บทที่2 เจ้าพูดได้แล้วหรือ
“กรี๊ด!! นางใบ้สารเลวแกกล้าทำร้ายป้าสะใภ้อย่างข้าหรือ ชาวบ้านทั้งหลายพวกท่านดูเอาไว้ นางเด็กปีศาจผู้นี้ร้ายกาจเพียงใด”
เซี่ยชิงหลียกมืออุดหูพลางกลอกตา เอะอะก็เอาแต่ร้องกรี๊ด ถ้าต้องอยู่ในดงกระสุนทุกวันเช่นตนเมื่อชีวิตก่อน เสียงของผู้หญิงคนนี้คงจะดังแข่งกับเสียงระเบิดเป็นแน่
แม้จะเป็นเช่นนั้นนางก็มิยังมิได้เปิดปากแย้ง ให้คนที่นี่เข้าใจว่าตนยังคงพูดไม่ได้เช่นเดิมดีกว่า เพราะหลังจากนี้ยังมีเรื่องสนุกที่ทำให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ต้องตกตะลึงอีก
เซี่ยชิงหลีดึงมารดาให้ตามตนเองกลับเรือน ไม่แยแสว่าจางซุนโหรวจะก่นด่าไล่หลังอย่างไร
เมื่อกลับถึงเรือนพบว่าพี่ชายของร่างเดิม เซี่ยจื่ออี้ และน้องสาวคนเล็กเซี่ยชิงเป่า กำลังยืนรออยู่หน้าเรือนด้วยท่าทางเป็นกังวล เมื่อมองไปยังพี่น้องที่ได้มาโดยบังเอิญหญิงสาวจึงส่งยิ้มให้ทั้งสองด้วยท่าทางเป็นมิตร
ชีวิตก่อนตนเกิดมาไม่เพียบพร้อม พ่อและแม่เลิกรากันตั้งแต่ตนยังไม่เกิด อายุสี่ขวบแม่แต่งงานใหม่กับนักพนันขี้เมา เพียงหนึ่งปีก็หนีไปกับชายชู้เพราะทนการทุบตีของสามีใหม่ไม่ไหว ทั้งยังใจดำทิ้งตนเอาไว้กับพ่อเลี้ยง
ต่อมาเมื่อพ่อเลี้ยงรู้ว่าแม่หนีไปกับชายชู้จึงนำความโกรธทั้งหมดมาลงที่ตน ทุกวันถูกทุบตีด่าทอแม้แต่อาหารก็ทานไม่อิ่มท้อง กระทั่งอายุได้สิบสอง พ่อเลี้ยงที่เมามายกลับมาพยายามขืนใจ ในตอนนั้นรู้สึกหวาดกลัวจับใจจึงใช้ขวดเหล้าทุบที่หัวพ่อเลี้ยงจนเลือดอาบ
เสียงสบถด่าทอของพ่อเลี้ยงขี้เมาดังลั่นอพาร์ทเม้นท์ ปากยังข่มขู่เรื่องที่จะแจ้งตำรวจจับตน ตอนนั้นยังเล็กจึงกลัวว่าจะกลายเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนจึงรีบหนีไป
กว่าหนึ่งปีที่หลบหนีจากพ่อเลี้ยง ด้วยความหวาดระแวงไม่กล้าแม้แต่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น กระทั่งวันหนึ่งโชคชะตาได้นำพาให้นางได้พบกับอาจารย์ เพราะความหิวโหยตนเดินไปหมดสติที่หน้าศาลเจ้า
ชายแก่ที่เป็นผู้ดูแลจึงพามารักษาและที่นั่นก็คือโรงฝึกกายกรรมและกังฟู ต่อมาตนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิก แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นทว่าในใจลึกๆ กลับรู้สึกมีบางอย่างขาดหายไป
เพราะฝีมือการต่อสู้ที่โดดเด่น เมื่ออายุได้สิบแปดจึงถูกทาบทามให้เข้าทำงานในองค์กรลับ
ชะตาชีวิตของคนนี้ช่างแปลกประหลาด ใครจะไปคิดว่าคนที่ตายไปแล้วกลับได้เกิดใหม่ในร่างของคนอื่น ตนมิใช่คนดิบดีอะไรนักต่อให้เป็นหมอก็เป็นหมอเถื่อนที่รู้เพียงการรักษาอาการบาดเจ็บ
หากมิใช่เคยเรียนแพทย์แผนจีนจากอาจารย์ คนที่ตายในมือคงมีมากกว่านิ้วนับ และถึงแม้จะเคยช่วยชีวิตคนอื่นไปไม่น้อยก็ตามทีแต่สุดท้ายนั่นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองเป็นสาเหตุทำให้คนเหล่านั้นเสียชีวิต
