บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

ปทิตตายืนลังเลอยู่หน้าร้านขายยา ใจไม่กล้าพอที่จะเข้าไปด้านใน ทำใจอยู่ชั่วครู่จึงตัดสินใจเดินเข้าไปยังหน้าเคาน์เตอร์จ่ายยา เภสัชกรวัยกลางคนยืนส่งยิ้มมาให้ทันทีที่เห็นร่างของลูกค้าสาวสวย

“สวัสดีจ้ะ”

“เอ่อ...คือว่า” อาการประหม่าบวกกับน้ำเสียงตะกุกตะกักไม่ได้ทำให้เภสัชกรนึกแปลกใจ ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่มีอาการแบบนี้มักจะมาซื้ออยู่แค่ไม่กี่อย่าง

“มีอะไรปรึกษาได้เลยนะจ๊ะ” เภสัชกรวัยกลางคนกล่าวให้ลูกค้าสาวได้รู้สึกคลายกังวล

“คือว่า...จะซื้อยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินค่ะ” พอได้พูดออกไปแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“ได้เลยจ้ะ” คำตอบมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ไม่ลืมที่จะอธิบายถึงวิธีการรับประทานให้ได้รับรู้ เพราะดูจากท่าทางของเจ้าตัวแล้วน่าจะไม่เคยลองใช้มาก่อน

“เอาแบบหนึ่งเม็ดแล้วกันนะจ๊ะ มีวิธีแนะนำให้ในกล่อง”

“เท่าไหร่คะ?”

“60 บาทจ้ะ แต่ป้าอยากบอกหนูว่าอย่าใช้บ่อยล่ะ มันไม่ดี ใช้วิธีการกินยาคุมแบบแผงหรือบอกให้แฟนสวมถุงยางคุมกำเนิดจะปลอดภัยกว่า”

หญิงวัยกลางคนไม่ลืมที่จะแนะนำวิธีที่ถูกต้องกลับไปด้วย เนื่องจากเห็นหญิงสาวตรงหน้าอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับบุตรสาว พอได้ยินแบบนั้นปทิตตาถึงกับหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย

“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

ดวงตากลมฉายแววแปลกใจเมื่อเหลือบไปเห็นรถยนต์ไม่คุ้นตาที่จอดอยู่บริเวณด้านใน สุดท้ายก็เลิกคิดหาเจ้าของรถคันดังกล่าว คงเป็นการเสียมารยาทที่จะสงสัยหรือตามหาแขกผู้มาเยือนเจ้าของบ้าน

จนกระทั่งภาพบริเวณโถงกว้างทำเอาเท้าเรียวชะงักกึกยิ่งกว่าถูกสาป ร่างสองร่างที่กำลังคลอเคลียกันอยู่บนโซฟาสุดหรูจนแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร

“อุ๊ย!” รรินดาอุทานออกมาเสียงดังเมื่อเหลือบมาเห็นใบหน้าหวานมีอาการตื่นตะลึงราวกับเห็นผี

“อย่าใส่ใจ นั่นน้องสาวฉันเอง” ฟรานซิสบอกคนใต้ร่างโดยเน้นคำว่า ‘น้องสาว’ ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“คุณฟรานซิสมีน้องสาวด้วยเหรอคะ ทำไมดาวไม่เคยรู้มาก่อน”

สาวเจ้าถามด้วยอาการแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นเด็กสาวหน้าหวานคนนี้มาก่อน แม้แต่มารดาของเขาเธอก็ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวนอกจากเห็นตามหน้าข่าวแวดวงไฮโซ

“หึ! ก็แค่น้องสาวนอกไส้” คนใจร้ายสบถออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาคมเข้มสบตากับน้องสาวนอกไส้ที่ยืนตัวสั่นไปชั่วขณะ คิ้วหนาข้างขวายักขึ้นใส่เหมือนหยอกล้อและต้องการจะแกล้ง สุดท้ายก็หันกลับไปซุกไซ้หญิงสาวใต้ร่างอีกครั้งราวกับโลกใบนี้มีกันเพียงแค่สองคน

“ดาวคิดถึงคุณค่ะ” ฝ่ามือเรียวลากไล้ไปตามศีรษะทุยได้รูปด้วยไฟพิศวาสที่กำลังก่อ ปล่อยให้หญิงสาวอีกคนยืนนิ่งต่อไป ครั้นพอตั้งสติได้ก็รีบก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อหนีภาพดังกล่าวตอนกลางวันแสกๆ แม้ลึกๆ ในใจตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง

