บทที่3 สามีไม่เต็มเต็ง
“นี่! เจ้าถอยออกไปก่อน ข้าต้องไปทำอาหาร”
เซี่ยชิงหลีลืมตัวพูดกับชายหนุ่มตรงหน้า ในดวงตาของเขาบัดนี้มองหญิงสาวเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม
“ภรรยาเจ้าพูดกับข้าแล้ว ดีใจจังเลย”
ชายหนุ่มกอดเซี่ยชิงหลีแน่น ในสายตาของร่างเดิมมองบุรุษผู้นี้ไม่ต่างจากน้องชายไม่มีความคิดของหนุ่มสาว ทว่าตนเองมิใช่พระอิฐพระปูน ถูกหนุ่มหล่อกอดบ่อยๆ ก็แอบมีหวั่นไหวในใจ
หญิงสาวดันร่างสูงออกห่าง
“เรื่องที่ข้าพูดได้เจ้าต้องสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ เจ้าด้วยเป่าเอ๋อ หากให้คนตระกูลเซี่ยรู้พวกเขาจะต้องขายข้าออกไปแน่ พวกเจ้าคงไม่ต้องการให้พี่สาวถูกขายใช่หรือไม่”
หญิงสาวเอ่ยข่มขู่เล็กน้อย นางต้องการให้เก็บเป็นความลับก่อน เพราะหลังจากนี้ยังมีแผนจัดการกับคนบ้านเซี่ยในใจ
“ไม่นะพี่รองข้าไม่ต้องการให้ท่านถูกขาย ข้าสัญญาว่าจะไม่พูดให้ใครฟัง”
“อาเหิงก็สัญญา”
เซี่ยชิงหลียกยิ้มอย่างพอใจ
“ดี! เช่นนั้นพวกเจ้ารออยู่ที่นี่ข้าจะไปทำของอร่อยมาให้ทาน”
“ภรรยาดีกับอาเหิงที่สุดเลย”
ชายหนุ่มปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมแขน เขาถูกเซี่ยชิงเป่าจูงไปล้างหน้าที่ด้านข้างกระท่อม ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มฟื้นคืนสติและกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ บ้านรองก็ดูแลเขามาตลอด แม้แม่เฒ่าหวังจะไม่พอใจทว่าถูกสะใภ้ใหญ่เป่าหูจึงได้ยอมให้เขาอาศัยอยู่ในเรือนของตน แต่ถึงกระนั้นอาเหิงยังคงต้องทำงานเพื่อแลกอาหารอยู่ดี
เซี่ยชิงหลีจัดการฆ่าไก่ที่เลี้ยงเอาไว้เพื่อออกไข่ให้หลานชายคนโตอย่างเซี่ยจิ่งเฉิงบำรุงร่างกาย หลายปีที่อาศัยอยู่บ้านเซี่ยครอบครัวรองไม่เคยได้ทานแม้แต่ไข่ต้ม นอกจากแป้งย่างหยาบระคายคอแล้วก็มีแค่ผักต้มเท่านั้นที่พวกเขามีสิทธิ์กิน
ผ่านไปครึ่งชั่วยามกลิ่นน้ำแกงไก่หอมโชยเข้าไปในเรือน เซี่ยจิ่งเฉิงแม้จะได้รับความรักจากแม่เฒ่าหวังและผู้เฒ่าเซี่ยผู้เป็นปู่ ทว่าแม่ไก่อันมีค่าของนางแม้แต่หลานรักอย่างเขาก็ไม่มีสิทธิ์กิน ไม่รู้เกิดเรื่องดีอันใดวันนี้ถึงได้อนุญาตให้ฆ่าไก่เพื่อทำอาหาร
จมูกหมาได้กลิ่นของดี หลานชายคนโตของแม่เฒ่าเซี่ยเดินตามกลิ่นหอมเข้ามาในครัว เมื่อเห็นแผ่นหลังบอบบางกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าเตา จึงกระแอมไอให้ได้ยิน
“อะแฮ่ม...นี่น้องสามเจ้ากำลังทำอะไร”
เซี่ยชิงหลีแสร้งไม่ได้ยิน นางยังคงเติมฟืนเข้าไปในเตาด้วยสีหน้าเฉยชา หากต้องเสวนากับสวะเหล่านี้นางยอมไม่มีปากพูดเสียดีกว่า เห็นลูกพี่ลูกน้องไม่สนใจเซี่ยจิ่งเฉิงจึงมีโทสะเล็กน้อย ทว่าตอนนี้เรื่องอาหารย่อมสำคัญกว่า บ้านรองเลิกคิดเรื่องของอร่อยไปได้เลยส่วนตนที่เป็นหลานรักย่อมต้องมีส่วนอยู่แล้ว
“ยังไม่เสร็จอีกหรือ ข้าหิวแล้วนะ”
เซี่ยชิงหลียกหม้อน้ำซุปไก่ออกจากเตา ก่อนหน้านี้โจ๊กผักต้มนางได้ยกกลับไปที่กระท่อมด้านหลังแล้ว ร่างบางไม่สนใจคำถามของเขาที่ดูกระตือรือร้นกว่าปกติ
ตลอดมาคนผู้นี้มักดูถูกมารดาและพี่ชายของตนอยู่ตลอด ธุระอะไรนางจะต้องยอมให้เขามีส่วนในอาหารที่นางทำ หญิงสาวยกหม้อซุปไก่เดินผ่านหน้าเซี่ยจิ่งเฉิงอย่างหน้าตาเฉย ทำเอาเขาถึงกับพูดไม่ออก
“นี่เจ้าเด็กใบ้! เจ้าทำอะไร! นั่นมันอาหารบ้านใหญ่ของเรานะ”
ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไปอย่างร้อนใจทว่ากลับถูกเซี่ยชิงหลีที่หยุดอย่างกะทันหันขัดขาทำให้เขาล้มคะมำเข้าไปในเล้าไก่ ทั้งมือและใบหน้าของชายหนุ่มล้วนเปื้อนไปด้วยเศษขนและมูลไก่
กลิ่นเหม็นที่โชยเข้าจมูกทำเอาชายหนุ่มแทบทนไม่ไหว
“โอ้ก! แหวะ! เจ้าเด็กใบ้เจ้ากล้าขัดขาของข้า”
ร่างบางมองต่ำด้วยสายตาดูถูก ผอมบางท่าทางอ้อนแอ้นไม่ต่างจากสตรี บุรุษเช่นนี้มีหรือจะดูแลปกป้องตนเองได้ ก็แค่สวะตัวหนึ่ง
หญิงสาวไม่สนเสียงร้องโหยหวนของอีกฝ่าย เมื่อเซี่ยชิงหลีก้าวเข้าไปในกระท่อม สองพี่น้อง อาเหิง และหลี่หลันฮวาผู้เป็นมารดาที่ได้สติกลับมาแล้ว มองหม้อน้ำแกงไก่ในมือหญิงสาวด้วยสายตาสงสัย
“หลีเอ๋อหม้อนั่น...”
นางไม่อยากจะคิดเลย หากแม่เฒ่าหวังรู้เรื่องที่บุตรสาวฆ่าไก่อันมีค่าของนางทำน้ำแกงให้บ้านรอง บุตรสาวจะถูกลงโทษหนักขนาดไหน
เซี่ยชิงหลีอ่านสายตาของมารดาและเข้าใจความคิดของนาง ทว่าตนเองมิใช่ร่างเดิมมีหรือจะปล่อยให้ตนเสียเปรียบ
“นี่คือน้ำแกงไก่ ข้าต้มมาบำรุงร่างกายให้ท่าน ท่านแม่ท่านลุกขึ้นมาทานก่อน”
“หลีเอ๋อเจ้า...เจ้าพูดได้แล้วหรือ”
หลี่หลันฮวาลืมความกังวลก่อนหน้าไปจนสิ้น เมื่อได้ยินเสียงบุตรสาวเป็นครั้งแรก ไม่คิดว่าหลังจากอายุได้สองเดือนนางก็ไม่เคยได้ยินเสียงบุตรสาวอีกเลย ครั้งนี้สวรรค์เมตตาครอบครัวของตนแล้ว
หญิงสาวส่งยิ้มให้มารดาด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“เอาไว้ข้าจะเล่าให้ท่านฟังทีหลัง ตอนนี้ทุกคนต้องทานน้ำแกงไก่และเนื้อไก่ในหม้อให้หมด ก่อนคนบ้านเซี่ยจะมาแย่งไป”
เซี่ยชิงหลีเอ่ยกระตุ้นคนในครอบครัว นางตักน้ำแกงและเนื้อไก่ให้ทุกคนก่อนลงมือทานในส่วนของตน แม้ยุคโบราณเครื่องปรุงจะมีไม่มาก ทว่าตอนนี้ลำบากจำต้องทำเท่าที่มี เอาไว้วันหน้าตนมีโอกาสจะทำของอร่อยมากกว่านี้ให้พวกเขาทาน
“นางเด็กสารเลว!! ออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!! พวกเจ้าเอาความกล้าจากที่ใดถึงได้กล้าฆ่าไก่ของข้า วันนี้ยายแก่อย่างข้าจะให้เจ้าได้เห็นฤทธิ์ว่าการมาแตะต้องสิ่งของของข้าต้องมีจุดจบอย่างไร”
แม่เฒ่าหวังไม่รู้เรื่องที่เซี่ยชิงหลีบีบคอสะใภ้ใหญ่จนเกือบตาย จึงได้วางท่าทีใหญ่โตดั่งเช่นกาลก่อน ร่างกายของเซี่ยชิงหลีแม้จะอ่อนแอกว่าแต่ก่อนทว่าก็ไม่แย่ไปกว่าบุรุษวัยฉกรรจ์
เมื่อได้ยินเสียงโวยวาย ร่างผอมบางเดินออกมานอกกระท่อมพร้อมหม้อน้ำแกงไก่ที่ว่างเปล่า แม่เฒ่าหวังเห็นท่าทางเฉยชาของหลานสาวไม่รักดียิ่งทำให้นางมีโทสะ ด้านข้างแม่เฒ่ายังมีสะใภ้ใหญ่ที่คอยเป่าหูให้ลงโทษบ้านรอง
ทว่าทุกการกระทำของคนเหล่านั้นล้วนไม่อยู่ในสายตาของนาง
“ท่านย่า...ท่านมีอะไรกับบ้านรองของเราหรือ”
เซี่ยจื่อเฉิงใช้ไม่ค้ำเดินกะเผลกออกมานอกกระท่อมพร้อมกับน้องสาว ตนเองที่เป็นคนไร้ค่ามาตลอด วันนี้หากน้องสาวต้องถูกลงโทษตัวเขาจะรับเอาไว้เองทั้งหมด
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ พวกเจ้าทำสิ่งใดเอาไว้รู้ดีแก่ใจ”
“พวกเราทำอะไรหรือ”
เซี่ยชิงเป่าเดินออกมาพร้อมกับอาเหิง ปากยังถามย่าแท้ๆ ของตนด้วยดวงตาใสซื่อ
“เจ้า!! พวกเจ้ากบฏแล้ว!! กล้าตั้งคำถามกับผู้อาวุโสอย่างข้าหรือ โธ่เอ้ย!! สวรรค์ท่านมาเอาชีวิตยายแก่เช่นข้าไปเถิด เหตุใดครอบครัวเซี่ยถึงได้มีหมาป่าตาขาวอย่างเด็กสารเลวเหล่านี้”
แม่เฒ่าหวังทิ้งกายลงบนพื้นตีอกชกตัวเพื่อเรียกร้องให้ชาวบ้านเข้ามาเป็นพยาน นางคิดว่าคนหน้าบางอย่างหลี่หลันฮวาจะต้องไม่กล้าต่อปากกับตน แต่นางคิดผิด
“ท่านย่า ท่านเป็นอะไร ถ้าไม่สบายก็ควรไปหาหมอนะเจ้าคะ”
เซี่ยชิงเป่าเอ่ยกับแม่เฒ่าหวังด้วยสีหน้ารำคาญ เมื่อก่อนนางเป็นคนหัวแข็งไม่ยอมถูกกดขี่จึงถูกตีมากกว่าพี่น้องคนอื่น ครั้งนี้พี่สาวของตนแสดงให้เห็นแล้วว่าจะไม่ยอมถูกบ้านใหญ่และปู่ย่ากดขี่อีก นางจึงเผยนิสัยส่วนตัวออกมา
“เจ้าเด็กหน้าเหม็นเจ้ากล้าสาปแช่งข้าหรือ ดี! วันนี้ข้าหวังกุ้ยเฟินจะแทนตระกูลเซี่ย ใช้กฎของตระกูลลงโทษพวกเจ้า”
“ท่านแม่ ท่านอย่าโทษพวกเขาเลย พวกเขายังเด็กมีอะไรท่านมาลงที่ข้า”
หลี่หลันฮวารีบถลาออกมาจากกระท่อม นางคุกเข่าลงตรงหน้าแม่เฒ่าหวังอ้อนวอนมิให้ใช้กฎตระกูลลงโทษลูกๆ ของตน
“กฎบ้าบออันใด ของเหล่านี้ใช้ได้เฉพาะกับคนอ่อนแอเท่านั้น ใช่ไหมภรรยา อาเหิงพูดถูกหรือไม่”
ชายหนุ่มใช้ดวงตาใสซื่อมองไปยังหญิงสาวเพื่อรอคอยคำตอบการกระทำของเขาราวกับลูกหมาที่ต้องการคำเอ่ยชม เห็นเขาแสดงออกเช่นนั้น ร่างบางจำต้องพยักหน้าให้อย่างเสียมิได้
“ไหนยายเฒ่าบอกมาซิว่าอาเหิงทำผิดอะไร”
อาเหิงที่ยืนกอดอกอยู่กับเซี่ยชิงเป่าเอ่ยออกมาด้วยท่าทางอวดดี
“เจ้า!...เจ้ายังไม่รู้ความผิดของตนหรือ เช่นนั้นข้าจะบอกให้นะ เพราะพวกเจ้าบังอาจฆ่าไก่ที่ข้าเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม”
“ท่านย่า ท่านหรือเลี้ยงดูพวกมัน เช่นนั้นท่านก็ทำให้ข้าได้เปิดกะโหลกแล้ว ตาข้างไหนของพวกท่านเห็นเราฆ่าไก่”
“หลักฐานก็อยู่ในมือยังกล้าเสแสร้ง”
จางซุนโหรวชี้ไปยังหม้อดินที่อยู่ในมือของเซี่ยชิงหลี
“นี่! อ๋อ...อันนี้หรือ....นี่เป็นไก่ที่บ้านรองเลี้ยงดูเหตุใดจะกินไม่ได้เล่า”
เซี่ยชิงเป่าแม้จะอายุเพียงแปดขวบ ทว่าบัดนี้กลายเป็นกำลังหลักในการต่อต้านคนตระกูลเซี่ยไปแล้ว
มารดาที่อ่อนแอไม่สู้คน พี่ชายที่ร่ำเรียนจนไม่รู้วิธีต่อว่าผู้อื่น และพี่สาวที่แสร้งเป็นใบ้ บัดนี้คงเหลือเพียงนางและพี่อาเหิงเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับแม่เฒ่าปีศาจได้
“เจ้า! ที่นี่คือตระกูลเซี่ยทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นของตระกูลเซี่ยไม่ใช้ของบ้านรองของเจ้า”
