บทที่ 7 ขัดใจนาย
เสียงกดรหัสประตูและแตะคีย์การ์ดดังขึ้นอยู่ด้านหน้าห้อง ตอนนี้กชมนนอนเล่นอยู่บนโซฟาสีเบจที่ห้องนั่งเล่น เมื่อประตูถูกเปิดออกเธอเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที แล้วฉีกยิ้มกว้างให้กับผู้ที่เข้ามาในห้อง แต่คนตัวสูงกับทำหน้านิ่งไม่ไหวติง ปริญทำเหมือนกับเธอเป็นธาตุอากาศที่ไร้ตัวตน
“นี่ท่านประธานหยุดคุยกันก่อน”
“ว่าไง”
“เดือนนึงแล้ว...ปล่อยมนไปได้หรือยังคะท่านประธาน”
ปริญตวัดหางตาไปหาคนตัวเล็ก มองเธอด้วยสายตาวาวโรจน์ดูโกรธจัด ที่เธอพูดถึงเรื่องอยากจะออกไปจากที่นี่ เขาชินแล้วกับการที่มีเธอให้นอนกกกอดอยู่ทุกค่ำคืน ถ้าเธอไปมันคงทำให้เขารู้สึกเหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง จะบอกว่าไว้ใจเธอไหม ก็ยังไม่ถึง 100% แต่ตอนนี้เขาอยากจะกักขังเธอไว้ให้อยู่กับเขาจนกว่าเขาจะพอใจเท่านั้นเอง
“อยากออกไปจากที่นี่นักเหรอ?”
แววตาดุจดั่งราชสีห์จ้องมองเหยื่อทำเอากชมนขนลุกเกรียว น้ำเสียงอันทรงพลังยิ่งสร้างความน่าเกรงขามให้เขามากยิ่งขึ้น กชมนก้มหน้าหลุบต่ำไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา ความกล้าเมื่อครู่หายไปในพริบตา
“คือ...มน มนอยากออกไปจากที่นี่ค่ะ มนเบื่อที่นี่ไม่มีอะไรให้มนทำเลย มนอยากกลับไปทำงาน”
คนตัวเล็กรวบรวมความกล้าทั้งหมดเอ่ยความจริงออกมา เธอนั่งตัวสั่นเทาราวกับลูกนก ยิ่งเห็นสายตาที่ปริญจ้องมองมา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบเข้าไปใหญ่
“ดี...พูดตรงดีฉันชอบ แต่อย่าหวังว่าจะได้ออกไปง่าย ๆ”
พูดจบเขาก็เดินผ่านหน้าเธอไป ไม่สนใจในสิ่งที่เธอต้องการเลยแม้แต่นิดเดียว กชมนทำได้แต่เพียงมองตามคนตัวสูงที่เดินผ่านหน้าเธอไปเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์ทัดทานอะไรเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“หึ๊ย!!...ไอ้ท่านประธานใจร้าย”
เธอบ่นพึมพำอยู่คนเดียวเบา ๆ คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาปริญที่กำลังยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวสีขาวออก มือเรียวค่อย ๆ ช่วยเขาปลดกระดุมเสื้อจนหมด สร้างความแปลกใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย ดวงตากลมโตคู่สวยช้อนสายตามองผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ด้วยแววตาหยาดเยิ้มเป็นประกาย จนอีกฝ่ายยากที่จะคาดเดากับการกระทำของเธอ
“เล่นอะไรของเธอ?”
ปริญเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ก็ไม่ได้ปัดป้องอะไร ยอมให้กชมนถอดเสื้อและเนกไทของเขาออกแต่โดยดี
“เฮ้อ!!...แค่อยากอ้อนแต่ไม่รู้จะอ้อนยังไง ทำไม่เป็นค่ะ”
“..........”
ปริญขมวดคิ้วยู่เข้าหากันงุนงงกับคำพูดของกชมน ที่ตอนนี้ทำหน้าตาราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา หัวคิ้วที่ยู่ติดกันราวกับไม่รู้จะแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าอย่างไรของเธอ มันแสดงความเป็นธรรมชาติแลดูน่ารักไม่น้อย เขาชอบเธอในแบบนี้มากกว่าเมื่อครู่ ที่เธอแสร้งปั้นหน้ายั่วยวนใส่เขาเสียอีก
“จะอ้อนเอาอะไร?”
คนตัวสูงยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ กชมนแล้วเอ่ยด้วยโทนเสียงปกติ มองเธอด้วยแววตาสงสัยอยากรู้
“อยากออกไปเที่ยวข้างนอกบ้าง อยู่แต่ในห้องมนเบื่อชะมัดเลย มองไปทางไหนก็เจอแต่ผนังห้อง”
เธอก้มหน้าหลุบต่ำมองพื้นไม้ปาเก้ กชมนไม่ได้หวังว่าเขาจะทำตามสิ่งที่เธอต้องการ แค่ลองขอดูเท่านั้นเผื่อเขาจะเห็นใจ
“ออ...งั้นไปแต่งตัว คืนนี้จะพาไปผับของฉัน ฉันนัดเพื่อนไว้พอดี”
คนตัวเล็กตาลุกวาว นานเท่าไรแล้วที่เธอไม่ได้ไปสถานที่แบบนั้น กชมนกระโดดคว้าต้นคอของปริญโน้มใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้แล้วกดจมูกหอมลงไปที่แก้มสากฟอดใหญ่ ด้วยความดีอกดีใจราวกับลิงโลด เธอลืมตัวเสียสนิทว่าเธอกับเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต้องมาแสดงกิริยาท่าทางแบบนี้ เมื่อรู้ตัวว่าทำเกินกว่าขอบเขตเธอจึงรีบปล่อยมือออกจากต้นคอของปริญอย่างไว
“เอ่อ...มน มนขอโทษค่ะ ดีใจไปหน่อย แฮร่ ๆ”
กชมนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หน้าแดงเป็นลูกตำลึงทำอะไรแทบไม่ถูก
“อืม”
“งั้นมนไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”
“อืม”
พูดจบเธอก็รีบหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำและผ้าขนหนูวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันทีไม่รีรอ เสียงร้องเพลงดังแว่วออกมาจากด้านในห้องน้ำ ทำให้ปริญถึงกับยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เสือยิ้มยากอย่างเขาอยู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา เขารีบหุบยิ้มลงทันทีเมื่อรู้สึกตัว เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง กชมนเดินออกมาในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว
เธอหย่อนก้นนั่งลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วแต่งแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้าอย่างพิถีพิถัน ใบหน้าถูกแต่งโทนส้มออกนู๊ด ไม่ได้ทำให้เธอดูป่วย แต่กลับทำให้เธอดูเซ็กซี่น่ามองยิ่งขึ้น แว่นตาสีน้ำตาลถูกถอดออกเปลี่ยนใส่คอนแทคเลนส์สีเทาแทน ทำให้เธอเป็นสายฝอขึ้นมาทันที
คนตัวเล็กเลือกชุดสายเดี่ยวสีดำกำมะหยี่คว้านหลังกว้าง หยิบมันเข้ามาแนบกาย เธอสวมใส่มันอย่างช้า ๆ ชุดสวยเผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ด้านหลังคว้านลึกเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียน ความยาวสั้นจู๋เกือบถึงแก้มก้น จากผู้หญิงเฉิ่มเชยกลายเป็นสาวเซ็กซี่ในพริบตา
กชมนเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ทำให้ปริญถึงกับมองเธอตาค้าง เขาไม่เคยเห็นเธอลุคนี้มาก่อน เธอสวยสะกดใจจนไม่อาจละสายตาได้จริง ๆ ปริญเคยเห็นเธอแต่ในลุคเลขาฯ ในชุดทำงานเฉิ่มเชยไร้รสนิยม ดูจืด ๆ แต่พอมาเห็นแบบนี้แล้ว อกข้างซ้ายมันสั่นหวั่นไหวไม่น้อย เธอสวยมากแต่เขากลับไม่ชอบใจในชุดที่เธอสวมใส่เอาเสียเลย ถึงกชมนจะอยู่ในฐานะเชลย แต่เธอเป็นผู้หญิงของเขา ปริญไม่ชอบให้ใครเห็นสัดส่วนชวนมองของเธอนอกจากเขาคนเดียว
“ไปเปลี่ยนชุดเลย ชุดที่เคยใส่ไปทำงานแบบนั้นน่ะ ทำไมแต่งตัวโป๊ขนาดนี้”
น้ำเสียงราบเรียบแปลเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวไม่พอใจ แววตาคมจ้องมองกชมนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“อ๊ะ...ไปเที่ยวผับนะคะ ไม่ได้ไปบวชชี มนไม่เปลี่ยนค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าขัดใจเขา ปริญจ้องมองกชมนตาขวางอย่างเอาเรื่อง พลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของกชมนเพื่อเลือกชุดใหม่ให้เธอ เขาหยิบกระโปรงสีดำตัวยาวเกือบถึงตาตุ่ม แล้วเสื้อแขนยาวสีขาวตัวโค่งมาเพื่อให้เธอสวมใส่
