2.หยามเกียรติ
*** ทักทายคร้า ***
พระราชวังหลวงแห่งสาธารณรัฐชวาลา พระราชวังที่สร้างจากหินอ่อนสีครีมทั้งหลังตั้งตระหง่านสวยงาม ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูง ยอดโดมประดับด้วยอัญมณีประจำรัฐ มีอุทยานที่ร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมายเพื่อติดต่อกับโลกภายนอก
เมื่อชีคอัลฟาร์จาองค์รัชทายาทรับตำแหน่งเอเมียร์ต่อจากบิดา ได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังสมองเพื่อพัฒนารัฐให้เจริญรุดหน้ากว่ารัฐอื่นๆ ในแถบเดียวกัน สนามบิน บ่อน้ำมัน การคมนาคม ทุกอย่างล้วนได้รับการพัฒนาควบคู่กับการทหาร และพระองค์ยังได้รวบรวมชนเผ่าเร่ร่อนต่างๆ หลายเผ่าในทะเลทรายเข้าด้วยกัน จนได้รับฉายาอินทรีแดนใต้
ภายในห้องทำงานอันกว้างใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งถูกทำขึ้นมาอย่างประณีตสมฐานะของผู้ครองรัฐ ร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่ในห้องให้ความรู้สึกมีพลังน่าเกรงขามรายล้อมอยู่รอบกายแข็งแกร่ง ใบหน้าคมเข้มแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจและความเป็นผู้นำ ร่างสูงยืนกอดอกหันหลังให้กับประตู สายตาคมดุจเหยี่ยวทะเลทรายมองออกไปไกล
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมเบนรี” เสียงทุ้มเอ่ยถามองครักษ์คนสนิท
“เรียบร้อยกระหม่อม ทั้งท่านหญิงไอลดาและคุณอณินตอนนี้อยู่บนเครื่องบินที่มุ่งหน้าไปเมืองไทย”
“ให้คนของเราที่เมืองไทยสืบประวัตินายอณิน รัชชตระ อย่างละเอียด” ชีคหนุ่มสั่งการผ่านคนสนิทอย่างรวดเร็ว
“ทำไมเราไม่แจ้งตำรวจไทยให้จับตัวที่สนามบินเลยไม่ดีกว่าหรือกระหม่อม” เบนรีถามต่อ
“เราต้องการให้เป็นความลับ” ใบหน้าของอัลฟาร์จาเครียดขึ้น
“แล้วงานอภิเษกที่จะมีขึ้น จะทำยังไงกระหม่อม” ราชิดถามอย่างสงสัย
อัลฟาร์จาเงียบไม่ตอบอะไร
“ขอเราอยู่คนเดียวเถอะ”
เบนรีและราชิดมองหน้ากัน ก่อนจะยืดตัวตรงโค้งคำนับแล้วเดินออกไป อัลฟาร์จาถอนหายใจยาว เขารู้มาโดยตลอดว่าไอลดารักกับอณิน สัญญาที่คนรุ่นก่อนทำเอาไว้มันทำให้เขาลำบากใจ ถึงเขาจะรักไอลดาเหมือนน้องสาวไม่ใช่แบบคนรัก แต่ด้วยศักดิ์ศรี เขาคงยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ ไม่ได้ ยังไงเรื่องนี้ต้องมีทางออก
ตำหนักขาวของพระนางมาลานินได้ต้อนรับชีคอัลฟาร์จาที่ห้องโถงใหญ่ ข้าทาสบริวารต่างตื่นตกใจในการปรากฏตัวของอินทรีแดนใต้
พระนางมาลานินประทับลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกัน
“อัสลามมุอะลัยกุม...ท่านน้าสบายดีนะครับ” เสียงทักทายของชีคอัลฟาร์จาดังขึ้น
พระนางมาลานินยิ้มอย่างเยือกเย็นตามแบบฉบับของนาง มองหน้าหล่อเหลาคมคายของชีคหนุ่มอย่างเข้าใจจุดประสงค์ของการมาพบ นางเองพร้อมจะรับอาญาทุกอย่างจากผู้นำรัฐเพื่อความสุขของลูก
อัลฟาร์จามองใบหน้าขาวนวลของพระญาติที่ยังคงความสวยงามไว้ดุจเดิม แม้ว่าอายุล่วงเลยมาเกือบหกสิบแล้ว พระนางยังคงแข็งแรงและสดชื่นตลอดเวลา
“อัสลามมุอะลัยกุม ขอพระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองอัลเช่นกัน”
อัลฟาร์จาเงยหน้าขึ้นสบตา แต่ดวงพักตร์งามขาวสะอาดกลับหลบสายตาชายหนุ่ม เขายืดตัวตรงโน้มเข้าไปหาดวงหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา อัลฟาร์จาก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม พระนางคงคิดว่าเขารู้เรื่องของไอลดาแล้วกระมัง
“น้าต้องขอบคุณอัลที่ยอมปล่อยไอล์ไป”
อัลฟาร์จายิ้ม สุรเสียงนั้นยังเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อธิดา พระนางฉลาด รู้อะไรดีๆ เสมอ
“ท่านน้ารู้ได้ยังไง ว่ากระหม่อมปล่อยไอล์ไป”
“ถ้าอัลไม่เปิดทางให้ มีหรือที่ไอลดากับอณินจะออกจากชวาลาได้” พระนางกล่าวอย่างยกย่อง ตั้งแต่ที่อัลฟาร์จารับสืบทอดอำนาจต่อจากบิดา รัฐชวาลาเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งความสามารถในการบริหารและการรบจนได้ฉายาอินทรีแดนใต้จากคนในภูมิภาคนี้
“แต่ถึงยังไงกระหม่อมก็ยังห่วงน้องอยู่ดี ไปต่างบ้านต่างเมืองไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”
“แต่สิ่งที่อัลจะต้องห่วงคืองานอภิเษกที่จะมีขึ้นในอีกสี่เดือนข้างหน้า”
“กระหม่อมจะไปตามไอลดากับอณินกลับมาเข้าพิธีแต่งงานให้ถูกต้อง”
พระนางมาลานินตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะนั่นหมายถึงว่าอัลฟาร์จาต้องไปเอาตัวทั้งสองคนกลับมาที่ชวาลา
“ท่านน้า ทำไมเงียบไปครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเบาๆ
“ปล่อยเขาสองคนไปเถอะอัล ถ้าจะลงโทษ ก็ขอให้ลงโทษน้าที่เลี้ยงลูกไม่ดี”
“ท่านน้า...” ชายหนุ่มมองใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา ร่างสูงเดินเข้ามาหาหยุดอยู่ตรงหน้าพระนาง
“ความสุขของลูกคือสิ่งที่แม่ทุกคนปรารถนา แม้รู้ว่าลูกทำผิดประเพณี” นางเอ่ยกับชีคหนุ่ม หากความตั้งใจเดิมของชีคหนุ่มก็ยังไม่เปลี่ยน
“กระหม่อมจะไปตามไอลดากับอณินกลับมาแต่งงานที่นี่” กล่าวจบร่างสูงก็เดินจากไป
พระนางมาลานินเดินทางมาที่มัสยิดอัลฟายิด ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในรัฐชวาลาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ในแต่ละวันจะมีผู้คนมาประกอบพิธีมากมาย นางเดินข้ามสะพานที่ทอดยาวไปถึงตัวมัสยิด สิ่งที่ผู้เป็นแม่ปรารถนาขอพรจากพระองค์คงไม่มีอะไรมากไปกว่าขอให้ลูกปลอดภัย หากปัญหาใดจะเกิด ก็ขอให้อย่าร้ายแรงจนเกินรับมือ
*** ขอบคุณคร้า ***