เชลยแค้น : 1 (3/3) เจ้าสาวผู้อาภัพ
เมื่อสุราในเหยือกหมดมือใหญ่จึงปามันทิ้งลงพื้น ก้มลงมองเสื้อนอกชุดเจ้าบ่าวซึ่งตนกำลังสวมใส่ด้วยสายตาขยะแขยง ลงมือถอดมันออกและปาลงพื้นอย่างไม่ไยดี คว้าสุราเหยือกใหม่ที่นางกำนัลยกมาวางไว้ให้ขึ้นดื่มอีกครั้ง
องค์ชายจ้าวใช้เวลาอยู่กับสุราและความเศร้าเสียใจร่วมหลายชั่วยาม จนท้องฟ้ามืดครึ้มก็ยังคงไม่หยุดดื่ม คิดว่าการเมามายจะทำให้ความเจ็บปวดภายในหัวใจจางหายไปได้ ทว่าความจริงแล้วมันกลับยังคงชัดเจนอยู่เสมอ
ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำจนดูน่ากลัวเพราะผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน มีหยาดน้ำตารินไหลอยู่เรื่อยๆ ไม่ขาดสาย แต่กลับไร้เสียงสะอื้นไห้ให้ได้ยิน
ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นยืน เดินซวนเซตรงไปยังห้องของตนที่ตอนนี้ภายในมีหม่าเยว่ซินนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ ตั้งแต่ถูกส่งตัวเข้ามาในห้องจนถึงตอนนี้ นางเองยังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุดเช่นกัน
ปัง!
เสียงบานประตูซึ่งถูกเปิดและปิดกระแทกอย่างแรงเรียกดวงหน้าสวยให้เงยจากเข่าขึ้นมองทั้งน้ำตา จ้าวลี่หมิงเดินถือเหยือกสุราเข้าไปใกล้ หม่าเยว่ซินรู้สึกกลัวจนต้องกระเถิบกายถอยหนีลึกเข้าไปด้านในเตียง ทว่ามิอาจหลีกหนีอุ้งมือของมัจจุราชที่ประสงค์ร้ายต่อนางได้
“กรี๊ด!!”
ทันทีที่ฝ่ามือแกร่งดั่งเหล็กกล้าคว้าข้อเท้าบอบบางลากเข้าหาตัว หม่าเยว่ซินจึงแผดเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกลัวสุดขีด ร่างเล็กสั่นสะท้านจ้องใบหน้าคมคายด้วยแววตาสั่นระริก ท่าทางหวาดหวั่นดั่งลูกแกะหลงฝูงไม่ได้ทำให้หมาป่ารู้สึกเวทนาสงสาร
เพล้ง!
จ้าวลี่หมิงยกเหยือกสุราขึ้นดื่มอีกครั้งจนหมด ก่อนโยนไปทางด้านหลังให้ร่วงหล่นลงพื้นจนแตกกระจัดกระจาย จ้องดวงหน้าสวยของอดีตเพื่อนในวัยเด็กที่แปรเปลี่ยนเป็นลูกสาวศัตรู และกำลังจะพลันตัวกลายมาเป็นเมีย!
ไม่สิ… ก็แค่นางบำเรอสวาทบนเตียง ของเล่นที่เอาไว้ระบายอารมณ์ สัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงเอาไว้ทรมานบิดาของนางต่างหาก แววตาเกรี้ยวกราดมุ่งร้ายมองหม่าเยว่ซินไม่วางสายตาขณะปีนเตียงขึ้นไปหา แสยะยิ้มชั่วร้ายเยือกเย็นมอบให้จนนางขนลุกเกรียวอย่างหวาดหวั่น จนเผลอเอ่ยคำถามโง่เง่าสิ้นคิดออกมา
“ลี่หมิง… เจ้าจะทำอันใด?”
