เพลิงพิศวาสซาตาน บทที่ 5
ตอนที่ 3...
หากเพียงก้าวลงบันไดไปไม่ถึงห้องโถง...
ตังเมก็แทบจะชะงักเท้าอยู่เพียงนั้นด้วยความตื่นตกใจ ก็นั่นมัน...
"ตำรวจ..."
ตำรวจมาเต็มบ้านเลย เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย ถามตัวเองด้วยอาการชะงักงัน ขณะที่คนก้าวตามลงมาอย่างพาพลเองก็ถึงกับชะงักตามไปด้วย
"เกิดอะไรขึ้นเหรอเม..."
"ตำรวจมากันเต็มเลยค่ะ"
"ตำรวจ !"
พาพลทวนคำ ด้วยความเป็นพี่ที่เป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะมากกว่า ทำให้เขาตั้งสติ ก่อนก้าวลงบันไดไปยกมือไหว้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ก้าวนำเข้ามาก่อนนั้นด้วยความสุภาพอ่อนโยน
"สวัสดีครับ...พวกผมคงต้องขอโทษด้วยที่ละลาบละล้วงเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน คือเราพยายามโทรศัพท์ และกดกริ่งหน้าบ้านเรียกแล้ว แต่ไม่มีใครได้ยิน"
"ไม่เป็นไรครับ...ว่าแต่...เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ"
"โทษนะครับ นี่เป็นบ้านของคุณมนตราใช่มั้ยครับ"
ชื่อของพี่แตงโมนี่นา พี่สาวของเธอมีชื่อจริงว่ามนตรา ไม่ผิดแน่ ๆ แต่เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวของเธอ แค่คิดใจก็หายวาบ
"ค่ะ...พี่แตงโม เอ้อ...มนตรา เป็นพี่สาวของฉัน ฉันมาดาค่ะ"
"งั้นคุณก็คือ...น้องสาวของผู้เสียชีวิต"
"เสียชีวิต !"
ถึงตอนนี้...นอกจากเสียงทวนคำของตังเมแล้ว ยังเป็นเสียงทวนคำของพาพลด้วย ทั้งเขาและเธอต่างตกอยู่ในอาการตกตะลึงไม่ต่างกันเลย
"ครับ...คุณมนตรา เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เราพยายามติดต่อญาติ และคนใกล้ชิด แต่ติดต่อใครไม่ได้เลย ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาล....."
ชื่อโรงพยาบาลคุ้นแสนคุ้น...
ไม่ผิดแน่...มันเป็นโรงพยาบาลของหมอพาพลเองนั่นล่ะ และถ้าเขาจำไม่ผิด ก่อนเขารีบร้อนออกเวรจากโรงพยาบาลมา เกิดอุบัติเหตุขึ้น แค่เพียงเขาไม่รู้เท่านั้นว่าเป็นคนรักของเขา !
"สอบสวนเบื้องต้นแล้ว เราพบว่าผู้ตายกับผู้จัดการขับรถออกไปด้วยกันเพียงลำพัง อาจจะมีปัญหาถกเถียง ทะเลาะอะไรกันบางอย่าง ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ เสียชีวิตทั้งคู่ครับ"
พาพลน้ำตาไหลรินลงมาในคราวนี้ เขานึกถึงภาพของสองหนุ่มสาวที่เขาทิ้งออกมาเมื่อเย็นนั่น
แน่แล้ว..ไม่ผิดแน่ ๆ ต้องเป็นผู้ประสบเหตุเมื่อช่วงเย็นที่เขาปฏิเสธการรักษา แย่แล้ว..นี่ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเขาจริง ๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน !
ถ้าเขาใจเย็นลงกว่านี้สักนิด แตงโมก็คงไม่ต้องจากเขาไปโดยไม่ได้ร่ำลากันเลยเช่นนี้สินะ...
"ผมเสียใจด้วยจริงๆ นะครับ นี่ครับ...ใบชันสูตร เพื่อขอรับศพครับ"
พาพลไม่รู้จะโทษใครดี...
เขารู้สึกผิดต่อทั้งตัวเองและคนที่เขารัก ทั้ง ๆ ที่ผลสรุปสำนวนที่ออกมา บ่งชัดอยู่แล้วว่า ทั้งคู่ออกไปด้วยกัน เพียงลำพังด้วยธุระส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับการงานแต่อย่างใด
"โม...ฝากตังเมด้วยนะคะพี่หมอ น้องโมยังเด็ก และเค้าก็ไม่มีใคร"
"โมไม่ได้ประชุมดึกค่ะ แค่ไปทานข้าวดึก เพราะเจ้านายพาไปเลี้ยงประจำปีน่ะค่ะ"
แท้จริงแล้ว..มันไม่ใช่....ทุกอย่างที่เธอบอกกับเขา มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น !
ทำไมนะ...ทำไมเขาถึงรู้สึกสับสนวุ่นวายใจถึงเพียงนี้ หรือเขาจะโทษตังเมดี เพราะเธอ...พูดแช่งพี่สาวตัวเอง และเพราะเธอ...ที่ทำให้เขาต้องรีบร้อนออกมาจากโรงพยาบาล ด้วยความเป็นห่วงกลัวไปรับเธอไม่ทัน จนลืมที่จะสนใจคนไข้ที่นอนรอความตายอยู่ในห้องฉุกเฉินนั่น
"แตงโม...ผมขอโทษ...ผมขอโทษ !"
คนที่ทรุดลงไปคุกเข่าคร่ำครวญอยู่กับพื้นบ้านอย่างน่าสงสารนั่น ทำให้ตังเมเองได้แต่ถอนสะอื้น ขณะที่ตำรวจขอตัวกลับไปพร้อมกับคำกล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัว
หากใครจะรู้บ้าง...
ไม่มีคำว่าครอบครัวอีกแล้วสำหรับตังเม เพราะนับจากวันนี้ไป...เธอคงไม่เหลือใครอีก ไม่เหลือใครอีกเลยจริงๆ
...
หลังงานศพมนตราผ่านพ้นไป...
หมอพาพลกลายเป็นคนเงียบขรึม ขณะที่ตังเมก็ยังอยู่ในอาการเศร้าสร้อย เมื่อชีวิตขาดทั้งพ่อแม่ และพี่สาว เธอก็แทบไม่เหลือใคร แม้พาพลเอง ก็ทำเหมือนกับเธอเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด
"แต่ผมรู้...คุณไม่ผิดหรอกนะเม ผมรู้ว่าคุณรักพี่สาวคุณมากแค่ไหน อย่าเศร้าไปเลย ปีนี้เราจะเรียนจบกันแล้ว ผมไม่อยากให้คุณต้องเสียการเรียนนะ"
"ขอบใจนะปอน...ขอบคุณที่เป็นห่วงกัน แต่ทุกอย่างมันคงต้องใช้เวลา ฉันผ่านเรื่องราวที่น่าปวดร้าวมามาก จนเกินจะทำใจได้อยู่แล้ว"
"ผมเข้าใจ...ไปครับ...ให้ผมไปส่งบ้านนะวันนี้"
