บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เจ้าลืมเรื่องของเราได้ยังไง

บทที่ 4 เจ้าลืมเรื่องของเราได้ยังไง

แต่ทว่าเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปนางกลับยังยืนอยู่ท่านกลางแสงแดดจ้าช่วงเวลากลางที่ดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางหัว ริมฝีปากเริ่มแห้งเหือดใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อเหงื่อผุดเต็มร่างกายกระนั้นนางยังคงยืนอยู่ไม่ไหวติง

หลิวไท่หยางนั่งมองความอดทนของนางพลางแสยะยิ้มออกมา

“ฮึ ไม่คิดว่านางจะทนได้ขนาดนี้ ดี ๆ ข้าจะปล่อยให้นางอยู่เช่นนี้เจ้าช่วยจับตามองนางเอาไว้อย่าให้นางไปที่ใดต่อให้สลบลงก็ไม่ต้องพานางเข้าร่มจนกว่านางจะฟื้น” ร่างสูงลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่พึงพอใจเพราะเขาต้องการให้นางอ้อนวอนเขาแต่นางกลับปิดปากนิ่งไม่เอ่ยอะไรเลย

เวลาล่วงเลยจวบจนดวงอาทิตย์เริ่มตกดินจางอวิ๋นหลิงเริ่มขาสั่นกวาดสายตามองไปด้านหน้าเริ่มเห็นภาพเบลอ ใจเริ่มเบาหวิวก่อนที่ทุกอย่างด้านหน้าจะมืดสนิท ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของไป๋หนิงซินสะท้อนกึกก้องในหู

“นางสลบไปแล้วพวกเจ้าไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยหรืออีกอย่างตอนนี้ตะวันตกดินตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ

ปล่อยนางได้แล้ว”

“ข้าไม่ได้ใจร้ายเพียงแต่ทำตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ ในเมื่อตอนนี้ตะวันตกดินแล้วเจ้าก็พานางกลับห้องเสียสิ”

“ข้าจะพานางไปยังไงในเมื่อนางหมดสติเช่นนี้ แถมยังตัวร้อนปานไฟเช่นนี้นางจับไข้แน่ ๆ ”

“แล้วทำไมเจ้าต้องเห็นอกเห็นใจนางเชลยผู้นี้ด้วยเล่า ”ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ถกเถียงกับไป๋หนิงซินมองดูสตรีเชลยที่นอนหายใจโรยรินอยู่ที่พื้น ครานั้นนั่นเองทหารอีกคนที่เป็นมือขวาคนสนิทของท่านแม่ทัพเดินมาช้อนร่างของจางอวิ๋นหลิงขึ้นและพานางไปที่ห้องทันที ทำให้ทั้งทหารที่เฝ้าอยู่และไป๋หนิงซินงงงวยแต่ก็ยอมเดินตามไปติด ๆ

ยามฉวี (19.00)

ร่างบางหนาวสั่นครั่นเนื้อครั่นตัวราวจะเกิดไข้ค่อย ๆ ลืมตาเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาจ้องมองไปรอบ ๆ นางคิดว่าตนเองจะตายไปแล้วเสียอีกแต่ทำไมสวรรค์ไม่เมตตาต่อความต้องการของนางเสียที

“เจ้าฟื้นแล้วสินะ กินน้ำหน่อยสิตอนนี้ข้าเช็ดตัวให้เจ้าแต่อาการตัวร้อนไม่แม้แต่จะลดลงเลย ในเมื่อเจ้าฟื้นแล้วก็กินยาลูกกลอนนี้เสียจะได้หายปวดหัว ” ไป๋หนิงซินรีบอธิบายบอกนางพร้อมพยุงให้นางลุกขึ้นนั่ง

“ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามแผ่บเบา

“เจ้าสลบไปและเป็นเวลาที่ท้องฟ้าหมดแสงสว่างพอดีทหารมือขวาของท่านแม่ทัพอุ้มเจ้ามาที่ห้องนะ อย่าพึ่งถามมากกินยาก่อนเถิด” ไป๋หนิงซินยกอาหารมาให้นางกินก่อนที่จะให้กินยาลูกกลอนที่หลวนฮวานทหารมือขวาของท่านแม่ทัพมอบให้