ความจริงเธอควรจะชินได้แล้วเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายมีสาวๆ ข้างกาย เพียงแต่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวพาเข้ามาในบ้าน ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นคนที่เขารักก็ได้ ใจห้ามไม่ให้คิดแต่น้ำตาแห่งความน้อยใจกลับคลอหน่วยเป็นเครื่องยืนยันความรู้สึกว่าตนหลงรักผู้มีสถานะเป็นพี่ชาย

ปทิตตาพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ คิดถึงผู้มีพระคุณที่รับอุปการะเธอมาตั้งแต่ชั้นป.1 หลังจากบิดา-มารดาเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทั้งคู่ เด็กหญิงที่เหลือตัวคนเดียวไม่มีแม้แต่ญาติพี่น้องถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายสำหรับเด็กหญิงอายุ 7 ขวบเมื่อวันที่คุณหญิงธนาภาเดินทางมาเลี้ยงอาหารเด็กกลางวันและแจกของเล่นแก่หนูน้อยผู้ด้อยโอกาสในวันคล้ายวันเกิด นางรู้สึกถูกชะตากับหนูน้อยหน้าตาน่ารักและน่าสงสารในเวลาเดียวกันอย่างบอกไม่ถูกพร้อมกับตัดสินใจที่จะทำเรื่องดูแลเด็กหญิงผู้น่าสงสารคนนี้เข้ามาเลี้ยงดูในฐานะบุตรสาวคนหนี่ง

ภาพแรกเมื่อก้าวเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ก็พบเจอกับสายตาเย็นชาของชายหนุ่มวัย 23 ปี ตามประสาเด็กที่ไม่เคยมีพี่ชายจึงทำให้เด็กหญิงรีบโผเข้าหาและพูดคุยกับชายหนุ่มลูกเสี้ยว ทันทีที่ได้ยินก็ทำเอาเจ้าตัวถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

‘พี่ชายของปาล์ม ปาล์มรักพี่ชายค่ะ’

‘เด็กบ้า! น้องสาวอย่างเธอ ฉันไม่ต้องการ’ ถ้อยคำที่พ่นออกมาทำเอาเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบถึงกับร้องไห้จ้า ร้อนจนคุณหญิงธนาภาต้องเข้ามาห้ามทัพและต่อว่าลูกชายเสียงดัง

‘ธัน ทำไมพูดกับน้องแบบนั้น’

‘ผมพูดเรื่องจริงครับแม่ ผมไม่ได้อยากมีน้องสาว’

ฟรานซิสตอบมารดาแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง ลึกๆ ไปกว่านั้นแล้วใครจะรู้เล่าว่าเขาต้องข่มอารมณ์ตัวเองไว้แค่ไหนยามที่ได้เห็นหน้าเด็กสาววัยเจ็ดขวบ หัวใจเย็นชากลับเต้นแรงขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุ ขืนใครรู้ความคิดเข้าก็คงถูกหาว่าเป็นไอ้หื่นหวังกินเด็กแน่ๆ

‘ถ้าแกไม่ชอบน้อง แม่จะให้แกไปอยู่อเมริกากับพ่อ’

นั่นคือประกาศิตสุดท้ายจากปากผู้ให้กำเนิดที่ออกคำสั่งให้เขาตามไปช่วยงานบิดาและเรียนรู้บริหารกิจการของครอบครัว นับเป็นเวลาสิบกว่าปีที่ต้องจากแผ่นดินเกิดไปและไม่เคยพบหน้าน้องสาวนอกสายเลือดอีกเลย หลังจากรู้ว่าผู้มีสถานะเป็นพี่ชายหมาดๆ ต้องไปอยู่อีกซีกโลกก็ทำเอาเด็กหญิงไร้เดียงสาปล่อยโฮด้วยกลัวไร้คนคอยปกป้อง แต่ถ้อยคำสุดท้ายที่เปล่งออกมายิ่งให้เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบไม่กล้าเข้าใกล้ตนอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น

‘ไม่ต้องร้องไห้ให้เห็น เด็กบ้า’ เรียกได้ว่าเป็นการจากกันที่ไม่น่าจดจำไว้เลยสักนิดเดียว ตรงกันข้ามกลายเป็นว่าน้องสาวกาฝากอย่างเธอกลับจดจำทุกถ้อยคำไม่มีวันลืม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel