ”
“ค่ะป้า ต่อไปมีอะไรพริ้งจะบอกป้านะคะ”
“ป้ารักคุณพริ้งนะคะ คุณหนูพริ้งของป้า” นอกจากพะแพงก็มีป้าแม่บ้านนี่แหละที่บอกรักฉัน นอกนั้นไม่มีเลย “แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยังคะ ป้าทำกล้วยบวชชีไว้”
“อยากกินพอดีเลยค่ะ ขอหนึ่งที่นะคะ”
“ได้ค่ะ คุณพริ้งนั่งรอที่โต๊ะอาหารนะคะ”
“ค่ะ” ฉันไม่ได้อยากกินหรอก ตอนนี้ยังคงมึนหัวอยู่ ที่บอกว่าอยากกินก็แค่อยากเห็นป้ายิ้มเท่านั้น ฉันไม่ควรทำให้คนแก่เป็นกังวลเพราะฉันใช่ไหมล่ะ
ระหว่างที่นั่งคนกล้วยบวชชีในถ้วยเล่นสักพักใหญ่ฉันก็ตัดสินใจที่จะถามป้าแม่บ้าน ทำไมต้องถามป้าปลีน่ะเหรอ ก็เพราะที่ผ่านมาป้าปลีจะเป็นคนดูแลฉันและคอยรายงานความต้องการของฉันให้คุณเตทราบ เมื่อคุณเตอนุญาตฉันถึงจะได้ทำตามที่ต้องการ ที่ผ่านมาระหว่างฉันกับคุณเตทุกอย่างจะผ่านป้าปลี น้อยครั้งมากที่คุณเตจะเป็นคนมาพูดกับฉันด้วยตัวเอง
“ป้าปลีคะ”
“คะคุณพริ้ง นี่ป้าทำไม่อร่อยเหรอคะ ทำไมคุณพริ้งทานแค่นิดเดียว”
“อร่อยสิคะ ป้าปลีทำอร่อยอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นคุณพริ้งเรียกป้ามีอะไรจะพูดกับป้าเหรอคะ”
“พริ้งจะขึ้นปี2 แล้ว อายุก็จะ 20 ปีแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ คุณพริ้งโตเป็นสาวแล้ว”
“งานที่มอเยอะมากเลยค่ะป้า เดินทางไปกลับดึกดื่นบ่อย ๆ ไม่สะดวกเลยค่ะ ป้าคะพริ้งอยากไปอยู่คอนโด ป้าช่วยถามคุณเตให้พริ้งได้ไหมคะ”
“ป้าจะลองถามคุณเตให้นะคะ” เห็นไหมว่าทุกอย่างต้องพึ่งป้าปลีจริง ๆ
“พริ้งจะเป็นเด็กดี จะไม่เกเรค่ะป้า” คำพูดของป้าปลีมีความหมายมาก ฉันต้องยืนยันกับป้าป้าจะได้ช่วยฉันพูด
“ค่ะ ป้าทราบค่ะ ป้าจะบอกคุณเตถึงด้านดี ๆ ของคุณพริ้งแน่นอนค่ะ”
“ขอบคุณนะคะป้าปลี”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ มันเป็นหน้าที่ของป้าที่ต้องดูแลคุณพริ้งอยู่แล้ว”
แม้ไม่รู้ว่าคุณเตจะอนุญาตไหม แต่ฉันก็ขอดีใจไว้ก่อน เอาจริงนะการออกไปอยู่ข้างนอกไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ทว่าฉันที่กลายเป็นส่วนเกินจะอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ยังไง
พูดกันตามจริงฉันก็เหมือนคนนอกเพราะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเต ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่แล้วให้เจ้าของบ้านไปอยู่ที่อื่น ถ้ามีคนควรจะไปคนคนนั้นก็ควรจะเป็นฉันถึงจะถูก
