บทที่1 การเกิดใหม่ของหนอนไหม
ท้องฟ้ายามราตรีแผ่กว้างเหนือศีรษะ เมฆครึ้มปกคลุมดวงดาวจนหมดสิ้น แสงจันทร์ถูกซ่อนเร้นไว้ภายใต้ม่านหมอกหนาทึบ สายฝนโปรยปรายแผ่วเบาราวกับหยาดน้ำตาของฟ้า หยาดหยดลงมาใบไม้และพื้นดินอย่างนุ่มนวล
สายฝนที่ตกหนักแปรเปลี่ยนเป็นละอองบางเบา กลิ่นชื้นเย็นปะปนกลิ่นดินที่เปียกปอน หยาดฝนดูคล้ายเส้นไหมใสที่ร่วงหล่นช้าๆ ความมืดโดยรอบทำให้ทุกสิ่งเงียบงันน่าค้นหาราวกับโลกทั้งใบกำลังซ่อนเรื่องราวบางอย่างไว้ภายใต้ม่านฝนที่โรยตัวลงมาอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
ร่างผอมบางที่ถูกทิ้งเอาไว้ในป่าทั้งคืน บัดนี้เริ่มขยับกายเล็กน้อย ดวงตากลมโตหรี่ลงเพราะแสงไฟจากคบเพลิง สีหน้ามึนงงยังคงไม่แสดงท่าทีใดๆ เมื่อได้พบเหล่าผู้คนมากมายที่กำลังรุมล้อมและจดจ้องมายังตน
หญิงสาวสะบัดหัวไปมาหลายครั้งเพื่อเรียกสติที่พร่าเลือนให้แจ่มชัด ร่างบางยันกายลุกขึ้นช้าๆ ทว่ากลับยังรู้สึกวิงเวียน
ในใจรำคาญเล็กน้อยกับเสียงสอบถามที่ดังเซ็งแซ่ข้างหู
สายลับที่ถูกฝึกเป็นอย่างดีสามารถพูดภาษาถิ่นได้ถึงสิบภาษา ทำงานแฝงตัวในซีเรียกว่าห้าปี ทว่ากลับไม่สามารถฟังสิ่งที่คนเหล่านี้พูดได้เข้าใจ
เมื่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตนกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ร่างกายที่เคยสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรกลับดูเหมือนหดเล็กลง จุดสายตายามเมื่อมองพื้นดินจึงเปลี่ยนไปจากเดิม
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ท้องฟ้ายามเช้าตรู่เริ่มเผยโฉมออกมา ราวกับโลกทั้งใบเพิ่งตื่นจากความฝันอันยาวนาน แสงแรกของวันค่อยๆ แทรกผ่านขอบฟ้าเป็นเส้นบางสีทองจางๆ ก่อนจะกลายเป็นสีส้มอ่อนและชมพูเรื่อ
ม่านหมอกยามเช้าลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือพื้นดินและยอดไม้ ละอองน้ำค้างยังเกาะพราวอยู่บนใบหญ้าเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ดวงน้อยที่กำลังคลี่แสงออก
แม้รอบกายจะดูสวยงามจนมิอาจละสายตา ทว่า...ที่นี่คือที่ไหน!
ดวงตาดำขลับสำรวจรอบกายอย่างระมัดระวังตามความเคยชินที่ฝึกเป็นประจำ ทำให้ร่างกายจดจำและกลายเป็นสัญชาตญาณ ไร้แผ่นดินที่แห้งแล้ง ไร้การต่อสู้ ไร้เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ไร้เสียงปืนและระเบิด
ในโสตของหญิงสาวได้ยินเพียงเสียงนกน้อยขับขานบทเพลง สายลมยามเช้าพัดผ่านหอบกลิ่นหอมของไอดินและดอกไม้ป่าเข้ามาแตะปลายจมูก ทุกอย่างในยามนี้ดูบริสุทธิ์ สดชื่น และเต็มไปด้วยความหวัง
แต่ไม่ใช่กับสถานการณ์สงครามที่ซีเรีย!
ความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นบางเบา เสียงระเบิดดังกึกก้อง เศษเนื้อสดกระเด็นไปทั่วทุกทิศทาง ความตายและเลือดสดๆ เจิ่งนองไปทุกพื้นที่
สายลับที่แฝงตัวในนามหมอเถื่อนได้รับมอบหมายให้เจาะเอาข้อมูลลับของกลุ่มวิจัยมนุษย์ ทว่าเกิดการทรยศขึ้นภายในองค์กรทำให้สถานะตนเองถูกเปิดโปง การทรมานทุกรูปแบบได้เริ่มขึ้นเพื่อรีดเค้นเอาความลับ กว่าครึ่งปีที่ต้องทนทุกข์ทรมานทว่าฝ่ายศัตรูก็มิได้สิ่งใดจากปากของตน
สองศูนย์แปด คือรหัสของเซี่ยชิงหลี พวกมันได้ไปเพียงเท่านั้น ทว่าต่อมาเธอได้ถูกส่งตัวไปยังห้องทดลองวิจัยเพื่อทดลองยาพิษ สามปีที่ติดอยู่ที่นั่นกว่าจะหลบหนีออกมาได้ ภายหลังจากส่งข้อมูลลับให้กับทางองค์กร ที่อยู่ของตนกลับถูกถล่มด้วยระเบิดนาปาล์มลูกใหญ่
เสียงสุดท้ายที่เซี่ยชิงหลีได้ยินคือคำบอกลาจากหัวหน้าครูฝึกของเธอ ตนถูกทิ้งแล้วสินะ...
ร่างบางทรุดกายลงบนพื้นด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ความภักดีคืออะไร ความพยายามหลายปีที่ต้องทนอยู่กับสงครามสุดท้ายเหลือเพียงความว่างเปล่า ไร้เกียรติยศ ไร้คำสรรเสริญ ไม่มีใครจดจำตนเองได้ด้วยซ้ำ
ตนน่าจะเชื่อคำเตือนของตาเฒ่าตั้งแต่แรก ไม่น่ารีบร้อนพิสูจน์ตนเองดึงดันจะตามคนเหล่านั้นไป จุดจบสุดท้ายที่ได้รับกลับเป็นความตาย
เสียใจตอนนี้ก็คงสายไปแล้ว ตนไม่เคยกลัวตายเสียดายก็แต่จากนี้คงไม่มีวันได้พบหน้าตาเฒ่าอีกแล้ว ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง ยังใช้ชีวิตอยู่ดีหรือไม่
“ท่านอาจารย์...หลีเอ๋อขอโทษ”
ร่างบางพึมพำเสียงเบา สมองยังไม่ทันได้ประมวลผลว่าเหตุใดตนเองยังคงมีชีวิตอยู่ วินาทีต่อมากลับมีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งตัวเข้าหาอย่างรวดเร็วจนไม่อาจหลบได้ทัน เซี่ยชิงหลีตกอยู่ภายใต้อ้อมแขนของหญิงสาวแปลกหน้า ท่าทางที่ดูเป็นกังวลและซุ่มเสียงที่เหมือนกำลังตำหนิตนเองทำให้คนพูดไม่ออก
ดวงตากลมโตจดจ้องใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นด้วยท่าทีงงงัน พลันเสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นในหัวราวกับประทัดแตก
ความเจ็บปวดบางอย่างกรีดแทงเข้าไปในส่วนลึกของประสาท เซี่ยชิงหลียกมือขึ้นกุมหัวของตนด้วยสีหน้าเจ็บปวด แต่แล้วเสียงนั้นก็หายไป
ความโล่งสบายเกิดขึ้นในชั่วขณะ ในหัวราวกับถูกกระชากบางอย่างออกไป
“....เจ้าได้ยินที่แม่พูดหรือไม่!! หลีเอ๋อ!! เกิดอะไรขึ้น ลูกไม่สบายหรือเจ็บตรงไหนบอกแม่มา”
ฟังออกแล้ว!! ในที่สุดตนเองก็สามารถฟังผู้หญิงตรงหน้าเข้าใจ
มหัศจรรย์จริงๆ
“ชิ! คนก็หาเจอแล้วยังต้องร้องไห้คร่ำครวญอันใดอีก”
จางซุนโหรวที่ตามขึ้นเขาในตอนเช้าเพื่อดูลาดเลาเอ่ยเหน็บแนม หญิงสาวหันขวับไปในทันที ความทรงจำหนึ่งพลันแล่นเข้ามาในหัว ทว่าครั้งนี้กลับต่างออกไปเพราะมันคือความทรงจำของคนอื่น
และนั่นทำให้ร่างกายของเซี่ยชิงหลีทำไปตามสัญชาตญาณเดิม หญิงสาวพุ่งเข้าคว้าลำคอสตรีนางนั้นด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ดวงตาเย็นชาจ้องมองไปยังนางราวกับกำลังมองคนตาย
หลายปีที่ต้องคลุกคลีอยู่กับความตาย ทำให้กลิ่นอายที่แผ่ออกมาดูน่าพรั่นพรึง
บัดนี้เซี่ยชิงหลีรู้แน่ชัดแล้วว่าตนไม่ได้อยู่ที่โลกเดิมที่คุ้นเคย และร่างที่ตนมาอาศัยอยู่เจ้าของเดิมถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมจากคนในครอบครัว ชีวิตที่สองนี้ต้องมาอยู่ในยุคโบราณที่แสนแปลกประหลาด แต่นางก็สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ทว่า...หากไม่แก้แค้นใจดวงนี้คงมิอาจสงบได้
หญิงสาวออกแรงอีกครั้งใบหน้าของคนที่ตกอยู่ภายใต้กรงเล็บของเธอเริ่มบิดเบี้ยวเขียวคล้ำเพราะขาดอากาศหายใจ เซี่ยชิงหลีรู้ดีว่าหากออกแรงเพิ่มอีกเล็กน้อย คอเล็กๆ ที่แสนบอบบางคงจะหักอย่างง่ายดาย
“หลีเอ๋อ!! หยุดเดี๋ยวนี้!! ปล่อยป้าสะใภ้ของลูกเร็วเข้า!!”
