บท
ตั้งค่า

ข้าไม่ยอมเป็นรอง (1)

“ขออภัยท่านหญิง แต่ที่นี่เรารับเพียงบุรุษ...” เด็กรับใช้กล่าวไม่ทันจบดี ไป่เซียงหวินก็วางถุงเงินลงกลางโต๊ะ พลางสะบัดมืออย่างไม่แยแส

“ไปเอาเหล้าที่ดีที่สุดมา”

เด็กรับใช้ยืนนิ่งด้วยความลำบากใจ แต่ไหนแต่ไรมา สถานที่เช่นนี้ไม่อนุญาตให้สตรีเข้ามาวุ่นวาย เหตุเพราะเกรงว่าจะนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมเหมือนครั้งหนึ่งในอดีต

บุรุษหนีภรรยาของตนมาหาความสำราญ โดยหาไม่รู้ไม่ว่าความหึงหวงนั่นมีอานุภาพรุนแรงเพียงใด

แต่ครั้นจะไม่ต้อนรับเลย ก็คงจะน่าเสียดายแย่ เพราะลูกค้ารวยทรัพย์ส่วนใหญ่ก็มาจากบุรุษที่มีครอบครัวแล้วทั้งสิ้น ฉะนั้นเพื่อเป็นการไม่ให้เสียผลประโยชน์ ทางหอคณิกาเหลียงซีเหยียนจึงสั่งห้ามสตรีเข้ามาในที่แห่งนี้แทน

ไป่เซียงหวินวางถุงเงินอีกถุงลงบนโต๊ะ ทำเด็กรับใช้กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ แม้จะกลัวแต่เงินตรงหน้าก็ช่างน่าเย้ายวนนัก จำนวนเงินมากขนาดนี้ ไม่รู้ต้องยืนขาแข็งทำงานอีกไม่รู้กี่เดือนจึงจะได้มา

หลังจากหันซ้ายแลขวาอยู่สักพัก ถุงเงินทั้งสองก็ถูกรวบเก็บไว้ในเสื้อนอกของเด็กรับใช้อย่างรวดเร็ว ก่อนเขาจะโค้งตัวพร้อมเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “แม่นางโปรดรอสักครู่”

“คุณหนู...” ลี่เหลียนดึงชายเสื้อคุณหนูของตน พยายามเกลี้ยกล่อมให้นางกลับจวน เพราะหากมีใครรู้ว่าลูกสาวท่านเจ้าเมืองไป่มาเที่ยวสถานเริงรมย์เช่นนี้ คงได้เป็นเรื่องอื้อฉาว นินทากันสนุกปากเป็นแน่

เดิมทีชื่อเสียงของไป่เซียงหวินก็หาได้สวยงามหรือเพียบพร้อมแต่อย่างใด หากมีเรื่องเสื่อมเสียเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ไม่แคล้วตระกูลไป่ก็ถึงคราวล่มสลายเป็นแน่

“คุณหนูเจ้าคะ กลับกันเถิดเจ้าค่ะ หากคุณหนูอยากได้หลักฐาน บ่าวจะไปสืบมาให้เองนะเจ้าคะ”

“ไม่! มาถึงขั้นนี้แล้ว อย่างไรข้าก็จะไม่ถอย” ไป่เซียงหวินจ้องเขม็งไปยังร่างอรชรที่กำลังลุกขึ้นมาร่ายรำด้วยท่าทางงดงามอ่อนช้อย “อยากรู้นัก ว่าคำสัญญาที่บอกจะไม่นอกใจข้า จะเชื่อถือได้สักแค่ไหน”

ผ่านไปสักพักใหญ่ การแสดงสุดวิจิตรงดงามได้จบลง สตรีก้าวขึ้นมายืนเบื้องหน้า พร้อมกางแขนออกเพื่อรับคำชื่นชมและเสียงตบมือจากบรรดาบุรุษทั้งหลาย

“นางช่างงามเสียจริง น่าเสียนักที่ไม่มีวาสนาได้ครอบครองนาง”

“เจ้าก็ลองดูสิ สัมผัสเพียงปลายนิ้วก้อย คอได้หลุดจากบ่าเป็นแน่”

“น่าอิจฉาแม่ทัพฮุ่ย มีหญิงงามเกี่ยวรำทุกค่ำคืน ทั้งอนาคตยังถูกวางตัวเป็นลูกเขยท่านเจ้าเมือง วาสนาช่างมากนัก”

ไป่เซียงหวินเอียงคอฟังชายขี้เมาทั้งสาม พลางเหลือบมองม่านฟางหรงด้วยความริษยาอย่างแรงกล้า

ยอมรับว่าม่านฟางหรงนั้นโฉมสะคราญ แต่ไป่เซียงหวินเองก็หาได้ด้อยกว่าไม่ ความงามของนางนั้นถอดแบบมาจากผู้เป็นมารดาไม่มีผิดเพี้ยน สดใสเปล่งประกายทั้งยังดูมีชีวิตชีวาราวนกน้อยที่โผบินสู่ท้องฟ้ากว้าง

ไป่เซียงหวินจ้องม่านฟางหรงไม่วางตา กระทั่งเห็นสตรีร่างท้วมเดินเข้ามาพลางกระซิบบางอย่าง ม่านฟางหรงก้มหน้าเขินอายและเดินตามสตรีผู้นั้นออกไปทันที

ไป่เซียงหวินไม่รอช้ารีบลุกพรวดและวิ่งตามไปเช่นกัน

“คุณหนู คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ รอข้าด้วยเจ้าค่ะ”

หอคณิกาเหลียงซีเหยียนช่างมีทางสลับซับซ้อนนัก ห้องแยกเป็นสัดส่วน เข้าห้องนี้ทะลุออกห้องนั้น เหตุที่มีโครงสร้างชวนงงเช่นนี้ก็เพราะนอกจากป้องกันสตรีที่เข้ามาตามหาสามี ยังมีบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ที่แอบมาใช้บริการสถานที่แห่งนี้โดยต้องการปิดเป็นความลับอีกด้วย

ไป่เซียงหวินต้องการสะกดรอยตามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว จึงใช้เสาและโต๊ะเป็นที่กำบังตน ร่างเล็กวิ่งขลุกๆ ตามไปเรื่อยๆ กระทั่งเดินผ่านกลุ่มคนกลุ่มใหญ่และชนเข้ากับชายคนหนึ่งจนเกือบล้มหงายหลัง

หญิงสาวรีบกล่าวขอโทษ ก่อนจะหันกลับมาแล้วพบว่าม่านฟางหรงได้หายไปจากสายตาเสียแล้ว

เอ้า! หายไปไหนแล้วเล่า

ไป่เซียงหวินหัวเสียเป็นอย่างมาก นางชะเง้อคอมองหาหญิงงาม เท้าเล็กยังคงก้าวเดินอย่างไม่ลดละ วิ่งวุ่นไปมาคล้ายเด็กน้อยหลงทาง

แต่แล้วเมื่อวิ่งมาสักพัก หางตาพลันเหลือบเห็นเงาของใครบางคนยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของบันได เมื่อเพ่งมองให้ชัดๆ จึงเห็นว่าเป็นม่านฟางหรง

สตรีผู้เลอโฉมยืนนิ่งคล้ายกำลังรอใครบางคน เมื่อไป่เซียงหวินขยับตัวเข้าใกล้ ม่านฟางหรงจึงเริ่มก้าวขาขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของหอคณิกา

ไป่เซียงหวินพบว่าชั้นสองนี้เงียบสงบกว่าชั้นแรกมากนัก ทั้งยังมืดสลัว มีเพียงแสงสว่างจากเปลวเทียนเพียงเล็กน้อย

ม่านฟางหรงหยุดยืนที่หน้าห้องห้องหนึ่ง นางจัดอาภรณ์ของตนให้เรียบร้อย ยืดตัวตรงและผลักบานประตูเข้าไปช้าๆ เยื้องย่างประดุจนางพญาพร้อมเอ่ยทักทายคนที่อยู่ด้านในห้องด้วยน้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มระคนสะอื้นเล็กน้อย

“ฟางหรงดีใจเหลือเกินที่ท่านแม่ทัพเรียกหา คิดว่าพอเกิดเรื่องในคืนนั้น ฟางหรง...จะไม่มีโอกาสได้พบกับท่านแม่ทัพอีกแล้ว”

“คิดมากน่า ไม่สมกับเป็นเจ้าเลย”

“แต่ฟางหรง...ต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับท่านแม่ทัพสักนิด หากวันใดท่านแม่ทัพเกิดเบื่อ...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel