เพลิงพิศวาสซาตาน บทที่ 2
"ยัยเม...ก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ นี่คุณยังไม่ชินอีกเหรอ !”
"พยายามอยู่ครับ แต่ไม่ชินสักที แล้วครั้งนี้ ยังจะเอาเรื่องความเป็นความตายมาพูดเป็นเล่นอีก ผมไม่ชอบ คุณก็รู้"
"แกก็คงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ ยัยเมแกปากไว เป็นนิสัยของแกเอง พลเองก็เถอะ เรื่องความเป็นความตาย ! คุณเองเป็นหมอ เรื่องนี้มันเรื่องธรรมชาติ ธรรมดาโลกแท้ๆ อีกอย่าง โมก็อยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไปไหนไกลหูไกลตาสักหน่อย จะเป็นอะไรไปได้ง่ายๆ ล่ะค่ะ"
"แต่ผม..."
พาพลอ้ำอึ้งอยู่กับโทรศัพท์ตรงหน้า เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่แตงโมโทร.มาหาเขา ไม่อย่างนั้น...เขาก็คงยังวุ่นวายใจอยู่แบบนี้
"ไงก็ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ ผมเป็นห่วง แล้วนี่ประชุมดึกเลยเหรอครับคืนนี้"
"ประชุมไม่ดึกหรอกค่ะ แต่ไปทานข้าวกันต่อนี่ล่ะ เจ้านายพาลูกน้องไปเลี้ยงประจำปีน่ะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉันนะคะ ห่วงยัยตังเมดีกว่า ฉันเป็นห่วงน้อง...เวลาฉันไม่อยู่ คงต้องรบกวนให้คุณดูแลแทนด้วย เขาเป็นน้องคนเล็ก ยิ่งไม่มีพ่อกับแม่ แกยิ่งขาด..."
"ครับๆ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมดูแลแทนคุณได้เสมอ ไงก็ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ ผมไม่กวนใจคุณแล้ว ผมเองก็ต้องออกไปเข้าเวรเหมือนกัน"
"โอ.เค.ค่ะ ว่าแต่...อย่าลืมที่โมขอร้องนะคะ ฝากดูแลเมด้วย เย็นนี้...รับตรงเวลานะคะ อย่าให้น้องคอยนาน"
"ครับผม...บายครับที่รัก"
พาพลวางสายโทรศัพท์ลง แล้วเขาก็ถอนใจยาวเหยียด ก่อนก้าวเดินไปคว้ากระเป๋าทำงานแล้วไปเหวี่ยงใส่รถเหมือนเคยทำ
...
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว...
ขณะที่หมอพาพลผ่าตัดคนไข้รายสุดท้ายไป เขาก็เหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังนั่นไปด้วย เวลาเฉียดฉิวจริงๆ ที่เขาจะต้องไปรับตังเมกลับจากมหา'ลัย
เออ..ไม่รู้รถจะติดรึเปล่า จากโรงพยาบาลไปถึงมหา'ลัยนั่นก็ไกลโขอยู่ แต่เอาน่า...ไงก็น่าจะทันแหละ
พาพลบอกกับตัวเอง ก่อนถอนหายใจโล่งอก หลังจากเคสของคนไข้รายสุดท้ายผ่านพ้นไปด้วยดี ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อกาวน์ออก แต่ยังไม่ทันได้แขวนด้วยซ้ำ เสียงเรียกของพยาบาลสาวก็ดังขึ้นอีก
"คุณหมอ...คุณหมอพาพลค้า.."
"อะไรอีกคุณพยาบาล วิ่งหน้าตาตื่น ยังกับไฟไหม้โรงพยาบาลงั้นแหละ ผมยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย"
"รีบยังไง ก็คงต้องเอาชีวิตคนไว้ก่อนนะคะ คือ...เกิดอุบัติเหตุค่ะ"
"อุบัติเหตุอะไรอีก นี่มันเลยลงเวลาผมไปเป็นครึ่งชั่วโมงแล้วนะคุณ แล้วคุณหมอณรงค์วิชล่ะ"
"กำลังมาค่ะ"
"เขาต้องรับผิดชอบสิ ไม่ใช่ผม..."
พาพลชักฉุน ก็เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่าเอะอะอะไร ก็ให้เขารับหน้าแทนตลอดทั้งที่เขาตรงต่อเวลาขนาดนี้แล้ว ไม่เคยขาด แต่เกินให้ตลอด และนี่คือเหตุผลที่พาพลไม่ยอมฟังเสียงคุณพยาบาลเอาเสียเลยในเวลานี้...เขาแทบจะครึ่งวิ่งครึ่งเดินผ่านเลยสองหนุ่มสาวที่นอนหายใจรวยรินอยู่ในห้องฉุกเฉินนั่นด้วยความอ่อนล้าในหัวใจ
เหอะ..นี่ก็คงซิ่งกันมาอีกล่ะสินะ !
พาพลส่ายหน้า เอือมระอาจริง ๆ กับไอ้พวกนักซิ่งลืมตายนี่..
บ่นกับตัวเองจนเดินมาถึงลานจอดรถที่เขาเหวี่ยงกระเป้าไว้หลังรถเหมือนเคย ลืมเสียสนิทว่าโทรศัพท์มือถือ ก็อยู่ในกระเป๋าใบย่อมสีดำเมื่อมของเขาด้วย เขาเปิดเพลงเสียงดังเพื่อให้หัวใจได้ผ่อนคลายลงบ้าง
ป่านนี้...แตงโมคงกำลังประชุมกันอยู่ ไม่รู้ทำไม...วันนี้เขาคิดถึงเธอมากมายขนาดนี้นะ
"ไม่ต้องห่วงฉันนะคะ ห่วงยัยตังเมดีกว่า ฉันเป็นห่วงน้อง...เวลาฉันไม่อยู่ คงต้องรบกวนให้คุณดูแลแทนด้วย เขาเป็นน้องคนเล็ก ยิ่งไม่มีพ่อกับแม่ แกยิ่งขาด..."
ดูเถอะ..ตัวเองก็แทบจะเหนื่อยสายตัวแทบขาด ยังจะเฝ้าห่วงแต่น้องสาวอีก...เอาน่า..Love me Love dog รักฉันก็ต้องรักหมาของฉันด้วย ตำราเดียวกันแหละ
รักเธอ..ก็ต้องรักน้องสาวของเธอด้วยสิน่า...