ราวกับได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการ หญิงสาวปล่อยมือโดยอัตโนมัติ แม้จะรู้สึกมึนงงในปฏิกิริยาของตนและเหมือนการควบคุมร่างกายนี้ช่างเป็นไปอย่างยากลำบาก
เห็นทีในอนาคตต้องฝึกฝนให้ร่างกายนี้สามารถตามทันความเร็วที่เคยฝึกในชีวิตก่อน
“แค่ก!! แค่ก!! แค่ก!!”
หญิงผู้เคราะห์ร้ายรีบสูดอากาศเข้าปอดเพื่อให้ตนเองมีชีวิตอยู่ แม้จะถูกทำให้เกือบตายทว่าก็ยังไม่รู้สึกสลด นางชี้นิ้วมายังเซี่ยชิงหลีด้วยท่าทางเอาเรื่อง หลังจากกลับมาเป็นปกติจึงร้องโวยวายด้วยสีหน้าเดือดดาล
“เด็กสารเลว แกคิดสังหารคนหรือ หลี่หลันฮวา! เจ้า!! เจ้า!! ดูบุตรสาวที่เจ้าเลี้ยงดู บัดนี้นางกลายเป็นฆาตกรสังหารคนแล้ว”
เมื่อได้ยินสะใภ้ใหญ่เอ่ยเช่นนั้น มารดาของร่างเดิมมีท่าทีตื่นตระหนกทันที
ในความทรงจำที่ได้รับมา ชื่อของนางคือหลี่หลันฮวา บ้านเดิมยากจนข้นแค้น เมื่อแต่งเข้าตระกูลเซี่ยทำให้ถูกแม่สามีดูแคลน นางเองก็อับจนหนทางแต่งเข้ามาหลายปีสามีไม่เคยปกป้อง ทั้งนางและลูกทั้งสามจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของคนในครอบครัว
ชีวิตของสามีที่เคยได้รับแต่ความสบายไหนเลยจะเข้าใจว่าการต้องทำงานรับใช้คนตระกูลเซี่ยนั้นลำบากเพียงใด ยิ่งบุตรสาวคนโตของนางเกิดมาเป็นใบ้ ชะตาชีวิตของหลี่หลันฮวายิ่งตกต่ำไม่ต่างจากทาสในเรือน
“พี่สะใภ้...ข้าขอโทษแทนหลีเอ๋อได้หรือไม่ เด็กพึ่งหายตัวไปอาจยังคงตกใจจึงพลั้งมือทำร้ายท่าน ท่านเป็นผู้อาวุโสของนางยกโทษให้นางสักครั้งเถิด”
หลี่หลันฮวาคุกเข่าลงต่อหน้าสะใภ้ใหญ่จางซุนโหรวด้วยสีหน้าอ้อนวอน ในใจของนางกังวลว่าบุตรสาวจะได้รับโทษที่ทำร้ายคน
“เหอะ! เจ้าคิดว่าครอบครัวบ้านรองของเจ้าเป็นใครถึงได้กล้ามานับญาติกับข้า ในเมื่อนางเด็กสารเลวลูกสาวของเจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าจะต้องจับตัวมันส่งทางการให้จงได้ หลีกไป!!อย่ามาขวางทาง”
จางซุนโหรวคิดเข้าไปจัดการกับเซี่ยชิงหลี ทว่ากลับถูกนางกระชากแขนจนกองลงไปกับพื้น ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกใจไม่เชื่อสายตา
ในหมู่บ้านสือซานมีใครบ้างไม่รู้ว่าครอบครัวรองตระกูลเซี่ยถูกข่มเหงมานานเพียงใด ทว่าก็ไม่เคยเปิดปากตอบโต้ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม
บัดนี้เมื่อได้เห็นเด็กใบ้บ้านรองผู้น่าสงสารเริ่มตอบโต้ หมายความว่าพวกเขาคงอัดอั้นในใจจนระเบิดออกมาแล้ว