เซี่ยชิงหลีถอนหายใจเบาๆ พลางเดินเข้าหาสองพี่น้อง สายตาเหลือบมองไม้เท้าและขาของพี่ชายอย่างชั่งใจ หากรวมเอาวิชาแพทย์แผนจีนที่อาจารย์เคยสอนกับฝีมือของหมอสมัยใหม่ คิดว่าตนเองจะสามารถรักษาขาของเขาได้หรือไม่ อย่างไรก็คงต้องลองดูสักครั้ง
แต่ก่อนอื่นต้องจัดการเรื่องตรงหน้าให้เรียบร้อยก่อน
“น้องรองเจ้าหายไปไหนมาทั้งคืน ได้รับบาดเจ็บที่ใดหรือไม่”
เซี่ยจื่ออี้จับร่างกายของน้องสาวคนโตหมุนไปมาเพื่อหาร่องรอยของบาดแผล เมื่อเห็นว่านางยังคงสบายดีจึงได้วางความหนักอึ้งลง
“ข้าไม่เป็นไรพี่ใหญ่ เรื่องนี้เอาไว้ไปคุยข้างใน ตอนนี้ข้าต้องการอาบน้ำชำระกาย”
หญิงสาวใช้ภาษามือคุยกับผู้เป็นพี่ชาย
ทั้งตัวของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินโคลน ต้องบอกว่าร่างเดิมนอนจมอยู่ในกองโคลนจนเสียชีวิตมากกว่า ทว่าในตอนนั้นเสียงแหลมของจางซุนโหรวก็ดังขึ้นทางด้านหลัง
“หยุดนะ!! หยุดเดี๋ยวนี้!! เจ้ายังไปไหนไม่ได้”
สะใภ้ใหญ่วิ่งเข้ามาขวางครอบครัวบ้านรองเอาไว้ สายตาของนางมองไปยังเซี่ยชิงหลีอย่างอาฆาตแค้น ทว่าภายในใจพยายามคาดเดาว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
ทั้งชีวิตของเด็กสาวตรงหน้าอยู่ในบ้านเซี่ยมีแต่ถูกข่มเหง บัดนี้กลับกล้ามองตรงมายังตนโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัว หลังจากหายตัวไปนิสัยของนางดูเหมือนว่าจะแตกต่างไปเล็กน้อย
เซี่ยชิงหลีมองสะใภ้ใหญ่ด้วยสายตาเย็นชา นางย่างสามขุมเข้าหาด้วยท่าทีคุกคาม จางซุนโหรวแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา สายตาราวกับต้องการสังหารคนของเด็กสาวทำให้นางต้องรีบหดคอ
หึ! ร่างบางส่งเสียงดูแคลนออกมาเบาๆ อย่างไรหลังจากนี้ตนจะต้องคืนความยุติธรรมให้ร่างเดิมอยู่แล้ว เอาไว้รวบยอดคนบ้านเซี่ยทีเดียวเลยแล้วกัน
“พวกเจ้าทำเสียงดังอะไรอยู่หน้าเรือน สะใภ้รองสายป่านนี้เหตุใดยังไม่ทำอาหาร”
เป็นแม่สามีของหลี่หลันฮวาหรือท่านย่าของร่างเดิม แม่เฒ่าหวังกุ้ยเฟินผู้โด่งดังเรื่องข่มเหงสะใภ้ ก่อนหน้านี้หญิงชราที่พึ่งตื่นนอนเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของสะใภ้ใหญ่จึงได้เดินออกมาดูที่หน้าเรือน
เมื่อเห็นผู้กุมอำนาจของบ้านเซี่ยปรากฏตัว หลี่หลันฮวาแสดงท่าทีเกรงกลัวอย่างเห็นได้ชัด นางดึงบุตรสาวทั้งสองมาไว้ด้านหลังพลางเอ่ยเสียงเบา
“ท่านแม่...ข้า..ข้าพึ่งพาชาวบ้านออกตามหาหลีเอ๋อกลับมาเจ้าค่ะ”
ชาวบ้านนับสิบเต็มใจช่วยนางออกตามหาบุตรสาว ทว่าคนตระกูลเซี่ยกลับไม่มีใครใส่ใจต่อการหายตัวไปของนางแม้สักนิด ยิ่งสามีของนางป่านนี้คงยังนอนหลับสบายในห้องส่วนตัวของบ้านใหญ่ ไม่สนใจว่าบุตรสาวของตนจะมีอันตรายหรือไม่
“คนก็กลับมาแล้ว เช่นนั้นก็รีบไปทำหน้าที่ของเจ้าเสียสิ ยืนรอให้ข้าส่งเทียบเชิญให้เจ้าเข้าเรือนหรืออย่างไร”
แม่เฒ่าหวังเอ่ยด้วยสีหน้ารำคาญ ก่อนเดินกลับเข้าเรือนพร้อมกับสะใภ้ใหญ่
“ท่านแม่!”