“เจ้าทำดีกับข้าเช่นนี้เพราะอะไรกัน ตั้งแต่ข้าเข้ามาที่จวนนี้ข้าได้ยินทุกคนเอ่ยเรื่องของข้าทั้งยังรังเกียจเหยียดหยามข้าเพราะข้าเป็นเชลยเป็นศัตรูของแคว้นหยางอัน เจ้าคงเวทนาข้ามากเลยสินะ”

“เฮ้อ ! ข้าไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นกับเจ้าเสียหน่อย อีกอย่างเป็นเรื่องของทั้งสองแคว้น ข้ามิได้ข้องเกี่ยวอันใดที่ข้าช่วยเหลือเจ้าเพราะสงสารและข้าเคยมีน้องสาว ข้ารู้สึกเสียใจทุกครั้งที่ช่วยเหลือนางไม่ได้ เมื่อเห็นเจ้าก็คิดถึงน้องสาวขึ้นมา ” แววตาของไป๋หนิงซินจ้องมองไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา น้องสาวของนางเป็นคนที่อ่อนแอและขี้โรค ท่านพ่อท่านแม่ส่งนางเข้ามาเป็นสาวรับใช้จวนท่านแม่ทัพเพื่อหาเงินไปรักษาน้อง เงินตำลึงแรกที่นางได้นางดีใจเหลือเกินแต่เมื่อนำกลับไปให้ท่านพ่อท่านแม่กลับพบว่าตอนนี้น้องสาวของตนนั้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว เมื่อเห็นจางอวิ๋นหลิงที่มีใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดฝาดไม่ว่าจะเป็นแววตาที่อมทุกข์เศร้าหมองของนางจึงเกิดความเห็นใจเวทนาต่อสตรีที่เป็นเครื่องมือของการล้างแค้นที่ตัวนางไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ

อวิ๋นหลิงฝืนกินข้าวที่ไป๋หนิงซินเตรียมมาให้ไม่อยากให้นางเสียน้ำใจ กินไปได้เพียงนิดเสียงบุรุษได้ดังเข้ามาจากด้านนอก

“จางอวิ๋นหลิงท่านแม่ทัพให้ข้ามาพาเจ้าไปเข้าพบ ”

“อะไรกัน.. นี่นางไม่สบายจับไข้ตัวสั่นเทาเช่นนี้ท่านแม่ทัพเหตุใดต้องเรียกนางเข้าพบยามนี้ด้วย ไม่คิดจะให้นางได้พักบ้างหรือไง ! ข้าไม่เข้าใจท่านแม่ทัพเลยสักนิดโกรธแค้นพ่อนางเพียงใดทำไมไม่ฆ่านางทิ้งพร้อมท่านพ่อของนางเสียจะเก็บนางไว้ทุกข์ทรมานนางเช่นนี้ไปถึงเมื่อไหร่” ไป๋หนิงซินพูดจาเบา ๆ ตำหนินายท่านของตนเบา ๆ แต่ก็ถูกอวิ๋นหลิงคว้ามือแตะลงที่แขนของนางให้นางหยุดพูด หากเรื่องนี้ถึงหูของท่านแม่ทัพนางอาจจะถูกเฆี่ยนจนหลังลายดีไม่ดี อาจจะถูกประหารเอาได้

“ไป๋หนิงซินพอเถิด อย่าเอ่ยเช่นนี้เลยเดี๋ยวเจ้าอาจจะถูกลงโทษได้ ข้าซึ้งน้ำใจของเจ้าที่มีต่อข้าและข้าเสียใจด้วยเรื่องน้องสาวของเจ้า ไม่ว่าข้าเจียนตายเพียงใดแค่เขาเอ่ยปากข้าก็มิอาจขัดขืนคำสั่งได้ ” เอ่ยจบร่างบางพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรงเดินออกไปข้างนอกตามหลังทหารที่รับคำสั่งมทาตามนางออกไป

เวลาค่ำคืนที่มืดมิด แสงจากโคมไฟลางๆ ส่องแสงผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ภายในห้องหรูหราของแม่ทัพหลิวไท่หยาง เสียงฝีเท้าของจางอวิ๋นหลิงดังขึ้นตามทางเดินหินเย็นๆ ของจวน ความเงียบงันรอบตัวทำให้จิตใจของนางยิ่งรู้สึกหนักอึ้ง ทุกก้าวที่เดินรู้สึกเหมือนการเดินไปสู่ความมืดที่ไม่มีวันออกจากไป

เมื่อถึงหน้าห้องแม่ทัพหลิวไท่หยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แข็ง แสงไฟจากโคมไฟสาดส่องใบหน้าของเขา ทำให้ดวงตาที่เย็นชาและหงุดหงิดนั้นดูเหมือนจะมีความลึกลับแฝงอยู่

"เจ้ามาแล้วสินะ อดทนเก่งนี่จางอวิ๋นหลิง" เสียงของเขาดังแหบพร่าราวกับเสียงของคนที่ไม่มีความเมตตา

จางอวิ๋นหลิงไม่พูดอะไร ตรงเข้าไปยืนอยู่ตรงกลางห้อง หัวใจของนางถูกทิ้งไว้ในห้วงความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืมได้ แม้แต่เสียงหัวใจที่เต้นยังแทบจะไม่เหลืออยู่ในตัว เหลือบมองชายที่โหดเหี้ยมอย่างเขาครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ ภายในห้องมิได้มีแต่เขาเพียงผู้เดียวกระนั้นยังมีสตรีที่งดงามแต่งตัวเจนจัดเพียงแค่ปลายตามองก็รู้ว่านางคือหญิงคณิกา นั่งอยู่ในอ้อมอกของบุรุษที่เอ่ยปากต่อนางเมื่อครู่ แววตาเย้ยหยันนางจนน่าแปลกใจเขาต้องการสิ่งใดกันแน่ถึงเรียกนางมาในยามนี้

“ท่านเรียกข้ามาเพราะสิ่งใดกัน หรือเรียกข้ามาเพราะคิดว่าข้าจะทนบทลงโทษของท่านมิได้ ท่านกลัวข้าตายและไม่ได้ทรมานข้าต่อเช่นนั้นหรือ”

“หึ ปากดีเสียจริง เจ้ารู้ดีนี่ว่านั่นคือคำสั่งของข้าไม่ให้เจ้าตายจนกว่าความแค้นของข้าหมดไป เจ้าลืมหน้าที่เจ้าแล้วหรือปรนนิบัติข้านะ ค่ำคืนนี้แสนยาวนานข้าจะให้เจ้าคอยรินสุราและคอยเรียกใช้ในยามที่ข้าหยอกเย้าอยู่กับนางคณิกาผู้นี้” เขาก้มลงมาเชยชมนางคณิกา ลอบมองสีหน้าของอวิ๋นหลิงครู่หนึ่ง

แม่ทัพไท่หยางมองไปที่นางอย่างไม่พอใจ เห็นนางยืนอย่างไร้แรงและไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำอยู่ จึงยิ้มเหยียด "จะยืนอยู่เช่นนั้นหรือมารินสุราให้ข้ากับหญิงงามผู้นี้เร็วเข้า ทำตัวไร้ประโยชน์เสียจริง ”

คำพูดของเขาทำให้จางอวิ๋นหลิงรู้สึกเหมือนมีดคมๆ แทงทะลุใจ แต่นางกลับไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย ดวงตาของนางว่างเปล่าราวกับไม่มีชีวิต เหมือนกับวิญญาณที่หลุดออกจากร่างกาย

‘ตั้งแต่เข้าจวนมาเป็นเชลยข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำเลยด้วยซ้ำเพราะเหตุอันใดกัน เสมือนว่าข้ามิใช่เชลยที่เขาพากลับมารังแกแต่เหมือนเขาต้องการให้ข้าเจ็บปวดในการกระทำของเขา จะให้ข้าเจ็บปวดอย่างไรในเมื่อข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาสักนิด หรือว่าสตรีที่ข้าอยู่ในร่างนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันนะ แต่คงมิใช่หรอก จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรในเมื่อทั้งสองแคว้นเป็นศัตรูคู่แค้นกัน’ นางครุ่นคิดในใจอย่างนึกสงสัยค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้ามารินสุราใส่จอกให้ทั้งสองที่แทบจะแนบชิดไม่อายนางแม้แต่น้อย

“ท่านแม่ทัพร่างกายของท่านแข็งแกร่งบึกบึนเช่นนี้ คืนนี้ข้าจะได้นอนหรือไม่เจ้าคะ เป็นวาสนาของนางโลมอย่างข้าเสียจริงที่จะได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของท่าน” นางโลมใช้มือลูบไล้ทั่วแผ่นอกของเขา ก่อนแสยะยิ้มเบา ๆ วางจอกสุราลงก่อนจะจับปลายคางมนของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย

“นั่นสินะเป็นวาสนาของเจ้าจริง ๆ ข้านะเก่งแต่ออกศึกรบไม่หวั่นแต่ข้านะไม่เคยร่วมหลับนอนกับสตรีใด ข้าจะให้เจ้าเป็นสตรีคนแรกของข้า”เขาพูดเอาอกเอาใจเพื่อทำให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำ เขามองอวิ๋นหลิงด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจางอวิ๋นหลิงถึงไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำกับนางโลมผู้นี้ เขามั่นใจแท้ ๆ หากทำเช่นนี้นางต้องทุกข์ทรมาน เขาต้องการเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของนาง แต่ทุกสิ่งที่เขาทำกลับไม่สามารถทำให้นางสั่นคลอน นางค่อย ๆ ขยับกายหันหลังหนีเพื่อให้ทั้งสองใช้เวลาร่วมกัน แต่กระนั้นการกระทำของนางกลับทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิม

"ทำไมไม่รู้สึกอะไรเลย... ข้าทำขนาดนี้เจ้ายังไม่เจ็บปวดบ้างเหรอ?" เขาตะโกนอย่างโกรธแค้น ก่อนที่จะหันไปขับไล่นางโลมที่ยืนอยู่ข้างๆ "ออกไป!"

นางโลมมองหน้าท่านแม่ทัพสักพัก ก่อนจะก้มหัวและออกไปจากห้องอย่างฉงนใจที่จู่ ๆ เขาพลันอารมณ์เปลี่ยนไปจนนางมองตามสายตาของของท่านแม่ทัพทำให้นางได้รู้ว่าที่เขาพานางมามิได้ต้องการให้นางมาร่วมหลับนอนแต่พานางมาเพื่อทำร้ายจิตใจของสตรีที่ยืนอยู่ด้านหน้านั่น

หลิวไท่หยางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินเข้าหาจางอวิ๋นหลิงอย่างรวดเร็ว และจับแขนนางอย่างแรง "ทำไม...ทำไมเจ้าถึงไม่รู้สึกอะไรเลย?"

จางอวิ๋นหลิงหายใจช้าๆ มือที่จับแขนเขากลับไม่สะทกสะท้าน แค่ดวงตาของนางที่ทอดมองไปที่อะไรบางอย่างที่อยู่ไกลๆ ท่าทางของนางเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในโลกของตัวเอง จิตใจของนางแหลกสลายจนไม่สามารถรับรู้ความเจ็บปวดจากภายนอกได้

"ทำไมข้าต้องรู้สึกอะไรด้วยเล่าในเมื่อข้าเป็นเพียงเชลยศึกของท่านเท่านั้น ท่านต้องการสิ่งใดกันแน่ สิ่งเดียวที่ข้ารู้แค่ว่า...ข้าจะไม่มีวันหลุดพ้นจากท่านได้" เสียงของนางแผ่วเบา แต่มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ไท่หยางยืนมองจางอวิ๋นหลิงอย่างโกรธจัด เขาพยายามจะทำลายความแข็งแกร่งที่นางซ่อนไว้ในใจ แต่เขากลับพบว่ามันยากเกินไป นางยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับไม่สามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เขาพยายามจะส่งมาถึงได้

“เฮอะ ! เจ้าทำเป็นลืมเรื่องของเราอย่างนั้นหรือทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเจ้ารักข้าเพียงใด ข้านำตัวเจ้ากลับมาเพื่อแก้แค้นให้เจ้าตรอมใจไปทีละน้อย แต่เจ้ากลับทำให้ข้าโมโหมากกว่าเดิมที่ทำเหมือนเจ้าไร้ความรู้สึกต่อข้า?" เสียงของเขาตะโกนด้วยความโมโห แต่จางอวิ๋นหลิงยังคงยืนเหมือนหุ่นไม้ ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น ครานั้นตัวนางถ่องแท้ว่าทำไมเขาต้องการให้นางเจ็บปวดและไม่ให้นางตาย ความรู้สึกของเจ้าของร่างเริ่มประสานในจิตวิญญาณของนาง ทำให้ใจเริ่มสั่นคลอนความรู้สึกในใจของนางบอกให้รู้ว่า นางอาจจะมีเพียงความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้อีกต่อไป...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel