Chapter 3 ห้องนอนของเรา
Chapter
3
ห้องนอนของเรา
มิรินทร์มองหน้าของธีรติณณ์ด้วยความตกใจและไม่คาดคิดว่าจะได้ยินว่านี่คือห้องนอนของเรา
“ทำไมถึงเป็นห้องนอนของเรา มิรินทร์มาทำงานใช้หนี้ไม่ได้มาเสียตัวใช้หนี้นะคะ” มิรินทร์เอ่ยขึ้นมาเพราะในสิ่งที่เธอคิดคือการมาทำงานทุกอย่างแต่ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเสียตัวเพื่อใช้หนี้
“นี่คุณคิดว่าการมาขัดดอกคืออะไรอย่างนั้นหรอ การขัดดอกก็คือเอาตัวของคุณมาขัดไง” ธีรติณณ์เอ่ยขึ้นมาแล้วทำให้มิรินทร์หน้าซีดขึ้นมาในทันทีเพราะตั้งแต่เกิดมาเธอก็มีความฝันอยากเก็บความบริสุทธิ์นี้ไว้ให้กับสามีที่เธอรักเท่านั้น
“ขัดดอกคือเสียตัว” มิรินทร์ที่คิดว่าการขัดดอกไม่จำเป็นต้องเสียตัวเสมอไปทำให้เธอได้แต่ยืนหน้าซีดจนธีรติณณ์สังเกตได้
“พร้อมคืนนี้เลยมั้ย” ธีรติณณ์ที่เห็นมิรินทร์ยืนหน้าซีดก็ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งเธอเพราะมันดูน่าสนุกสำหรับเขา
“ไม่นะคะ ยังไม่พร้อมค่ะ อย่าเข้ามานะคะ ไม่อย่างนั้นมิรินทร์สู้จริง ๆ นะคะ” มิรินทร์ตอบกลับธีรติณณ์ในทันทีเพราะเธอไม่อยากเสียตัวในวันนี้แม้เธอจะรู้ว่าเธอไม่มีทางหนีการเสียตัวในครั้งนี้ไปได้
“ไม่พร้อมได้ยังไง เธอมาใช้หนี้ไม่ว่าเจ้านายต้องการตอนไหนก็ต้องได้” ธีรติณณ์พูดจบเขาก้าวขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ เธอเรื่อย ๆ มิรินทร์ขยับตัวถอยหนีเขาไปเรื่อย ๆ แม้จะรู้ว่าไม่มีทางหนีไปไหนได้
“อย่านะคะ อย่านะ” สิ้นเสียงมิรินทร์ล้มลงบนที่นอนอย่างแรงเมื่อเธอถอยหลังจนชนเข้ากับเตียงนอน เธอหลับตาปี๋ด้วยความกลัว มือของเธอกำแน่นจนเหงื่อซึมออกมา
“คืนนี้แต่งตัวไปทำงานที่คลับก่อน วันนี้ผมมีงานที่ต้องไปเคลียร์นิดหน่อย ผมเลยอยากให้คุณไปดูงานกับผมเพราะต่อไปคุณจะต้องได้ไปที่คลับบ่อย ๆ” ธีรติณณ์ที่กำลังคล่อมร่างกายของเธอเอ่ยขึ้นมาอย่างนั้นทำให้มิรินนทร์กล้าลืมตาขึ้นมามองหน้าของเขา
“เฮ้อ!!!” มิรินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจ แม้เธอรู้ว่าสักวันเธอจะต้องเสียตัวให้เขาแต่อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่วันนี้
“ทำไมถึงต้องถอนหายใจแรงขนาดนี้ด้วย คิดว่าคุณจะรอดจากเนื้อมือของผมหรือไง” ธีรติณณ์เอ่ยขึ้นมาก่อนที่เขาจะจ้องมองใบหน้าสวย ๆ ของมิรินทร์โดยที่เขาก็ยังคล่อมร่างกายของมิรินทร์อยู่อย่างนั้น
“หรือจะเปลี่ยนใจไม่ไปที่คลับดีนะ” ธีรติณณ์เอ่ยขึ้นมาแล้วก็ส่งสายตาที่แสดงออกถึงเรื่องอย่างว่าไปให้มิรินทร์
“มะ...ไม่” มิรินทร์ที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างขึ้นมาแต่เสียงมือถือของธีรติณณ์ดังขึ้นมาราวกับมาช่วยชีวิตของเธอ
ธีรติณณ์กดรับสายก่อนที่จะทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที แต่มิรินทร์ไม่รู้ว่าเรื่องที่ทำให้เขาเคร่งเครียดคือเรื่องอะไร
“ลุกขึ้นได้แล้ว ไปแต่งตัวชุดอยู่ในตู้ เป็นคนของผมจะแต่งตัวกะโปโลอย่างนี้ไม่ได้ ให้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหน้าสิบนาที ถ้าไม่เสร็จ คุณจะเป็นฝ่ายเสร็จผมแทน” ธีรติณณ์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับสัมผัสที่หน้าจอมือถือแล้วเดินออกไปจากห้องโดยที่มิรินทร์ไม่มีเวลาได้โต้เถียงเขาเรื่องเวลาแต่งตัวแต่งหน้า
“คนบ้าอะไรจะแต่งตัวแต่งหน้าได้ภายในสิบนาที นี่เรามาทำงานใช้หนี้หรือมาเข้าค่ายลูกเสือว่ะเนี่ย” มิรินทร์เอ่ยขึ้นมาแต่เธอก็ต้องรีบแต่งตัวให้เร็วที่สุดถ้าไม่อย่างนั้นเธอต้องเสียตัวตอนนี้แน่นอน
ในขณะที่มิรินทร์กำลังเลือกเสื้อผ้าเพื่อใส่ไปที่คลับ ธีรติณณ์กำลังคุยโ ทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ทำไมมึงปล่อยให้พวกมันเข้ามาได้ยังไงกูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้พวกมันกลับเข้ามาในคลับของกูอีก” ธีรติณณ์เอ่ยขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับท่าทางที่หงุดหงิดดูเหมือนว่าเขากำลังหงุดหงิดที่ลูกน้องของเขาทำงานตามที่เขาสั่งไม่ได้
“ถ้าพวกมึงเอามันออกไปไม่ได้ก่อนที่กูจะเข้าไป กูจะเป็นคนลากพวกมึงออกจากงานทีละคน” ธีรติณณ์ดุดันมาก ๆ เวลาทำงาน แม้เขาจะสุขุมแต่เวลาที่เขาโมโหหรือโกรธเขาก็เหมือนพายุทอร์นาโดทีเดียว
มิรินทร์เองก็กำลังสวมเสื้อผ้าชุดใหม่แม้ว่าเธอจะไม่ชอบชุดนี้แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์เลือกไปมากกว่านี้เพราะชุดที่อยู่ในตู้เซ็กซี่และหวือหวาจนแทบจะปิดอะไรไม่มิด ชุดนี้ที่เป็นเกาะอกสีดำวิบวับแต่ก็สั้นมาก ๆ เธอจึงเลือกที่จะปล่อยผมลงมาและเติมปากเติมแก้มเล็กน้อยแค่นี้เธอก็สวยได้ภายในสิบนาที
ธีรติณณ์ที่เดินกลับที่ห้องเขาคิดว่าเวลาที่เขาให้เธอแต่งตัวแต่งหน้า เธอจะต้องทำไม่ทันแต่มิรินทร์กลับสวมบทลูกเสือสาวที่ทำอะไรได้ทันแม้จะเป็นเวลาอันน้อยนิดก็ตาม
“เสร็จหรือยัง” ธีรติณณ์เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาโดยที่เขายังไม่ได้มองดูมิรินทร์และเขาเองก็คิดว่าเธอต้องยังแต่งตัวไม่เสร็จอย่างแน่นอนเพราะโดยปกตินิสัยของผู้หญิงต้องแต่งตัวและแต่งหน้าอย่างน้อยก็สามสิบนาที
