เชลยแค้น : 2 (1/3) ของสำคัญถูกช่วงชิง
“ต่อจากนี้ต่างหากที่เรียกว่าความเจ็บของจริง!!”
ฝ่ามือใหญ่อีกข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นบีบแก้มทั้งสองข้าง บังคับให้หม่าเยว่ซินหันใบหน้ากลับมาเผชิญกับเขา ก้มลงประทับจุมพิตกลีบปากอิ่มอย่างรุนแรง พยายามรุกรานเข้าไปด้านในโพรงปากเล็ก
ทว่าผู้เป็นเจ้าของกลับฝืนต่อต้านอย่างเต็มกำลัง เม้มแน่นไม่ยอมเปิดช่องว่างให้ผู้บุกรุกได้ก้าวล้ำ จ้าวลี่หมิงจึงใช้ฟันขบกัดกระตุ้นให้นางเปิดริมฝีปากออก พร้อมออกแรงบีบบริเวณแก้มทั้งสองข้างเพิ่มมากขึ้นจนในที่สุดการป้องกันก็ล้มเหลว
หม่าเยว่ซินมิอาจห้ามใบลิ้นซุกซนไม่ให้เข้ามากวาดต้อนความหวานในโพรงปากของตนได้ เมื่อได้โอกาสจ้าวลี่หมิงจึงพยายามรุกล้ำกอบโกยความหวานให้ได้มากที่สุด เขาดูหฤหรรษ์กับการต้อนให้สตรีใต้ร่างจนมุม
ทว่าสัมผัสหยาบโลนกับการกระทำป่าเถื่อน ไม่ได้ทำให้หม่าเยว่ซินเผลอไผลมีความรู้สึกร่วมด้วย สมองยังคงคิดหาวิธีให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอยู่ตลอด ก่อนตัดสินใจฝังเขี้ยวกัดริมฝีปากหยัก ซึ่งพยายามบดเคล้ากระตุ้นกำหนัดในกายนาง
“อ๊ะ! เจ้ากล้ากัดข้า?!”
ดวงหน้าคมคายผงะเงยขึ้นด้วยความเจ็บระคนตกใจ กลิ่นคาวคละคลุ้งกับรสปะแล่มๆ ในปาก ทำให้จ้าวลี่หมิงรับรู้ได้ในทันทีว่ามันคือหยาดโลหิต
หม่าเยว่ซินกล้าทำเขาบาดเจ็บทั้งๆ ที่ตกอยู่ในสถานะเชลย ซึ่งไม่มีสิทธิ์จะกล้าอวดดื้อถือดีด้วยซ้ำ นี่นางคิดว่าตนยังเป็นคุณหนูหม่า ธิดาเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเฉิงหรืออย่างไรกัน
“ก็เจ้าข่มเหงข้าก่อน!”
หม่าเยว่ซินไม่หวาดกลัวที่จะออกปากปกป้องศักดิ์ศรีของตน ยามนี้นางเองกำลังโกรธเกรี้ยวไม่แพ้จ้าวลี่หมิง เมื่อถูกบีบบังคับให้จนตรอกหม่าเยว่ซินก็พร้อมจะสู้ยิบตา แต่ประโยคถัดมาของบุรุษเหนือร่างกลับฉุดพลังใจที่จะสู้ต่อของนางให้เหือดหาย
“อย่าลืม… ว่าบิดาของเจ้าอยู่ในเงื้อมมือข้า!”
จ้าวลี่หมิงกดเสียงต่ำเอ่ยลอดไรฟัน จ้องดวงตากลมโตเขม็งด้วยสายตาแข็งกร้าว คลายฝ่ามือที่บีบพวงแก้มออก ค่อยๆ ยกขึ้นเกลี่ยไล้เส้นผมยุ่งเหยิงออกจากกรอบหน้าสวย ก่อนก้มต่ำกระซิบชิดริมใบหูเห่อแดงจนหัวใจดวงเล็กรู้สึกชาวาบ
“ทำตัวดีๆ หากยังอยากให้บิดาเจ้าอยู่รอดปลอดภัย”
เรี่ยวแรงทั้งหมดของหม่าเยว่ซินหายไปสิ้น นางนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิกแม้ริมฝีปากหยักจะเริ่มทำหน้าที่ของมันต่อ ดวงตากลมใสทอดมองเพดานฝ้าอย่างเลื่อนลอย พลันน้ำตาค่อยๆ เริ่มไหลรินหนักกว่าเก่า
เมื่อเห็นคนใต้ร่างนิ่งสงบไร้การขัดขืน จ้าวลี่หมิงจึงคลายพันธะทั้งหมดออก เริ่มลงมือจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ จากเรือนร่างงดงามภายใต้ชุดเจ้าสาวสีแดงสด
ไม่มีความเบามือมีแต่ความป่าเถื่อน จ้าวลี่หมิงฉุดกระชากเสื้อผ้าของหม่าเยว่ซินออกอย่างรุนแรง รวมถึงเครื่องประดับศีรษะที่ดูเกะกะลูกตานั่นด้วย เพราะยามนี้เขาใจร้อนเกินกว่าจะค่อยๆ บรรจงแกะมันออกให้
เพียงไม่นานเรือนกายขาวผ่องดั่งหิมะในฤดูเหมันต์ก็ปรากฏแก่สายตาคม อกอิ่มขนาดใหญ่คู่งามซึ่งมีปานสีแดงระเรื่อยั่วยวนต่อมอารมณ์บุรุษเพศได้ดียิ่งนัก สามเหลี่ยมทองคำอวบอูมไร้เส้นขนให้รู้สึกรำคาญใจ
ตั้งแต่เด็กจนโตจ้าวลี่หมิงรู้จักพบพานหม่าเยว่ซินถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าภายใต้อาภรณ์ที่ร่างบางสวมใส่นั้น จะซุกซ่อนแดนหิมพานต์อันน่าพิศวงเอาไว้ เท่ากับว่าที่เขาเข้าใจมาตลอดว่าตนเองรู้จักนางเป็นอย่างดี แท้จริงแล้วสิ่งที่ได้รู้จักเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นเอง
“ไม่คิดว่าเจ้าจะมีของดีซ่อนอยู่”
จ้าวลี่หมิงแสยะยิ้มเหยียดพร้อมทอดสายตาลวนลามเรือนร่างเปล่าเปลือย คนที่นอนแน่นิ่งปล่อยให้น้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจรินไหล ยังมิอาจหลีกเลี่ยงความเขินอายยามถูกจดจ้องมองซึ่งๆ หน้าได้
พวงแก้มขาวกระจ่างแดงปลั่งดั่งลูกตำลึงสุก พร้อมเรียวแขนที่ยกขึ้นปิดจุดสงวนบนล่างเรียกสายตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจให้ปรากฏ จ้าวลี่หมิงรับรู้ได้ว่าคนใต้ร่างกำลังเขินอาย มันยิ่งทำให้เขานึกอยากรังแกนางขึ้นกว่าเดิม
