ตอนที่ 6 เวลานี้ใช่ข้าหรือท่านที่วิ่งตาม
ซุ่นยวี่เหอเหลือบมองผู้ที่มาใหม่จากนั้นเขาก็ไอออกมาอย่างแรงพร้อมกับลุกขึ้นยกมือประสานโค้งตัวลงทำความเคารพ
"องค์รัชทายาท"
"อืม.." น้ำเสียงเย็นชาของมู่หรงจินเหยียนดังขึ้น
จากนั้นเขาก็หันไปมองหลินจื่อเหยาแต่เวลานี้เขากลับเห็นเพียงนางยกชามน้ำพุทราลำไยขึ้นมากินราวกับมองไม่เห็นผู้ที่เดินเข้ามา
นางทำตัวสบายๆ ยกแขนวางไว้บนโต๊ะ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ไม่มีมาดของคุณหนูผู้ดี แต่กลับมีความงามชั้นสูงที่ทำให้คนไม่อาจมองข้ามได้
คล้ายเจ้าหญิงชั้นสูงของราชวงศ์ในยุคกลางที่เดินออกมาจากภาพสีน้ำมัน
มู่หรงจินเหยียนก้มมองเด็กสาวด้วยท่าทางเชิดหยิ่ง น้ำเสียงเคร่งขรึม “ตระกูลหลินอบรมสั่งสอนเจ้าไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ เห็นข้าผู้นี้เจ้าก็ยังไม่แม้แต่จะลุกขึ้นถวายบังคม
กิริยา มารยาทป่าเถื่อนของเจ้าช่างทำให้ชื่อเสียงตระกูลหลินแปดเปื้อนเสียจริงๆ ดึกดื่นหนีออกมาคลุกคลีอยู่กับบุรุษ......"
"พี่ใหญ่ท่านก็กล่าวเกินไป พี่ดูสภาพนางเป็นเช่นนี้แล้ว คิดว่านางลุกขึ้นมาถวายบังคมท่านไหวหรือ?"
ดวงตาของมู่หรงจินเหยียนเย็นชา กับองค์ชายห้าผู้นี้เขาไม่แม้แต่จะชายตามองดู หากเมื่อไหร่ที่เขาไม่มีองครักษ์ลับของไท่ซางหวงคุ้มครองสิ่งแรกที่เขาจะทำคือการตัดหัวของเขาเสีย
“หึ! องค์ชายห้า เจ้ากลับมาเมืองหลวงแต่ไม่เข้าไปถวายพระพรเสด็จปู่ผู้คอยปกป้องเจ้า กลับเอาเวลามานั่งทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์
ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ไท่ซางหวงโปรดปรานเจ้าแต่เจ้ากลับอกตัญญูกลับมาเมืองหลวงยังไม่ไปถวายพระพร"
มู่หรงจินเหยียนหยุดเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเข้มงวดท่าทางของเขาเช่นนี้คล้ายกับตอนที่เขาอยู่ในราชสำนักกับเหล่าขุนนางทั้งหลายในยามว่าราชการ
"คุณหนูรองหลินข้าหวังว่าจะไม่ได้พบเจ้าทำตัวเช่นนี้อีก อย่าทำให้ชื่อเสียงอันดีงามของเสี่ยวเซวียนด่างพร้อย ขอให้เจ้ารีบกลับจวนตระกูลหลินไปขอร้องผู้นำตระกูลเสีย"
น้ำเสียงของมู่หรงจินเหยียนไม่เบาไม่ดังแต่ก็พอทำให้บรรดาผู้คนที่มารับประทานอาหารบนชั้นนั้นได้ยินอย่างชัดเจน หลายคนเริ่มพูดคุย การซุบซิบนินทาไม่ว่ายุคไหนสมัยใดไม่น้อยไปกว่ากันเลยสักนิด
"นั่นคุณหนูรองตระกูลหลินนี่นา.."
"ใช่ ข้าได้ยินเมื่อหลายวันก่อนทำร้ายคณหนูใหญ่จนเกือบตาย ดีที่ช่วยเอาไว้ได้ทัน"
"แต่นางโดนท่านเสนาหลินเนรเทศให้ไปอยู่ที่อารามแล้วไม่ใช่หรือ..เหตุใดถึง"
"อาหารสามารถทานได้ตามใจปาก แต่คำพูดจะพูดตามใจปากไม่ได้..." น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยของมู่หรงเว่ยหมินดังขึ้น ทำให้ผู้คนที่กำลังซุบซิบอยู่นั้นได้เงียบเสียงลงไม่น้อย
จากนั้นเขาก็คีบเนื้อหมูผัดใส่จานให้หลินจื่อเหยาก่อนจะวางตะเกียบลงแล้วเงยหน้ามองไปที่มู่หรงจินเหยียนโดยตรง
มู่หรงเว่ยหมินสำหรับองค์รัชทายาทแล้ว เขาไม่คิดที่จะมีเรื่องด้วย แต่เพียงเพราะเห็นเขาอยู่กับหลินจื่อเหยา จึงทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ มู่หรงจินเหยียนก็ทำได้เพียงกดข่มอารมณ์เอาไว้ เขาชายตามองไปที่หลินจื่อเหยาอีกครั้ง กำลังจะเอ่ยอะไรสักอย่าง
หลินจื่อเหยาก็ค่อยๆ ปรายตามองขึ้นมาที่เขา
ใบหน้าของนางงดงามจนน่าตะลึง ความคลุมเครือในดวงตาหงส์หายไปฉับพลัน เมื่อเมฆหมอกจางหายก็กลายเป็นความเย็นชา เจือไปด้วยประกายอ่อนๆ อันงดงาม
“องค์รัชทายาท หมั้นท่านก็หมั้นกันแล้ว ปากก็เอาแต่พูดว่าข้าจะทำให้คู่หมั้นของท่านเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เวลานี้ ข้าหนีมาถึงนี่แล้วเหตุใดองค์รัชทายาทถึงยังจะตามมาสั่งสอนข้าอีก" หลินจื่อเหยาเท้าศอก สีหน้าเรียบเฉยเอ่ยถามต่อ
"เวลานี้ ใช่ข้าหรือท่านที่กำลังไล่ตามใครกันแน่?”
น้ำเสียงนี้ไม่มีความหวาดกลัวนอบน้อมเหมือนแต่ก่อน กลับเย็นชาจนเสียดแทงหัวใจ
องค์รัชทายาทสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
ซุ่นยวี่เหอเองก็ตกใจ แทบไม่อยากเชื่อหูผู้คนที่จ้องมองติดตามสถานการณ์ต่างก็รู้สึกขัดแย้งขึ้นมาภายในใจ ปกติคุณหนูรองคนนี้ไม่มีทางพูดกับองค์รัชทายาทเช่นนี้ ก่อนนี้ได้ยินมาว่านางพึงพอใจองค์รัชทายาทมากมิใช่หรือ? แล้วทำไม?
ทันใดนั้นมู่หรงเว่ยหมินก็หัวเราะออกมา เขาเงยหน้าเล็กน้อย กวาดตามองคนที่ยืนอยู่ ดวงตาดอกท้อโค้งมน ล้ำลึกมีมนต์สะกด พูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง
“หึ! คุณหนูรองหลิน หากเจ้ายังไม่มีที่พึ่งพิง ไม่สู้เจ้าหันมาพิจารณาข้าผู้นี้สักหน่อยดีไหม?"
น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย แต่จุดประสงค์ต้องการปกป้องชัดเจน มู่หรงจินเหยียนขมวดคิ้ว
มู่หรงเว่ยหมินเป็นองค์ชายเสเพลไม่ผิดแน่แต่ ทว่าเขากลับเป็นคนที่ไท่ซางหวงโปรดปรานเป็นที่สุด ถึงขนาดส่งองครักษ์เงามังกรทองคอยติดตามเขาไม่ห่าง
ตำแหน่งองค์รัชทายาทของเขายิ่งใหญ่มากก็จริง แต่เมื่อเทียบกับมู่หรงเว่ยหมินแล้วก็ยังห่างชั้นอยู่บ้างนิดหน่อย
"ข้าไม่ใส่ใจหรอกนะว่าวันนี้องค์รัชทายาทมีความประสงค์ที่จะทำอะไร" นิ้วเรียวของมู่หรงเว่ยหมินเคาะโต๊ะเบาๆ ยิ้มมุมปาก
“แต่เวลานี้ข้ารับประทานอาหารอยู่ รบกวนองค์รัชทายาทอย่ามาทำให้ข้าหมดอารมณ์ในการอยากอาหารได้หรือไม่?”
ดวงตาของมู่หรงเว่ยหมินวูบไหว เขามีตำแหน่งที่สูงส่งเหตุใดถึงต้องมาคิดเล็กคิดน้อยกับบุตรสาวคนรองของเสนาด้วย
ดวงตาดอกท้อของเขาตวัดขึ้น"ข้า ขอความกรุณา องค์รัชทายาทอย่าได้ทำให้แขกท่านอื่นๆ อึดอัดเลย"
การเย้ยหยันแบบไร้เสียงเป็นการกระทำที่รุนแรงที่สุด มู่หรงจินเหยียนเม้มริมฝีปากแน่น กรามก็ขบแน่นตามไปด้วย สีหน้าของเขาดำคล้ำขึ้นมาทันที
เขาไม่อยากเดินออกไปจากตรงนี้เลยสักนิดยิ่งเวลานี้ผู้คนก็จ้องมองมายังเขา เขาปรายตากวาดไปทั่วบริเวณก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็สะบัดแขนเดินออกไปในทันที
บรรยากาศรอบตัวกลับสู่ความเงียบสงบ เสียงน้ำไหลริน ปะปนกับเสียงเครื่องดนตรีที่ด้านล่างไพเราะเสนาะหู
ซุนยวี่เหอรู้สึกเหมือนตัวเองได้ดูละครฉากใหญ่ หันไปหันมาด้วยความตื่นเต้น
มู่หรงเว่ยหมินเหลือบมองเขา "ปีศาจงูสิงร่างหรือ?"
“โอ้โห..องค์ชายห้า” ซุนยวี่เหอรีบวางมาดให้สุภาพขึ้นมาทันที “ก็ข้ารู้สึกสะใจอย่างไรเล่า เจ้ากับลูกพี่ใหญ่เข้าขากันดีมากเลยนะ”
หลินจื่อเหยาไม่สนใจเขาอีก นางขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม "ที่นี่ มีที่ไหนน่าเดินเล่นบ้าง"
มู่หรงเว่ยหมินพูดอย่างเนือยๆ “ถนนหลวง ริมแม่น้ำโหว หรือจะเป็นตลาดผิงกู่ เหมาะสมทุกที่”
หลินจื่อเหยาขมวดคิ้ว
"พอเถอะองค์ชายห้า ที่ที่เจ้าพูดมานั้นสำหรับคนธรรมดาเขาเดินเล่นทั้งนั้น” ซุนยวี่เหอพูดต่อ “คุณหนูรองหลิน ข้าจะบอกเจ้าให้ที่หนึ่ง รับรองว่ามีไม่กี่คนที่เคยได้ยิน”
เขาทำท่ามีลับลมคมใน
“เจ้ารู้จักทางไปหอเฟินหลีหรือไม่?”
หลินจื่อเหยาครุ่นคิด สักครู่นางจึงพยักหน้า “รู้จัก"
“ที่นั่นมีของที่บนดินไม่มีขาย ของแปลกๆ ที่คนมาจากยุทธภพเก็บมาขาย สนุกมากเลยนะ มีส่องอัญมณี
มีพวกฝึกยุทธ หมอเทวดาฝังเข็ม ทำนายดวงชะตา ทั้งยังมีของแปลกๆ หายากๆ มากมายอีกด้วย" ซุนยวี่เหอพูดด้วยความตื่นเต้น "คราวก่อนมีคนจ่ายเงินไม่กี่ตำลึงซื้อแจกันลายครามน้ำเต้าคู่ไปหนึ่งอันได้กำไรมหาศาลเลยนะ"
“ขนาดนั้นเลยหรือ” หลินจื่อเหยาเงี่ยหูฟัง "ประเภทเตาหลอมยา เข็มทอง สมุนไพรหายากทำนองนี้มีหรือไม่?"
"มีสิ ของทั่วยุทธภพจะมากองรวมอยู่ที่นั่นทั้งหมด ถ้าพี่ใหญ่อยากไปเที่ยวนะ เดี๋ยวข้าพา...”
ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดจังหวะ
"ยวี่เหอ..." มู่หรงเว่ยหมินยิ้มเล็กน้อย ฟังจากนํ้าเสียงไม่ออกว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน “เจ้ากลายเป็นคนพูดเพ้อเจ้อตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ใช่ๆๆ เพ้อเจ้อๆ!" ซุนยวี่เหอฉุกคิดขึ้นมาได้ "พี่ใหญ่ข้าเพียงพูดเพ้อเจ้อไปเท่านั้นเองพี่ใหญ่เจ้าห้ามไปเด็ดขาดนะ”
ถูกต้องตลาดมืดนั้นวุ่นวายมาก หลังยามจื่อถึงจะเปิด เหล่าคุณชายอย่างพวกเขาไปไม่มีปัญหา แต่บรรดาคุณหนูนั้นห้ามไป
เกิดลือออกไปชื่อเสียงของนางจะยิ่งไม่ดี เขาได้กลายเป็นคนบาปแน่แท้
หลินจื่อเหยาหลุบตาลง ไม่ถามอะไรอีก ตลาดมืดอย่างนั้นหรือ? ยุคนี้ก็มีตลาดเช่นนี้อยู่อย่างนั้นหรือ?
....