“ใส่ชุดนี้”
กชมนค่อย ๆ คลี่เสื้อผ้าที่เจ้านายจอมเผด็จการของเธอหยิบมาให้ดู ถึงกับกลอกตามองบน นี่มันบ้าชัด ๆ ถ้าให้ใส่ไปเที่ยวผับ คนไม่มองเธอเป็นมนุษย์ป้าเลยเหรอ
“ท่านประธานนี่มันชุดทำงานมนนะคะ มนไม่ใส่ชุดนี้”
เธอยื่นชุดคืนปริญ แล้วหันไปกระแทกก้นลงบนโซฟาสีเบจตัวนิ่ม ทำท่าทีไม่สนใจเขา
“งั้นไม่ต้องไป”
“อ๊ะ!!...หวงมนเหรอ ถึงไม่ให้มนใส่ชุดแบบนี้”
ปริญนิ่งงันไปชั่วขณะ จริงสิทำไมเขาต้องหวงห้ามเธอขนาดนี้ แค่ชุด ๆ เดียวจะยอมให้เธอใส่ออกไปข้างนอกไม่ได้เลยหรืออย่างไร คนเป็นเจ้านายทำตาถลึงใส่กชมน ที่ตอนนี้นับวันเธอเริ่มไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำพูดเขาสักเท่าไร
“ไม่ได้หวงอย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย...ตามใจถ้าโดนฉุดอย่ามาเรียกให้ฉันช่วยก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
กชมนหน้าชาเมื่อถูกตอบกลับมาแบบนี้ ใช่สิเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขานี่ นอกจากผู้หญิงที่เขาลากขึ้นเตียงเมื่อยามต้องการระบายความใคร่ก็เท่านั้นเอง พูดจบกชมนก็เปิดทีวีดูโดยไม่สนใจปริญแม้แต่นิดเดียว ความกลัวที่เคยมีอยู่ในใจหายไปหมด เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะได้ออกไปโลดแล่น มีความสุขไปกับเสียงเพลงยามค่ำคืน อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งคืนที่เธอได้ออกไปเปิดหูเปิดตาสู่โลกภายนอก ดีกว่านั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องนี้
ปริญเดินหัวเสียเข้าไปในห้องน้ำ เสียงน้ำปะทะผิวกายอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันท่อนล่างไว้แบบหมิ่นเหม่เช่นเคย มือข้างขวาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาขยี้ผมที่เปียกน้ำลวก ๆ
เขาตวัดหางตามามองกชมน ที่นั่งรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว แล้วเดินออกมาพร้อมกับชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนครึ่งท่อน กระดุมถูกปลดออกสามเม็ด และกางเกงแสล็คสีดำพอดีตัว ทรงผมถูกเซ็ทอย่างลวก ๆ แต่กลับดูเท่ชวนมอง จนกชมนเองยังแอบมองไม่รู้ตั้งกี่รอบ
“ไปได้แล้ว”
เขาเอ่ยด้วยเสียงเข้มปรายตามองคนตัวเล็กที่นั่งดูทีวีอยู่ เธอรีบดีดตัวขึ้นจากโซฟา กดปุ่มปิดทีวีแล้วเดินตามหลังเขาไปทันที เหล่าบรรดาบอร์ดี้การ์ดที่อยู่รอบกายเขา ต่างพากันมองกชมนเป็นตาเดียว สร้างความขุ่นเคืองใจให้ปริญไม่น้อย คนตัวสูงมองค้อนหญิงสาวด้วยท่าทีไม่พอใจ แล้วหันไปตวาดลูกน้องตัวเอง
“พวกมึงมองอะไรกัน!!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวเอ่ยออกมาอย่างดังจนเหล่าบรรดาลูกน้องต้องก้มหน้าหลุบต่ำไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง รังสีอำมหิตแผ่ซ่ายรอบกายของนายหนุ่ม สายตาดุดันคู่นั่นมันสร้างความน่าเกรงขามให้เขาขึ้นเป็นเท่าตัว
“ยังไม่ทันไปถึงไปไหนเลย ดูไอ้พวกนั้นมันมองเธอสิ!!”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก คิ้วหนาขมวดยู่เข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ กชมนได้แต่ก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเขา เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาทำให้เขาอารมณ์เสีย ไม่เช่นนั้นเธอคงอดไปกับเขาแน่ ๆ
