บทที่6
รเมศไม่ค่อยอยากจะยอมรับว่าเขาตื่นเต้นไม่น้อยที่ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึงสักที วันที่เขาสามารถเรียกให้พลอยขวัญมาทำงานที่นี่ แน่นอนว่าเรื่องที่ทำให้เธอพลาดจากงานอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของเขาทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำให้รีสอร์ทอื่นๆ ปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าทำงานเพราะธุรกิจของครอบครัวเขา ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับสายงานที่เธอกำลังหาอยู่ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องทำอะไรบ้าบอแบบนั้นเพื่อแค่จะให้เธอมาอยู่ใกล้ๆ แต่พอเธอมาก็ดันเผลอทำเย็นชาใส่ หลงลืมไปจนหมดสิ้น ถึงคำพูดจาดีๆ ที่สู้อุตส่าห์เตรียมเอาไว้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะโกรธเขาสักแค่ไหนกัน ไม่อาจรู้ได้เลยจริงๆ
ขณะเดียวกันพลอยขวัญก็กำลังตื่นตาอยู่กับที่พักใหม่ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆ คล้ายบังกะโล ต่างจากพนักงานอื่นๆ ที่อาศัยอยู่รวมกันที่หอพักด้านหลังรีสอร์ท ครั้นพอถามถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้อภิสิทธิ์มาอยู่ที่นี่คนเดียวดวงเดือนก็ให้คำตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ว่าหอพักที่ว่านั้นตอนนี้เต็มหมดแล้ว นั่นทำให้เธอต้องมาพักที่บ้านหลังนี้เป็นการชั่วคราวไปก่อน ใครเลยจะกล้าบอกความจริงว่าทั้งหมดนี้คือคำสั่งตรงของเจ้านาย
“ขาดเหลืออะไรก็บอกพี่ได้เลยนะคะน้องพลอยไม่ต้องเกรงใจ”
ดวงเดือนเอ่ยบอกคนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม ยิ่งได้คุยก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้านายของเธอจะหวงจนถึงขั้นสั่งให้พามาพักที่บ้านหลังนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของตัวเองเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เธอไม่รู้ว่าระหว่างสองคนนี้มีอะไรกัน แต่ที่มั่นใจได้คือพลอยขวัญคงไม่ใช่แค่คนรู้จักทั่วไป อย่างที่เจ้านายของเธอได้บอกเอาไว้อย่างแน่นอน
“ขอบคุณมากนะคะพี่เดือน แค่นี้พลอยก็เกรงใจจะแย่แล้วค่ะ ว่าแต่บ้านหลังนั้นของใครเหรอคะ สวยจังเลยค่ะ” พลอยขวัญตอบรับอย่างเกรงใจก่อนจะถามถึงบ้านอีกหลังซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของเธอเท่าไหร่ รูปทรงของบ้านดูน่ารักน่าอยู่ ยิ่งมันถูกทาด้วยสีขาวทั้งหลังด้วยก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ก็ไม่กล้าเพราะไม่รู้ว่าเจ้าของนั้นเป็นใครเขาจะหวงความเป็นส่วนตัวมากแค่ไหน ทางที่ดีอยู่ในที่ที่ควรอยู่จะดีกว่า
“บ้านของคุณปราบน่ะค่ะ แต่รายนั้นปกติก็นอนที่บ้านใหญ่อีกหลังกับครอบครัว ไม่ค่อยมานอนที่บ้านหลังนี้สักเท่าไหร่หรอกค่ะ ถ้ายังไงน้องพลอยพักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงเริ่มงานกันแต่เช้า นี่ค่ะกุญแจบ้าน” พลอยขวัญเอ่ยขอบคุณในความมีน้ำใจของดวงเดือนก่อนจะจ้องมองจนอีกฝ่ายเดินลับสายตาไปถึงได้หันกลับไปมองบ้านสีขาวแสนสวยนั้นอีกครั้ง
ทำไม ความบังเอิญต้องบีบให้เธอมาอยู่ใกล้เขาถึงขนาดนี้ด้วย!