“เสร็จแล้วค่ะ พร้อมไปหรือยังคะ” มิรินทร์เอ่ยขึ้นมาอย่างผู้ชนะเมื่อทั้งหน้าตาและเสื้อผ้าของเธอพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว
“โอเค ตรงเวลาใช้ได้ วันหลังห้านาทีก็น่าจะพอ” ธีรติณณ์เอ่ยขึ้นมาเหมือนแกล้ง ๆ มิรินทร์เพราะเขาพูดแล้วก็ยิ้มออกมาเหมือนดีใจที่ได้เห็นหน้าของมิรินทร์มุ่ยเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยออกมา
“ค่ะ ห้านาทีเสร็จไวไปมั้ยคะ” มิรินทร์เอ่ยขึ้นมาแล้วก็เดินตามธีรติณณ์แต่อยู่ ๆ เขาก็หยุดเดินทำให้มิรินทร์ชนที่หลังของเขาในทันทีอย่างไม่ตั้งใจ
“แต่ผมไม่ใช่ห้านาทีแน่นอนอย่างน้อย ๆ ก็ไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง” ธีรติณณ์เอ่ยขึ้นมาแล้วก็หันมามองหน้าของมิรินทร์พร้อมกับยักคิ้วขึ้นหนึ่งข้างอย่างกวน ๆ
มิรินทร์ได้แต่นั่งเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จาเพราะเธอไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอบโต้เขาอีกเพราะเธอให้เธอพูดอะไรไปเขาก็หาเรื่องมาพูดเอาชนะเธออยู่ดี
ธีรติณณ์เดินนำเธอไปที่รถที่ตอนนี้คนขับรถของเขาเคลื่อนรถมาจอดรอเธอเรียบร้อยแล้ว
รถตู้สีดำสุดหรูขับเคลื่อนมาจนถึงคลับชื่อดังที่เป็นทั้งสถานบันเทิงและคาสิโน ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก
มิรินทร์มองออกไปนอกรถเห็นชายสูทสีดำเป็นสิบ ๆ ออกมายืนรอเขา ทันทีที่เขาเดินลงจากรถและเธอเองก็เดินตามหลังของเขาไปติด ๆ ชายสูทสีดำก็กรู่เข้ามาขนาบข้างทั้งสองข้างและหน้าหลังก็ปิดมิดชิดเพื่อป้องกันเขาไว้เป็นอย่างดี
มิรินทร์รู้สึกเกร็งมาก ๆ ที่มีคนมาเดินล้อมรอบอย่างนี้ เหตุการณ์อย่างนี้เขาเคยเห็นแต่ในละครและภาพยนต์เท่านั้นที่จะมีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลังอย่างนี้
“เดินมาข้าง ๆ ฉันสิมิน” ธีรติณณ์เอ่ยขึ้นมาแล้วก็จับมือของเธอให้เดินมาอยู่ในระดับเดียวกัน
“ทำไมมือเย็นอย่างนี้ตื่นเต้นอะไร” ธีรติณณ์ที่สัมผัสมือของเธอก็รู้สึกได้ว่ามันเย็นมาก ๆ
“ค่ะ” มิรินทร์เอ่ยขึ้นมาสั้น ๆ เพราะเธอตื่นเต้นและไม่คุ้นชินกับสถานการณ์อย่างนี้จริง ๆ
“อีกหน่อยก็ชิน” ธีรติณณ์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับบีบมือของเธอแน่นเหมือนกำลังบอกกับเธอว่ามีเขาอยู่ข้าง ๆ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาเองบางทีก็ดูใจร้ายและแกล้งเธอแต่ตอนนี้กลับทำตัวอบอุ่นจนเธอประหลาดใจว่าอันไหนคือนิสัยแท้ ๆ ของเขา
