บทที่ 8 ยั่ว
รถยุโรปคันหรูจอดเทียบอยู่หน้าผับของปริญ ประตูรถถูกชายสวมชุดดำเปิดออกให้พวกเขาก้าวขาออกมาจากรถ เมื่อทั้งคู่ลงมาผู้คนที่ยืนต่อแถวเพื่อที่จะตรวจบัตรเข้าผับต่างพากันมองทั้งคู่เป็นตาเดียว เพราะความสวยหล่อมันทำให้เขาและเธอเป็นที่ดึงดูดสายตาจากใครหลาย ๆ คน
“แกผู้ชายคนนั้นหล่อน่ากินมากอ่ะแก”
“แต่เขามากับเมียนะ อยากโดนส้นสูงฟาดหน้ารึไง”
เสียงซุบซิบของหญิงสาวดังขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้ปริญหันกลับไปมอง เขาเดินมาที่ประตูด้านหลังผับ ชายร่างสูงสวมชุดดำโค้งคำนับให้เขาและกชมน ก่อนที่จะเปิดประตูให้ทั้งคู่เดินเข้าไปด้านใน แสงไฟวิบวับระยิบระยับกระทบกายเหล่าบรรดานักท่องราตรี สายตาเล้าโลมของเหล่าบรรดาชายหนุ่มต่างพากันมองมาที่กชมนเป็นตาเดียว จนปริญต้องดึงเอวบางเข้ามาแนบชิดกายเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ปริญพาเธอขึ้นไปยังชั้นสองโซน VIP มุมที่ดีที่สุดของร้าน มีภูวิศ คีท โคเรย์ และเคย์เดน นั่งรอเขาอยู่แล้ว แถมยังมีสาว ๆ อีกห้าคนที่คลอเคลียพวกเพื่อน ๆ เขาไม่ห่าง
“อ้าวนึกว่ามาคนเดียว เลยหาสาวมาเผื่อ”
ภูวิศเอ่ยขึ้น พลางปรายตามองกชมนตาไม่กะพริบ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงของเพื่อนเขาคงเข้าไปจีบเธอแล้ว เธอสวยสะกดใจเขาจริง ๆ ดูโดดเด่นกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ใบหน้าที่ไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ใช้มีดหมอ จมูกโด่งเชิดรั้งรับกับปากกระจับเล็กได้รูป ดวงตากลมโตคู่สวย ขนตาเป็นแพรยาวหนาราวกับตุ๊กตา ยิ่งเขามองเขายิ่งหลงเสน่ห์เธอ
“น้องสาวคนสวยของไอ้ปริญ สวยมากเลย สวยกว่าวันนั้นที่เจออีก มานั่งข้าง ๆ พี่นี่มา”
ภูวิศเอ่ยขึ้นพลางกวักมือเรียกให้กชมนเข้าไปหา แต่กับเจอสายตาอำมหิตราวกับพญาอินทรีจ้องมองมาตาขวาง
“มานั่งข้างพี่ดีกว่า”
คีทเอ่ยแซวขึ้นอีกคน ปริญยังคงทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จา เขาหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาตัวสีดำ แล้วดึงคนตัวเล็กให้มานั่งข้าง ๆ กายเขา
“โหวันนี้แซ่บมากน่าเอาฉิบหาย”
โคเรย์เอ่ยพลางเอามือลูบปากตัวเองราวกับอยากลิ้มลองผู้หญิงของเพื่อน
“จริง...เห็นแล้วกูแข็งรอเลย”
เคย์เดนเอ่ยขึ้นสมทบ พลางหันไปหัวเราะกับเพื่อน ๆ คำพูดจากหยอกล้อของพวกเขาทำเอากชมนถึงกับกลอกตามองบน แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร รู้ดีว่าคนพวกนี้แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ
“ไม่ต้องมาปากดีกันเลยพวกมึง มานั่งใกล้ ๆ ตีนกูนี่”
“หวงเหรอ?”
“เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไรกับกู ทำไมกูต้องหวง?”
จึก!! คำพูดทิ่มแทงใจ ทำเอากชมนอยากจะร้องไห้ออกมา หัวใจดวงน้อยวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะไม่ได้คิดอะไรกับนายตัวเองก็เถอะ แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ และนอนกกกอดเธอทุกคืน คำพูดของเขาทำเหมือนราวกับว่าเธอเป็นแค่เครื่องบำเรอกามก็เท่านั้น
“พูดแบบนี้น้องเขาเสียใจแย่”
คีทเอ่ยขึ้นพลางส่งสายตาตำหนิเพื่อนตัวเอง
“นึกว่าหวง เห็นคุมแจเชียว ถ้าไม่หวงงั้นปล่อยให้น้องมานั่งข้าง ๆ พวกกูนี่มา จะได้ทำความรู้จักกันไว้”
ภูวิศเอ่ยขึ้นทันที พลางดันตัวผู้หญิงที่คลอเคลียเขาออกห่างกาย แล้วเอามือมาตบที่ตักของตัวเอง
“ไม่จำเป็น”
ปริญเอ่ยเสียงเรียบ แววตาเฉยชาไร้ความรู้สึก พลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วบรั่นดีจากผู้หญิงอีกคนที่นั่งข้าง ๆ มาดื่ม กชมนนั่งก้มหน้าหลุบต่ำ เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เขาพูดมากนัก เพราะรู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร แต่แค่รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่าก็เท่านั้น วันนี้เธอคิดว่าเขาจะปล่อยให้เธอได้ไปเต้นสนุกคนเดียวเสียอีก
“น้องชื่ออะไรครับ”
ภูวิศเริ่มซักประวัติกชมน พลางทำสายตากรุ้มกริ่มใส่เธอ โดยไม่สนใจว่าเพื่อนตัวเองจะทำหน้าตาไม่สบอารมณ์แค่ไหน
“กชมนค่ะ เรียกว่า มน ก็ได้ค่ะ”
“ออ...น้องมน ชื่อน่ารักเหมือนหน้าตาเลย น้องมนมีแฟนยังครับ”
ภูวิศเอ่ยขึ้นทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นมากกว่าเจ้านายและลูกน้อง รู้ว่าทั้งสองมีอะไรเกินเลยกันไปแล้ว
“ยังค่ะ มนไม่เคยมีแฟนค่ะ...มนโสด”
ปริญหันขวับไปมองหน้าหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ พลางคิดในใจนี่ผัวตัวเองนั่งหัวโด่อยู่ทั้งคนยังบอกอีกว่าไม่เคยมีแฟนอีก แต่ก็ว่าเธอไม่ได้เพราะเขาเป็นคนพูดเองว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขา
“ดีจัง...ถ้าไอ้ปริญมันปล่อยน้องมนเมื่อไร พี่ขอจีบน้องมนได้ไหมครับ มาเป็นแฟนกับพี่นะ ฮ่า ๆ”
ภูวิศเอ่ยขึ้นมาหวังจะแกล้งเพื่อนตัวเอง มันก็เป็นดั่งคาดปริญจ้องมองภูวิศตาขวางอย่างเอาเรื่อง แม้จะไม่พูดอะไรก็ตามแต่เขารับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เพื่อนของเขาหวงน่าดู
“แล้วแต่เลยค่ะ มนไม่ติดอะไร”
“กชมน!!”
ปริญเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมหันไปมองหน้าหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ ที่เธอกล้าเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามาจีบต่อหน้าต่อตาเขา
“เรียกมนทำไมคะท่านประธาน”
คนตัวเล็กเอียงคอมองปริญด้วยแววตาใสซื่อ เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองพูดอะไรผิด ในเมื่อสิ่งที่เธอพูดคือความจริง เขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธออยู่แล้ว นอกจากจับตัวเธอมาเป็นเชลย แล้วมีอะไรกับเธอยามใคร่ก็เท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอะไรเลย ถึงแม้เธอจะรู้สึกหน่วง ๆ ในใจก็ตามเวลาเขาทำท่าทีเฉยชาใส่เธอ ยิ่งเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างกายเขา มาแนบชิดคลอเคลียเขาต่อหน้าต่อตาเธอ เธอยิ่งเจ็บแปลบ ๆ รู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
“ไอ้วิศมึงก็ไปยั่วไอ้ปริญมัน”
คีทเอ่ยขึ้นขัดจังหวะก่อนที่ทั้งสองจะตีกันจริง ๆ เพราะผู้หญิงคนเดียว
“กูไม่ได้ยั่ว กูเอาจริง ก็มันบอกเองว่าไม่ได้เป็นอะไรกับน้องมน พวกมึงก็ได้ยินเต็มสองหู หรือว่าไม่จริง?”
“แต่กูไม่ให้ กูยังไม่เบื่อ”
ปริญเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เย็นชาไร้ความรู้สึก ราวกับว่าไม่ได้คิดอะไรกับกชมนนอกจากเรื่องอย่างว่าก็เท่านั้น คำพูดจาเชือดเฉือนใจของปริญทำเอากชมนน้ำตาแทบไหล นี่เธอต้องรอให้เขาเบื่อเธอก่อนหรืออย่างไรเขาถึงจะปล่อยเธอไป หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ให้ไกลเลยทีเดียว
“พูดแบบนี้กับน้องมนกูได้ไง น้องมนอย่างไปฟังไอ้ปริญมันนะครับ ฟังพี่คนเดียวพอ”
“ค่ะ...มนไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วค่ะ”
ปริญตวัดหางตามามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กายเขาด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ ภูวิศเห็นอาการของเพื่อนรักยิ่งอยากยั่วโมโหให้สะใจเล่น นาน ๆ จะหาจุดอ่อนให้แกล้งได้สักที เลยขอเล่นสักหน่อยแล้วกัน
“ขอเบอร์น้องมนหน่อยครับ”
“080-xxxxxxx แต่ตอนนี้โทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่มนนะคะ...อยู่ที่ท่านประธาน มนโดนยึดโทรศัพท์ค่ะ”
“โห...ไอ้ปริญคืนโทรศัพท์ให้น้องมนเลย กูจะได้โทรหาน้องเค้า”
“น้องมนพี่เมมเบอร์น้องมนไว้แล้ว เบอร์ที่โทรไปล่าสุดเบอร์พี่นะ”
ภูวิศเอ่ยขึ้น พลางรีบกดเมมเบอร์โทรศัพท์มือถือของกชมนไว้ แล้วกดโทรออกทันที
“กูไม่ตลก”
น้ำเสียงราบเรียบแปลเปลี่ยนเป็นฉุนเฉียวขึ้นมาทันที เขาเริ่มไม่ตลกกับสิ่งที่เพื่อนเขากำลังเล่นอยู่ และทำการคาดโทษกชมนไว้เรียบร้อยแล้วกลับไปเธอต้องโดนดีแน่
“กูก็ไม่ได้ตลกนะมึง กูเอาจริง กูจะจีบน้องมน เพราะมึงไม่ได้คิดอะไรกับน้องมนนี่จริงไหม แล้วกู้ก็ไม่ติดด้วยว่าน้องมนเคยมีอะไรกับมึง กูไม่ถือเพราะน้องมนน่ารัก”
พูดจบภูวิศก็รินบรั่นดีให้กชมน เธอรับมันไว้แล้วกระดกพรวดเดียวจนหมดแก้วราวกับน้ำเปล่า
“กินได้ใช่ไหมครับ จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไหม”
“กินได้ค่ะ”
บรั่นดีถูกรินให้เธออีกแก้ว เธอก็กระดกพรวดเดียวจนหมดแก้วราวกับกินน้ำเปล่าก็ไม่ปาน จนปริญเริ่มมองหน้ากชมนด้วยความไม่พอใจ คลื่นโทสะเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“จะกินให้เมารึยังไง?”
น้ำเสียงราบเรียบปนไปด้วยความเป็นห่วงเอ่ยขึ้น ทำเอาบรรดาเพื่อน ๆ หันหน้ามามองกัน ส่งยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ว่าผู้หญิงคนนี้คงเป็นคนสำคัญ และเป็นของต้องห้ามอย่างแน่นอน
“ก็มนมาผับไม่กินเหล้า จะให้กินน้ำเปล่ารึไงคะ?”
คนตัวเล็กเอ่ยเถียงอย่างลืมตัว เธอรีบเอามือปิดปากตัวเองอย่างไว เมื่อเห็นแววตาพิโรธของปริญส่งมายังเธอ
“ให้น้องเขาได้ปลดปล่อยบ้างมึง”
โคเรย์เอ่ยขึ้นพลางให้เด็กชงเหล้าให้กชมนอีก พวกเขาดื่มกันไปสักพักใหญ่ ๆ กชมนเริ่มเมาได้ที่จึงลุกขึ้นยืน ขยับเอว โยกย้ายตามจังหวะเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มด้วยความเพลิดเพลิน คนตัวเล็กเดินมาหาภูวิศแล้วกระซิบข้าง ๆ หูเขาให้ลุกขึ้นมาเต้นด้วยกัน ภูวิศก็ไม่ขัดเธอแม้แต่นิดเดียว เธอเต้นยั่วยวน โยกย้ายส่ายสะโพกราวกับภูวิศเป็นเสาต้นหนึ่ง จนปริญเริ่มจะทนไม่ไหว
“กชมนหยุดเต้นแล้วมานั่งเดี๋ยวนี้!!”
“มนไม่หยุด…มนจะไปเต้นข้างล่าง”
พูดจบเธอก็เดินเซ ไปยังชั้นล่างที่มีผู้คนมากมาย ในเมื่อเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอ เห็นแค่เธอเป็นแค่เครื่องบำเรอกาม เธอก็ขอทำตามใจตัวเองบ้างแล้วกันคืนนี้ กชมนตั้งใจจะสนุกให้สุดเหวี่ยงให้เต็มที่กันเลยทีเดียว หลังจากที่โดนขังไว้ในห้องสี่เหลื่ยมนานนับเดือน
ร่างบางเดินแหวกผ่านเข้าไปในฝูงชน เหล่าบรรดาผู้ชายต่างพากันมองเธอเป็นตาเดียว บางคนเข้ามาเต้นข้าง ๆ เธอ กชมนเองก็ไม่ได้ยอมแพ้เต้นยั่วยวนให้อีกฝ่ายจนแทบคลั่ง คนที่นั่งอยู่บนชั้นสองเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ปริญทำหน้านิ่วคิ้วขมวดบอกบุญไม่รับ เขาไม่สนใจผู้หญิงที่เพื่อนตัวเองจัดมาให้เลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้หล่อนนั่งหงอยหน้าหงิกอยู่ข้าง ๆ เขา
“ยัยเด็กดื้อ กลับไปเจอดีแน่”
เขาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว พลางกระดกบรั่นดีเขาปากแล้วกระแทกแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรง
“เป็นอะไรของมึง หวงเด็กเหรอ?”
เคย์เดนเอ่ยแซวขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเพื่อน เหมือนกำลังร้อนรนอยู่ไม่เป็นสุข
“เปล่า”
ปริญตอบด้วยโทนเสียงเรียบ แต่สีหน้าแววตาดูหงุดหงิดไม่น้อย
“งั้นก็ปล่อยน้องเขาสนุกไปสิ ไหน ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขาอยู่แล้วนี่”
คีทเอ่ยต่อ พลางหันไปมองกชมนที่กำลังเต้นอย่างสนุกสุดเหวี่ยง เขายกยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกพอใจ เธอทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด จนเขาเองยังแอบอมยิ้มไม่ได้
“โห....ไอ้หนุ่มคนนั้นแมร่งกล้าว่ะไอ้ปริญ มีโอบเอวด้วย น้องมนของกูแมร่งโคตรแซ่บเลยว่ะ”
สายตาคมหันไปมองเมื่อได้ยินภูวิศเอ่ยขึ้น ปริญถึงกับควันออกหูเมื่อเห็นร่างบางกำลังคลอเคลียกับผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา ชายหนุ่มกำลังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ กชมนราวกับว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่ ส่วนมือก็โอบเอวคอดกิ่วของเธอเอาไว้ เธอร่อนสะโพกไปมาอย่างยั่วยวน มือทั้งสองคล้องคอของชายหนุ่มเอาไว้ ราวกับว่าสนิทสนมกันมานาน
ตอนนี้เสียงเพลงสร้างความสนุกสนานทำให้หญิงสาวลืมเรื่องเครียด ๆ ที่ผ่านมาไปเลยทีเดียว กชมนปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงเพลงโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอำมหิตจ้องมองเธออยู่
ปริญกำมือตัวเองแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดนูน เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนที่จะเดินสาวเท้าก้าวยาว ๆ ลงไปชั้นล่างด้วยท่าทางขึงขัง แหวกผ่านฝูงชนไปหากชมนโดยไม่สนใจคำแซวของเพื่อนรัก
มือหนากระชากแขนของคนตัวเล็กเข้ามาหาตัวเอง จนเธอเซถลาเข้ามาสู่แผงอกแกร่ง แววตาวาวโรจน์จ้องมองหญิงสาวด้วยอารมณ์คุกรุ่นเต็มไปด้วยความเดือดดาล ดวงตากลมโตคู่สวยจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาหวานเชื่อม
“อะไรเหรอคะท่านประธาน?”
“ยังจะมาถามอีก.....”
เขาตวัดหางตาไปมองผู้ชายที่ยืนเต้นกับเธออยู่เมื่อคู่ สายตาคมกริบราวกับใบมีดที่แหลมคมมองชายผู้นั้นราวกับจะฟาดฟันเขาให้แหลกเป็นเสี่ยง ๆ รังสีอำมหิตแผ่ซ่านไปรอบกายจนผู้ชายคนนั้นต้องถอยห่าง
“ผัวนั่งหัวโด่อยู่ข้างบนยังจะมาเต้นยั่วผู้ชายคนอื่นอยู่ได้!!”
ปริญเคล้นเสียงออกมาจากลำคอ มองคนตรงหน้าส่งทอดสายตามองด้วยความขุ่นเคือง
“ใครผัวมน ท่านประธานเหรอ?...อย่ามาพูดมั่ว ๆ ท่านประธานไม่ได้เป็นผัวมนสักหน่อย มนไม่ใช่เมียท่านประธาน”
กชมนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ นิ้วเรียวชี้ไปที่ใบหน้าของปริญ คำพูดของคนตัวเล็กยิ่งเพิ่มไฟโทสะให้ปริญเข้าไปใหญ่ เขารวบตัวเธอขึ้นพาดบ่า ก่อนที่จะอุ้มเธอขึ้นมาที่ห้องน้ำโซน VIP ชั้นสอง คนตัวเล็กถูกจับยัดเข้าไปในห้องน้ำก่อนที่กลอนประตูจะถูกล็อก
“มารื้อฟื้นความทรงจำกันหน่อยไหมว่าฉันใช่ผัวเธอไหม?”