“ได้เวลาทำหน้าที่เมีย!”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมอ้าปากค้างอย่างตกใจ ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวร่างหนากลับโถมทับกายเข้าหา พยายามกดสตรีใต้อาณัติให้ล้มตัวนอนลงบนเตียง แต่หม่าเยว่ซินกลับต่อต้านเต็มกำลัง ทั้งตีตบเตะเพื่อหวังจะปกป้องศักดิ์ศรีอันมีค่าที่เหลืออยู่
ยอมตกปากรับคำแต่งงานกับบุรุษที่ลงมือสั่งขังพ่อของนางก็ทำลายเกียรติมากพออยู่แล้ว หม่าเยว่ซินจะไม่มีวันยอมพลีร่างกายให้เขาได้เชยชมเป็นแน่ คนที่มองนางเป็นเพียงเครื่องมือใช้แก้แค้นไม่มีสิทธิ์ได้สัมผัสร่างกายของนาง
ทว่าเรี่ยวแรงสตรีตัวเล็กๆ มีหรือจะต่อต้านบุรุษร่างใหญ่กำยำได้ กระเสือกกระสนดิ้นรนได้เพียงไม่นานก็ถูกจ้าวลี่หมิงรวบแขนรวบขาได้ภายในพริบตาเดียว
ข้อมือทั้งสองถูกรวบไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่เพียงข้างเดียว ขณะเรียวขาทั้งสองข้างถูกท่อนขาแข็งแรงหนีบรัดเอาไว้จนกระดุกกระดิกไม่ได้ เหลือเพียงริมฝีปากซึ่งยังคงเป็นอิสระจากการถูกจองจำเท่านั้น
“ปล่อยข้าไปเถอะนะ อย่าทำเยี่ยงนี้กับข้าเลย ได้โปรด…”
หม่าเยว่ซินร้องขอทั้งน้ำตา นางรู้อยู่เต็มอกว่าอย่างไรเสียคืนนี้คงไม่หลุดพ้นชะตากรรมนี้ได้ แต่ก็ยังภาวนาให้ภายในหัวใจของบุรุษผู้นี้ ยังคงหลงเหลือความเมตตาสงสารแทรกแซมรวมอยู่กับความแค้นที่อัดแน่น
“หึ! แล้วเจ้าคิดว่าตอนที่บิดาเจ้ายกปลายดาบจ่อพระมารดาข้า นางไม่วอนขอความเมตตาเช่นเจ้าหรือ?”
แต่ขณะนี้คนที่มีความเคียดแค้นเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์ มองข้ามเส้นแบ่งดีชั่วไปอย่างสิ้นเชิง กลับรู้สึกรื่นรมย์ที่ได้เห็นสตรีใต้ร่างแสดงความน่าสมเพชออกมา ยิ่งนางอ่อนแอหรือทุกข์ทรมานเท่าไหร่ จ้าวลี่หมิงยิ่งรู้สึกอภิรมย์ยิ่งนัก
ใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลงเรื่อยๆ หม่าเยว่ซินพยายามเบือนหน้าหลบหนี เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ล่าซุกไซ้ใบหน้าเข้าข้างซอกคอซึ่งเปิดอ้าแทน
สูดดมเรือนกายหอมกรุ่นพร้อมฝังริมฝีปากดูดดึงขบกัดลำคอขาวแรงๆ ฝากฝังตีตราความเป็นเจ้าของร่างกายนี้ ย้ำชัดให้นางรับรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของเขาแม้กระทั่งร่างกายของนางเอง
“เจ็บ! อ๊ะ!”
ริมฝีปากอิ่มเปล่งเสียงร้องด้วยความรู้สึกเจ็บ ทว่ามันกลับมีความเสียวซ่านอย่างแปลกประหลาดปะปนรวมอยู่ด้วย
จ้าวลี่หมิงถอดถอนริมฝีปากออก เงยใบหน้าขึ้นมองสบดวงตากลมใสที่ยังคงหลงเหลือคราบน้ำตาให้เห็น แสยะยิ้มที่เพิ่มระดับความน่าขนหัวลุกใส่หม่าเยว่ซิน จนใจดวงเล็กหวาดหวั่นกับประโยคที่เขากำลังจะเอื้อนเอ่ยให้ฟัง
“ต่อจากนี้ต่างหากที่เรียกว่าความเจ็บของจริง!!”
