ตอนที่5 ไปส่งหน่อยจิ~
"อ่ะนี่เพื่อน โทรศัพท์มึง" คีตะเดินกลับมาเอาโทรศัพท์ยื่นให้ปริ้นซ์หลังจากที่ได้เบอร์โทรและ IG ของสาวสวยเมื่อกี้ที่ชื่อว่า 'บังเอิญ'
"ขอบใจแต่ไม่ต้องการไอ้สัส" ปริ้นซ์รับโทรศัพท์จากคีตะมาไว้ในมือก่อนจะแจกคำอวยพรให้คีตะไปหนึ่งประโยค เพราะว่าเขาไม่ได้เต็มใจที่จะให้โทรศัพท์มันไป แต่มันมาแย่งโทรศัพท์เขาไปหน้าตาเฉยพร้อมกับเดินไปขอเบอร์ขอIGผู้หญิงคนนั้นมาทั้งที่ตัวเขาไม่ได้ขอร้องมัน
"กูจะรอดูเลย บุญคุณในครั้งนี้มึงต้องได้ตอบแทนกูแน่นอน" คีตะพูดใส่ปริ้นซ์อย่างนั้นอกมั่นใจพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอย่างโชว์เหนือ ว่าไอ้เพื่อนรักมันต้องชอบใจที่ตัวเองไปขอเบอร์พี่สาวคนสวยเมื่อกี้อย่างแน่นอน
"ควาย!!!" ปริ้นซ์หมั่นไส้ท่าทางของเพื่อนตัวเองมาก ที่มันมั่นใจนักหนาว่าเขาจะชอบกับสิ่งที่มันทำ
หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนปริ้นซ์ก็เก็บโทรศัพท์มือถือของตัวเองไว้ในกระเป๋ากางเกงทันที โดยไม่ได้ดูอะไรในมือถือของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเขานั้นไม่ได้สนใจอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
พรึบ~
"อุ๊ย! มินนี่ขอโทษนะคะที่ล้มมาชนคุณ" ปริ้นที่นั่งจิบเหล้าอยู่ดีๆก็ต้องหันไปมองที่นั่งว่างข้างตัวเองที่อยู่ดีๆก็มีผู้หญิงตัวฉุนที่ไหนไม่รู้มานั่งข้างตัวเอง พร้อมกับซบหัวลงที่ไหล่เขาอย่างถือวิสาสะ
"........" เขาเลือกที่จะไม่ตอบอะไรกับผู้หญิงตัวฉุนคนนั้น แต่เลือกที่จะขยับตัวหนีไปตรงกลางของโซฟาแทน โต๊ะของเขาเป็นโซฟาตัวเดียวขนาดใหญ่เพราะมันเป็นโซฟาตัวยูเลยทำให้มีพื้นที่หนีผู้หญิงคนนี้ได้เยอะ
"อุ๊ย! ขอบคุณนะคะที่ให้มินนี่นั่งด้วย พอดีว่ามินนี่มาที่นี่คนเดียวเหงามากเลยค่ะ ขอนั่งเป็นเพื่อนด้วยได้ไหมคะหรือว่าจะมากกว่าเพื่อนก็ได้นะคะ" ผู้หญิงหน้าวอกตัวฉุนคนนั้นคิดว่าที่ปริ้นซ์ขยับที่หนีตัวเองคือการแบ่งที่ให้ ปริ้นซ์ที่ได้ยินอย่างนั้นก็ชักสีหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ใส่เธอทันที แต่เธอคนนั้นก็เลือกที่จะเมินเฉยต่อสีหน้าที่ไม่ยินดียินร้ายของปริ้นซ์และขยับตัวเข้าหาปริ้นซ์อีกครั้ง
"ผมขยับหนีขนาดนี้คุณก็น่าจะรู้ตัวได้แล้วนะครับว่าผมไม่อยากให้คุณอยู่ตรงนี้ด้วย" ปริ้นซ์เลือกที่จะระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ ถึงแม้จะได้แค่นิดเดียวก็เถอะ เพราะเขาไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจของผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเขาทนไม่ไหวจริงๆนั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง
"อยากใจร้ายกับมินนี่นักสิคะสุดหล่อ ให้มินนี่นั่งเป็นเพื่อนด้วยนะคะๆๆๆ"
"อยากนั่งโต๊ะตรงนี้นัก ก็นั่งไปคนเดียวเลยก็แล้วกัน บาย" ปริ้นพูดเสร็จก็เดินออกจากโต๊ะตรงนั้นไปทันทีตอนนี้เขาหมดอารมณ์ที่จะอยู่ต่อแล้วแหละ แต่เดินออกมาได้ประมาณสามก้าวก็ได้ยินเสียงกรี๊ดไล่หลังเขามาทันที ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใครกรี๊ด
"กรี๊ดดดดดด!! ไอ้ผู้ชายตาถั่วไอ้ผู้ชายหน้าโง่ฉันสวยขนาดนี้ทำไมแกไม่สนใจ กรี๊ดดดดด!!!"
ส่วนไอ้คีตะไม่ต้องถามหาว่าอยู่ไหนหรอก คงไม่พ้นไปกับพี่สาวคนสวยที่มาล้มใส่ตักมันเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนั่นแหละ
ไอ้คีตะก็ไม่ต่างจากเสือผู้หญิงที่มีความติ๊งต๊องนั่นแหละ ส่วนผมก็แค่เป็นเด็กเกเรคนหนึ่งก็เท่านั้นไม่ได้ต้องการผู้หญิงมาสนองอารมณ์เหมือนมันหรอก คนเรามันไม่เหมือนกัน ผมก็จะไม่ห้ามในสิ่งที่มันทำหรอก เพราะว่าอนาคตผมอาจจะเป็นแบบมันก็ได้ใครจะรู้
ฟู่วววววว~
ตอนนี้ผมออกมาสูบบุหรี่ที่โซนด้านหน้าของผับที่เขาจัดไว้ให้โดยเฉพาะ เฮ้อ~ไอ้คีตะก็หนีผมไปแล้วกุญแจรถก็เอาไปจะกลับยังไงล่ะทีนี้ เงินก็มีอยู่หรอกถ้าจะเรียกแท็กซี่ แต่นี่ก็ยืนมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วไม่มีแท็กซี่สักคันผ่านมาหน้าผับเลย
ยิกยิกยิก
"เชิญเลยครับ ขอโทษนะครับที่ยืนขวางทาง" แรงสะกิดด้านหลังของผมทำให้ผมพูดขอโทษออกไปทันที เพราะบางทีคนสะกิดผมอาจจะบอกให้ผมหลีกทางให้เขาหน่อยละมั้ง เพราะตรงที่ผมยืนอยู่ก็คือตรงกลางของโซนดูดบุหรี่ มันอาจจะเกะกะเขาก็ได้ผมเลยเขยิบไปอีกทางเพื่อให้เขามายืนสูบด้วยกัน
ยิกยิกยิกยิก
"ก็ผมหลบให้แล้วนี่ไงครับ พี่จะเอาอะไรอีก" นี่ขนาดผมเขยิบมาหลบตรงมุมที่สูบให้แล้วก็ยังตามมาสะกิดไหล่ผมอยู่ จนผมทนไม่ไหวเลยหันไปประจันหน้ากับคนที่มาสะกิดไรผมไม่เลิก
"เน้~นายยยยหัวฟ้า มาทำอารายยย~ตรงเน้อ่ะ" แต่เมื่อผมหันกลับหลังมาประจันหน้ากับคนที่สะกิดไหล่ก็พบว่าเป็นผู้หญิงที่อยู่โต๊ะVIPข้างๆผมนั่นเอง คนที่เดินเข้าผับมาแล้วผู้ชายทั้งผับมองเธอเป็นตาเดียวรวมทั้งผมด้วยนั่นแหละ ตอนเดินเข้ามาเธอก็เข้ามาอย่างหงส์แต่ตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงหน้าผมไม่ต่างจากหมาขี้เรื้อนเลย ยืนก็ไม่ค่อยจะตรง โอนไปเอนมาพร้อมกับน้ำเสียงที่ยานคางมาจนแทบจะจับใจความไม่ได้
"ยืนอยู่โซนสูบบุหรี่ ก็ต้องสูบบุหรี่ดิเจ๊" ไม่รู้ทำไมว่าพอเป็นเธอผมกลับพูดไม่เพราะกับเธอ หรือบางทีเพราะการแต่งตัวของเธอละมั้งทำให้ผมอยากพูดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ให้เกียรติเธอ แต่ที่ผมเรียกเธอว่าเจ๊เพราะเธอน่าจะมีอายุเยอะกว่าผมอย่างแน่นอน ถึงจะเข้ามาผับนี้ได้โดยไม่ได้ใช้กลโกงแบบผมและไอ้คีตะ
"เอ๊ะ! นายยยยหัวฟ้านี่ รู้ด้ายยงายยว่าโคนอื่นชอบเรียกช้านนน~ว่าเจ๊ หาาาาา!!!" หลังจากที่ผมเรียกเธอว่าเจ๊ไป เธอก็มีหน้าตาขึงขังใส่ผมทันที พร้อมกับพุ่งตัวมาเขย่าแขนผมรัวๆเพื่อต้องการคำตอบ
"ผมไม่ใช่นายหัวฟ้า และผมก็แค่อยากเรียกเจ๊ว่าเจ๊เฉยๆ ไม่ได้รู้หรอกว่ามีคนเรียกมาก่อนแล้ว แล้วนี่เจ๊มายุ่งกับผมทำไม ออกไปได้แล้วไป๊ถ้าไม่สูบบุหรี่ก็อย่ามายืนเกะกะอยู่ตรงนี้" ผมไล่เธอให้ออกไปจากตรงนี้เพราะเธอเข้ามาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะมาสูบบุหรี่เลย แต่เหมือนจะเข้ามาก่อกวนผมมากกว่า
"อื้ออออ~ ม่ายปายยยย เน้ช้านมาหานายเลยน้าาา~" หลังจากที่เธอพุ่งมาเกาะแขนผมแล้วเธอก็ไม่ยอมปล่อยแขนผมอีกเลย แถมยังกอดรัดแน่นอย่างกับงูเหลือมรัดเหยื่อยังไงอย่างนั้นแหละ ผมพยายามแกะเท่าไหร่ก็แกะแขนเธอไม่ออกเลย เลยได้แต่ปล่อยให้เธอเกาะแขนไว้อย่างนั้นแหละ และไม่ได้สนใจเธออีก ส่วนผมก็หันไปสนใจบุหรี่ในมือของตัวเองต่อ
"เน้!!!! ไอ้หัวฟ้าาาา"
"โหหห ขึ้นไอ้เลยหรอเจ๊ เดี๋ยวปั๊ดถีบแน่นอนหงายหลังอยู่แถวนี้เลย" เมื่อเธอได้ยินว่าผมจะถีบเธอ เธอก็กอดรัดผมแน่นกว่าเดิมเข้าไปอีก แล้วไอ้ซาลาเปาสองลูกโตๆนุ่มนิ่มๆนั่นก็มาเบียดที่หน้าท้องของผมเข้าไปอีก เบียดจนมดแทบจะเดินผ่านไม่ได้ ส่วนไอ้ลูกชายของผมไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันยืนตรงเตรียมตัวเคารพธงชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"เน้!!!!!" ผ่านไปสักพักเธอก็เรียกผมขึ้นมาอีกครั้งอย่างเสียงดัง โดยที่ยังไม่ยอมปล่อยแขนของเธอออกจากเอวของผม
"อะไรเจ๊จะเรียกทำไม ปล่อยได้แล้วผมจะกลับบ้าน" ผมยืนให้เธอกอดจนยุงแทบจะกินเลือดผมไปหมดตัวแล้ว และตอนนี้ผมก็ต้องการที่จะกลับบ้านเพราะว่ายืนอยู่ตรงนี้นานพอสมควรแล้ว และก็ไม่มีท่าทีว่าไอ้เพื่อนตัวดีของผมจะกลับมาพาผมกลับไปส่งบ้าน
"กลับบ้านหยอออ~ ช้านก็จาาากลับบ้านเหมือนกานนน~ ขอกาบบ~ โด้ยยยด้ายยยหมายยย"
"มาเองก็กลับเองสิเจ๊ ปล่อยผมได้แล้ว!!!" นี่คนหรืองูเนี่ยรัดไม่ปล่อยแถมยังรัดแรงขึ้นเรื่อยๆอีก
"กลับม่ายหวายอ่าาา~ ไปส่งหน่อยจิ" พูดเสร็จก็ล้วงกุญแจในกระเป๋าเล็กๆของตัวเองยื่นมาให้ผมพร้อมกับชี้ไปที่รถของตัวเองเสร็จสรรพเรียบร้อย และยังไม่พอแค่นั้นเมื่อยัดกุญแจใส่มือผมเสร็จแล้วอยู่ดีๆเธอก็หลับคอพับไปเลย ไม่รู้ว่าทำอย่างนี้คือตั้งใจอ่อยผมหรือหลับจริงๆกันแน่
"เออ!!! ให้มันได้อย่างนี้สิวะ เจ๊เป็นใครผมยังไม่รู้เลยเนี่ย" ทำไงได้ล่ะ อันดับแรกก็คือผมต้องลากคนเมาขึ้นไปที่รถก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีว่าจะทำยังไงต่อกับเรื่องนี้ดี