เซี่ยจื่ออี้ร้องเรียกมารดาด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อเห็นนางมีท่าทีอิดโรย
ท่านแม่ออกตามหาน้องสาวทั้งคืนยังไม่ได้พักผ่อน ต้องโทษตนเองที่ไร้ค่า เป็นบุตรชายคนโตแม้แต่แม่และน้องทั้งสองก็ไม่สามารถปกป้องได้
“แม่ไม่เป็นไร ยังต้องไปขอบคุณชาวบ้านที่ช่วยตามหาหลีเอ๋อ....”
หลี่หลันฮวาร่างกายเดิมก็อ่อนแออยู่แล้ว ทุกวันทำงานหนักกินไม่อิ่มทำให้ถึงขีดจำกัด นางยังไม่ทันก้าวเข้าเรือนก็หมดสติไปเสียก่อน
“ท่านแม่!”
เซี่ยชิงหลีที่อยู่ไม่ไกลอุ้มร่างผอมบางของมารดากลับเข้าเรือน จากความทรงจำร่างเดิมพวกเขาไม่ได้อาศัยที่เรือนใหญ่ นางจึงพามารดาไปยังพื้นที่ด้านหลังสุดอันห่างไกล
มันคือกระท่อมหญ้าหลังเล็กที่ถูกสร้างห่างจากเรือนหลักเพื่อให้บ้านรองอาศัยอยู่
สองปีก่อน ตั้งแต่ที่เซี่ยจื่ออี้กลายเป็นคนขาพิการ บ้านรองก็ต้องย้ายมาอยู่นอกเรือน พวกเขาเป็นเพียงคนนอกในสายตาคนตระกูลเซี่ย ต่อให้อยู่ในเรือนใหญ่ก็ยังถูกข่มเหงอยู่ดี การย้ายมาอยู่เองทำให้รู้สึกดีกว่าต้องทนอยู่รวมกับคนเหล่านั้น
“น้องสามเจ้าไปตามหมอจวงมาดูอาการท่านแม่เร็วเข้า”
เซี่ยจื่ออี้สั่งน้องสาวคนเล็กด้วยท่าทีร้อนรน แม้เงินทุกเหวินจะถูกแม่เฒ่าหวังยึดไปจนหมด ทว่าเมื่อก่อนตัวเขาเคยคัดตำราส่งในเมืองจึงแอบซ่อนเงินเอาไว้บ้าง คงพอค่ายาให้มารดา
“ไม่ต้อง นางแค่หมดสติเพราะอ่อนเพลียเท่านั้น”
“เจ้า!! พูดได้ตั้งแต่เมื่อใด”
เซี่ยจื่ออี้มองน้องสาวของตนด้วยสีหน้าตกตะลึง ไม่คิดว่าคนที่พูดไม่ได้ตั้งแต่เกิดจะสามารถพูดได้ในตอนนี้ สวรรค์ได้เมตตาครอบครัวของพวกเขาแล้ว
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนข้าจะกลับมาอธิบายทีหลัง ตอนนี้ต้องทำอาหารบำรุงท่านแม่ พวกเจ้าอยู่ที่นี่ดูแลนางก็แล้วกัน”
หญิงสาวกำลังก้าวออกจากกระท่อมฟางพลันร่างสูงโปร่งได้พุ่งเข้าหานาง ทำเอาหญิงสาวถึงกับเซถลาไปด้านหลัง เซี่ยชิงหลีไม่คิดว่าร่างกายของตนจะแย่ถึงเพียงนี้ แค่คนธรรมดาพุ่งเข้าหาก็ไม่สามารถหลบได้ จากนี้ไปตนคงต้องฝึกร่างกายให้หนักมากกว่านี้
“ภรรยา! กลับมาแล้วหรือ เมื่อคืนเจ้าหายไปไหนมาอาเหิงรอตั้งนานรู้ไหมว่าข้าคิดถึงเจ้า”
เซี่ยชิงหลีตกตะลึงในทันที ตนลืมคนผู้นี้ได้อย่างไร สามีสติไม่สมประกอบที่ร่างเดิมเคยช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อสองเดือนก่อน ภายหลังเพราะคำยุแยงของป้าสะใภ้ใหญ่ทำให้นางถูกบังคับให้ต้องแต่งกับเขา
หญิงสาวแกะมือเหนียวหนึบของชายหนุ่มออกจากแขนตน นางมองใบหน้าอันหล่อเหล่าด้วยท่าทีเหม่อลอย แม้ชีวิตก่อนจะมีชีวิตอยู่เกือบสามสิบ ทว่าเรื่องชายหญิงช่างห่างไกลนัก ผู้ชายหน้าตาดีในชีวิตของตนล้วนเคยเห็นเพียงในโซเชี่ยล ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มองอย่างประชิดเช่นนี้