พลอยขวัญใช้เวลาที่เหลืออีกครึ่งวันหมดไปกับการจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง กระทั่งเมื่อถึงเวลาเย็นดวงเดือนก็มาเคาะประตูอีกครั้งพร้อมกับข้าวเย็นในมือหลายอย่าง นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกซึ้งในความมีน้ำใจของอีกฝ่ายจนอดไม่ได้ที่ต้องชวนให้อยู่ทานข้าวด้วยกัน ซึ่งดวงเดือนก็ไม่ปฏิเสธเพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมาจากเจ้านายซึ่งกำลังติดงานอยู่
“พี่ขอถามอะไรน้องพลอยหน่อยได้ไหมคะ” กระทั่งเมื่อทานข้าวเสร็จคนที่เก็บงำความสงสัยมาตลอดวันก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงสิ่งที่อยากรู้ออกมา เพราะเธอค่อนข้างมั่นใจว่ามีบางอย่างที่หลบซ่อนอยู่ระหว่างคนสองคนนี้ แต่ที่ไม่รู้คือสิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่ จะใช่อย่างที่เธอคิดรึเปล่า
“ได้สิคะพี่เดือน”
“น้องพลอยกับคุณปราบ เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหมคะ” หนนี้คนถูกถามถึงกลับเงียบไป สุดท้ายก็ยอมตอบคำถามเพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างดวงเดือนก็ดีกับเธอมาก จึงไม่อยากโกหกอีกฝ่าย
“พี่ปราบเคยเป็นคนรักของเพื่อนสนิทพลอยค่ะ เราเลยรู้จักกัน”
แค่คนรักของเพื่อนจริงหรือ
แต่ทำไมเจ้านายของเธอถึงได้ทำราวกับว่าพลอยขวัญคือคนรักของเขาเสียเองแบบนี้เล่า ทั้งคอยโทรถาม มิหนำซ้ำยังกำชับให้เธอมาดูแลไม่ให้ห่าง สิ่งเหล่านี้มันออกจะมากเกินกว่าความจริงที่เพิ่งได้ยินเป็นไหนๆ
“พี่คิดแล้วเชียวว่าสองคนนี้ต้องเคยรู้จักกันมาก่อน ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่กวนน้องพลอยแล้วดีกว่า เจอกันพรุ่งนี้ที่รีสอร์ทหกโมงเช้านะคะ” พลอยขวัญรับคำพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะอาสาเดินออกมาส่งดวงเดือนที่หน้าบ้าน
“ขับรถดีๆ นะคะพี่เดือน”
“เราเองก็รีบเข้านอนเถอะ อย่าลืมตรวจล็อกประตูบ้านให้ดีละ”
“ค่ะพี่เดือน” พลอยขวัญพยักหน้ารับก่อนจะจ้องมองคนแน่ใจว่าอีกคนขับรถออกไปไกลถึงได้พาตัวเองกลับเข้ามาด้านในอีกครั้งพร้อมกับหัวใจที่สั่นไหวรุนแรง เชื่อว่าสาเหตุของอาการเหล่านี้คงหนีไม่พ้นเจ้าของบ้านสีขาวหลังสวยข้างๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอกับเขาต้องมาเจอกันอีก
ทั้งๆ ที่เธอเกือบจะลบภาพขอบเขาออกไปจากใจได้อยู่แล้วแท้ๆ ทั้งๆ ที่เธอเกือบจะทำใจไม่ให้เผลอไปคิดถึงเขาได้อยู่แล้ว แต่ทำไมโชคชะตาถึงไม่เข้าข้างเธอบ้าง
ทำไมยังต้องให้เธอกับเขาวนเวียนมาพบกันอีก ทำไมกัน!