ฉันเป็นแค่ลูกสาวของเพื่อนที่ถูกฝากฝัง ฉันไม่ควรเป็นภาระของคุณเตตลอดชีวิต
ป้าปลีเคยเล่าให้ฉันฟังว่าเมื่อฉันอายุ 20 ปีคุณเตจะสิ้นสุดการเป็นผู้ปกครองของฉัน หลังจากนั้นฉันจะมีสิทธิ์จัดการมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ด้วยตัวเอง พูดมาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าตั้งแต่เสียพ่อแม่ไปคุณเตก็เป็นคนจัดการดูแลมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ได้รู้นะว่ามีอะไรบ้างเนื่องจากฉันกับคุณเตพูดคุยกันน้อยมาก
มาถึงวันนี้ก็เหลืออีกไม่ถึงครึ่งปีฉันกับคุณเตก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก หลังจากนี้ฉันก็ไม่ต้องเป็นส่วนเกินในชีวิตของคุณเต เขาก็จะใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องคอยพะวงเรื่องฉัน
ถ้าหากได้ไปอยู่ที่คอนโดก็คงไม่ต่างจากตอนที่อยู่โรงเรียนประจำสักเท่าไหร่ ฉันอยู่ที่ไหนความรู้สึกก็คงไม่แตกต่าง ฉันก็แค่ใช้ชีวิตให้หมดวัน ไม่มีความฝันเพราะไม่มีคนคอยยินดีเวลาที่ประสบความสำเร็จ มาคิดดูแล้วถ้าวันนั้นฉันเสียชีวิตพร้อมพ่อกับแม่ก็คงดี ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นภาระของคุณเตมาจนถึงทุกวันนี้ บางครั้งก็คิดนะว่าฉันไม่ควรมีชีวิตอยู่
“ป้าคะคุณเตได้เอาเหลียนฮวาไปด้วยไหมคะ” ฉันคิดถึงเหลียนฮวา แต่ว่าเหลียนฮวาไม่ใช่ของฉัน ไม่รู้ว่าคุณบัวเธอเอาเหลียนฮวาไปด้วยหรือเปล่า เธอเอาไปก็ไม่ผิดอยู่แล้วเพราะนั่นแมวของเธอ
“ไม่ได้เอาไปค่ะ เหลียนฮวาเป็นของคุณพริ้งคุณเตจะเอาไปทำไมคะ” ป้าปลียิ้ม
“เหลียนฮวาเป็นของพริ้งเหรอคะ” แม้รู้อยู่เต็มอกว่าเหลียนฮวาไม่ใช่ของฉัน ทว่าเมื่อได้ยินแบบนี้หนึ่งใจก็ยังอยากหลอกตัวเองให้ได้มีความสุขสักหน่อย
“จริงสิคะ” เหมือนป้าปลีจะปลอบใจฉันด้วยคำโกหกได้เป็นอย่างดี เป็นคำโกหกที่ฉันอยากฟังนะ
“ถ้าอย่างนั้นพริ้งไปหาเหลียนฮวานะคะ”
“ค่ะ”
แม้จะเห็นเหลียนฮวาแล้วเกิดความรู้สึกเศร้า แต่ก็เพราะหลงรักไปแล้ว ต่อให้เศร้าแค่ไหนฉันก็ยังอยากเจอเหลียนฮวา
เดินเข้ามาในห้องของเหลียนฮวา เหลียนฮวาก็เดินมาอ้อนฉันเหมือนทุก ๆ ครั้ง
“เหลียนฮวาหนูพริ้งมาแล้วค่ะ” ไม่ใช่เจ้าของแล้วยังไง ฉันรักไปแล้ว เหลียนฮวาก็ดูชอบฉัน ฉันจะทิ้งขว้างไม่สนใจไยดีได้ยังไง
เอาไว้เจ้าของเขากลับมาฉันค่อยอยู่เงียบ ๆ ก็ได้
พูดแบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวฉันเป็นชู้ยังไงไม่รู้ ทั้งที่เป็นเรื่องเหลียนฮวา
