บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ไร่ชา

ตอนที่ 6

ไร่ชา

พวกเขาใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดกั๋วซุนก็พาเยลลี่เดินทางมาถึงไรjชาที่จิ่วซีจนได้ เมื่อรอดรถแล้วก็พากันเดินเข้าไปที่จุดต้อนรับ แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้มีคนพลุกพล่านเหมือนตามน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้เลยก็ว่าได้

“สองคนครับ” กั๋วซุนเอ่ยกับคุณน้าท่าทางใจดีพร้อมยื่นเงินไปให้ ถ้าเป็นที่ไทยก็อารมณ์ประมาณค่าบำรุงสถานที่นั่นละมั้ง

“ไปกัน” เขาหยิบบัตรที่คุณน้านั้นยื่นมาให้แล้วพากันเดินเข้าไปด้านใน

เมื่อเดินพ้นหน้าประตูมาได้ก็พบกับไร่ชาที่เงียบสงบและสวยงามสมกับคำร่ำลือ แสงแดดยามสายส่องกระทบยอดชาเขียวขจีเป็นลอนคลื่น ไล่ระดับลดหลั่นตามเนินเขา กลายเป็นฉากหลังชั้นดีสำหรับภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่ทั้งคู่ผลัดกันถ่าย กั๋วซุนดูโปรกับกล้องตัวใหญ่ในมือมาก ส่วนเยลลี่ก็โพสต์ท่าสวย ๆ ระดับอินฟลูเอนเซอร์อย่างคล่องแคล่ว

“คุณทำVlogเหรอ ทำไมดูเซียนขนาดนี้” เธอหันไปถามในตอนที่เขากำลังจัดการเปลี่ยนเลนส์กล้อง

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ผมแค่ทำเล่น ๆ เป็นคนชอบเก็บบรรยากาศตามสถานที่ต่าง ๆ” เขาพูดจบก็หันกล้องมาที่เธออีกครั้ง

“แบบนี้แสดงว่ามีสาว ๆ เต็มเลยสินะ” เยลลี่ที่ไม่รู้ว่านึกยังไง จู่ ๆ เธอก็ถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น และเมื่อรู้ตัวว่าถามอะไรออกไปก็หันไปมองเขานิ่ง ๆ

“ก็.. เยอะอยู่” แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่

หลังจากนั้นทั้งคู่เดินต่อมาเรื่อย ๆ ถ่ายมุมนั้นมุมนี้จนถึงโซนที่ไร่ชาเปิดให้นักท่องเที่ยวทดลองเก็บยอดชาได้

“พ่อหนุ่ม.. อยากลองพาแฟนไปเก็บยอดชาไหม” ชายมีอายุท่าทางใจดีเดินมาถามทั้งสองด้วยสีหน้าเป็นมิตร ทำให้เยลลี่และกั๋วซุนชะงักไปเล็กน้อย

ไม่ใช่เพราะการเก็บยอดชาหรืออะไร แต่เพราะคำว่าแฟนที่เขาพูดออกมาต่างหาก

ชายหนุ่มที่กำลังจะอ้าปากปฏิเสธแบบสุภาพว่าไม่ใช่แฟนแต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงใส ๆ ของเยลลี่ก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“น่าสนุกดีนะคะ” เธอยิ้มกว้างแล้วคว้ากระจาดมาใบหนึ่งก่อนจะส่งให้เขา

“เผื่อจะได้รูปสวย ๆ ไง” กั๋วซุนรับกระจาดนั้นมาถือไว้ก่อนจะเดินตามเธอและชายมีอายุคนนั้นไปแต่โดยดี

ทั้งสองเดินไปหยุดที่จุดเก็บยอดชาที่มองจากมุมสูงเห็นไร่ชาเป็นริ้วคลื่นสีเขียวทอดยาว

เยลลี่หยิบกระจาดคล้องแขนไว้ข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งโน้มตัวลงเก็บยอดชาด้วยท่าทางตั้งใจตามที่ลุงคนเมื่อครู่สอน กั๋วซุนยืนอยู่ไม่ไกลนัก ก็ตั้งหน้าตั้งตาจับกล้องอย่างคล่องแคล่ว เขากดชัตเตอร์รัว ๆ ขณะเล็งมุมที่แสงแดดตกต้องกับเส้นผมสีอ่อนของเธอจนดูเหมือนกำลังเรืองแสง

“ตรงนั้นกำลังดีเลย.. หันมายิ้มนิดหนึ่ง” เขาบอกเสียงทุ้มอย่างอารมณ์ดี เยลลี่เองก็ปรายตามองเขาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแบบคนรู้งาน

“สวยไหม” เธอยิ้มให้กล้องก่อนจะหันไปเก็บยอดชาอีกรอบ

“ไม่รู้สิ.. ก็สวยมั่ง” เขาตอบหน้าตายแต่ทำให้เยลลี่ถึงกับมุ่ยหน้า

“ถ้าไม่สวยแล้วจะถ่ายทำไมก่อน~”

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็เริ่มหอบกระจาดที่ใส่ยอดชาเยอะพอสมควรแล้วเดินกลับมาทางเดิม ท้องฟ้าเมื่อครู่ที่ยังแจ่มใสจู่ ๆ ก็เริ่มมีเมฆครึ้มสีเทาทึบเคลื่อนตัวมาช้า ๆ ลมอ่อน ๆ ที่พัดใบชาเมื่อครู่เริ่มแรงขึ้นจนน่าแปลกใจ

“ทำไมลมแรงจัง” เยลลี่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“เหมือนฝนจะตกเลย” กั๋วซุนมองท้องฟ้านิ่ง ๆ ก่อนจะเริ่มเห็นชาวบ้านเริ่มหอบตะกร้าแล้วเร่งฝีเท้าเดินขึ้นไปทางบ้านพักบนเนิน

“ไปกันเถอะ ฝนกำลังจะตกแน่ ๆ” เขาพูดขึ้นแล้วหอบตะกร้าเอาไว้

ทั้งสองคนรีบเดินตามกลุ่มชาวบ้านขึ้นไปบนทางเนินแคบ ๆ โดยมีกระจาดยอดชาติดมือไปด้วย ตลอดทางที่เดินลมยิ่งแรงขึ้นเรื่อย ๆ

และยังไม่ทันพ้นไร่ชาดี เสียงฟ้าร้องคำรามกึกก้อง และตามมาพร้อมกับเม็ดฝนเม็ดโตที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลมแรงโหมเข้ามาราวกับจะโค่นทั้งไร่ชาในคราวเดียว ทั้งสองรีบวิ่งตามชาวบ้านเพื่อไปหลบฝนพร้อมกระชับกระจาดชาในมือแน่น ส่วนกั๋วซุนก็เอื้อมมือมาคว้าแขนเธอไว้แล้ววิ่งนำ

“ทางนี้” เขาตะโกนแข่งกับเสียงฝน แล้วพาเธอวิ่งฝ่าสายฝนที่โหมหนักจนเสื้อผ้าเปียกชุ่มติดตัวไปหมด

ละอองฝนกระแทกใบหน้า น้ำจากยอดชาพุ่งกระเซ็นเป็นสาย พอถึงที่พักชั่วคราวของชาวบ้านบนเนิน พวกเขาก็วิ่งเข้าไปหลบฝนในศาลาไม้หลังเล็ก ที่ตอนนี้มีชาวบ้านอีกหลายคนเข้ามาหลบฝนอยู่ก่อนแล้ว

เธอถอดหมวกสานเปียก ๆ ออกแล้วบีบน้ำจากชายเสื้อเชิ้ต ส่วนกั๋วซุนก็ยืนอยู่ไม่ไกลก็บิดชายเสื้อเหมือนกัน

“ไม่คิดว่าจะตกขนาดนี้” เธอพูดแข่งเสียงฝนที่พอได้ยินกันสองคน

“นั่นสิ”

เวลาผ่านไปไม่นาน ชาวบ้านเริ่มทยอยกันกลับออกจากศาลา พากันแยกย้ายขึ้นรถหรือเดินไปทางบ้านใกล้เคียง จนสุดท้ายในศาลาก็เหลือเพียงกั๋วซุนกับเยลลี่ที่ยังยืนเปียกโชกกันอยู่

ลุงคนเดิมที่ชวนพวกเขามาเก็บยอดชาก่อนหน้านั้นเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“พวกหนูพักที่ไหนกันเหรอ” เขาเอ่ยถามออกมาในตอนที่ฝนเบาเล็กน้อย

“พวกเรามาจากเซี่ยเหมินครับ” ทันทีที่เขาตอบ ลุงคนเดิมก็ขมวดคิ้วทันที

“โอย~ วันนี้พายุเข้านะพ่อหนุ่มกลับไม่ได้หรอก ฝนคงตกหนักยันเช้าแน่ ๆ” ทั้งกั๋วซุนกับเยลลี่หันมองหน้ากันทันที น้ำฝนยังหยดจากปลายผมทั้งคู่

“อ่าว” เยลลี่เอ่ยออกมาเพียงเท่านั้น เพราะไม่รู้เลยว่าตอนนี้จะถามอะไรออกไป คืนนี้ต้องนอนที่ไหน จะกลับยังไง ฝนจะหยุดตกไหม จะกินอะไร เธอมีคำถามมากมายในหัวแต่มันกลับไม่สามารถถามออกมาได้

ลุงมองทั้งสองอยู่พักหนึ่ง และดูเหมือนว่าจะพอรู้ว่าทั้งคู่คิดอะไร

“ถ้าไม่รังเกียจไปพักบ้านลุงไหม มีห้องว่างอยู่ห้องหนึ่ง พอดี ลูกสาวลุงยังไม่กลับมา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel