เจ๊บังเอิญได้ผัวเด็ก

119.0K · จบแล้ว
มิส ศิริ
68
บท
5.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชื่อของฉันคือ บังเอิญ แล้วฉันก็บังเอิญได้ผัวเด็กมาแบบงงๆ [บังเอิญ x ปริ้นซ์] บังเอิญ  สาวพนักงานออฟฟิศวัย อายุ28ปี  ติดการเที่ยวกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจ จนถึงวันที่รู้สึกว่าอยากเสียซิงที่เก็บไว้มานานนม จึงได้คว้าหนุ่มหน้าหล่อหัวฟ้าผู้โชคดีที่เจ๊คนนี้เลือกเองกับมือมากินที่ห้อง "แล้วนายจะให้ฉันไปส่งนายที่ไหนล่ะ" . . . "ฉันจะแจ้งตำรวจ" ปริ้นซ์ หนุ่มหน้าหล่อวัยมัธยม.6 อายุ18ปี แอบแม่มาเที่ยวผับอยู่ดีๆ ก็มีเจ๊สวยแซ่บคนหนึ่งลากไปกินที่ห้อง จะขัดก็ไม่ได้เพราะเจ๊เขาไม่ฟังผมเลย "ส่งโรงเรียน" . . . "ผมก็จะแจ้งตำรวจเหมือนกัน"

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันตลกนางเอกเก่งรักหวานๆโรแมนติกนักศึกษาฟินๆ18+

ตอนที่1 บังเอิญ

บังเอิญ

.

.

"เจ๊!" ฉันที่เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ทำธุระเสร็จแล้ว ก็เจอกับลูกน้องในแผนกของตัวเองที่ยืนรออยู่ตรงโต๊ะทำงาน ที่พอเห็นฉันเดินกลับมาที่โต๊ะก็ตะโกนเสียงดังใส่ฉันทันที

"อะไรอีนัทมึงจะเสียงดังใส่กูหาสวรรค์วิมานอะไร" อีนัทหรือนัทตี้ลูกน้องในแผนกที่ชอบเสียงมาก่อนตัว ฉันทำงานอยู่ที่บริษัทรับจัดงานด้านให้ความบันเทิงต่างๆแห่งหนึ่งหรือที่ผู้คนชอบเรียกว่าบริษัทออแกไนซ์ และฉันได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าของฝ่ายทีมจัดงานตั้งแต่เข้ามาทำงานได้แค่สองปีเท่านั้น ทีมของฉันจะมีลูกน้องอยู่ในทีมทั้งหมด4คน ได้แก่ อีนัท อีเก๋ อีชมพู่ และอีอาร์ตี้รวมฉันก็เป็น5คน ที่ฉันเรียกลูกน้องว่าอีไม่ใช่การกดสถานะหรือข่มเหงลูกน้องแต่อย่างใด แต่ด้วยความสนิทกันจนเกินไปละมั้งเลยไม่มีคำว่าพี่หรือน้อง เราอยู่กับเพื่อนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แถมอายุของเราก็ไล่เลี่ยๆกันนี้แหละยังไม่มีใครแตะเลข3อย่างแน่นอน

"อีเจ๊มึงดูนี่ๆ" นัทมันรีบยื่นโทรศัพท์มาจ่อตรงหน้าของฉันจนแทบจะทิ่มตากันอยู่แล้ว ใกล้ขนาดนี้ใครจะไปมองเห็นล่ะแล้วแสงของหน้าจอโทรศัพท์มันน่ะนึกว่าดวงอาทิตย์ดวงที่สอง

"อีนัทกูแสบตา มึงจะเอามาแปะหน้ากูทำไมเอาออกไป"

"เออๆโทษทีอีเจ๊ แต่มึงต้องดูน่ะ" แต่ไม่วายขยั้นขยอให้ดูอะไรสักอย่างในโทรศัะท์มันอยู่ดี

"เออๆๆเอามา" ถ้าไม่ดูมันต้องตามตื้อทั้งวันแน่ๆ จึงแบมือไปตรงหน้าเพื่อขอโทรศัพท์มันมาดูเอง

"อะไรอ่ะ?" ที่เห็นก็มีโบรชัวร์ของร้านอะไรสักอย่าง

"นี่เจ๊ไม่รู้จักผับนี้หรอ มาๆๆๆเดี๋ยวอีนัทคนนี้จะอ่านให้ฟังเอง ผับน้องใหม่มาแรงเปิดเพียงแค่สองเดือนแต่สามารถเรียกลูกค้าให้เข้าไปใช้บริการแบบไม่ขาดสายได้ในเวลาอันรวดเร็ว"

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ หรือเขาจ้างเราตกแต่งภายใน ถ้างั้นก็เรียกประชุมทีมเลยจะได้ไม่เสียเวลา ป่ะ" ฉันรีบดึงแขนอีนัทไปที่ห้องประชุมทีมทันที  

"ไม่ใช่ๆๆ ปล่อยก่อนเจ๊ เขาไม่ได้จ้างเรา" มันรีบดึงแขนให้ฉันหยุดทันทีก่อนที่ฉันจะลากมันเข้าห้องประชุม

"เขาไม่ได้จ้างเราแล้วมึงจะเอามาให้กูดูทำไมวะ ไปล่ะ เสียเวลาจริงๆเลยมึงเนี่ย" เสียเวลาจริงๆไอ้เราก็นึกว่ามีลูกค้ามาจ้างให้จัดงาน

"เจ๊หยุดก๊อน! ขอร้องฟังอีนัทสักนิดอย่าพึ่งขัด ให้ฉันพูดจบก่อนได้ไหมเจ๊ค่อยเดินหนี อย่าพึ่งอารมณ์ร้อนเหมือนยายแก่สิเจ๊"

"อ้าวอีนี่ มึงด่ากูแก่หรอ" ฉันท้าวเอวหาเรื่องมันทันที ด่าอย่างอื่นด่าได้แต่ด่าว่าแก่นี่รับไม่ได้น่ะ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ไม่เคยขาด รวมๆแล้วน่ารักเหมือนเด็กมหาลัยจะมาด่าว่าแก่อ่ะฉันรับไม่ได้

"อย่าพึ่งโมโหสิเจ๊ ไอ้ที่ฉันให้ดูเนี่ยคืออยากจะชวนไปเที่ยวจ้า เขาว่าที่นี่ผู้งานดีมากเลยนะเจ๊ แบบนี้พลาดไม่ได้แล้วป่ะ" 

"หรอวะ" ตอนแรกก็กะจะด่ามันแหละที่ยืดเยื้อคุยซะยาวเพราะจะชวนไปเที่ยว แต่พอพูดว่ามีผู้งานดีก็รู้สึกสนใจจนเนื้อเต้นทันทีเลยตัวฉันฮ่าๆๆๆ

"จริงสิเจ๊ ถามใครใครเขาก็ว่าที่นี่เริ่ด ไปป่ะสนใจไหม" อืม วันนี้ก็ยังไม่ใช่วันศุกร์ด้วยสิ ปกติแก๊งค์เราจะออกเที่ยวแค่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เพราะไม่ใช่เวลางาน แต่นี้มันยังวันพุธอยู่เลยทำไมมาชวนเที่ยวไวจัง

"วันไหน?" ต้องถามเพื่อความชัวร์ก่อน เพื่อมันชวนเที่ยวแบบล่วงหน้า

"ทูเดย์ค่ะ วันนี้เท่านั้น"

"ทำไมต้องวันนี้ว่ะ รอวันศุกร์ไม่ได้หรือไงปกติเราเที่ยวแต่วันหยุดกันไม่ใช่เหรอ" 

"ใช่ไงเจ๊ แต่วันนี้มันพิเศษเพราะเขาจัดให้เข้าเฉพาะคนที่ใส่ชุดนักเรียนนักศึกษาเท่านั้น" 

"บ้าหรอ ตำรวจลงตายห่าเลยดิถ้างั้นอ่ะ" 

"เขาให้ใส่ชุดได้ก็จริงแต่ต้องเป็นชุดเปล่าๆที่ไม่ปักโลโก้หรือตราโรงเรียนใดๆทั้งสิ้น และอีกอย่างร้านนี้ตรวจบัตร22ขึ้นไปเท่านั้น ไม่ใช่แบบร้านอื่นที่ให้เข้าตั้งแต่20 นะๆๆไปนะเจ๊" อีนัทรีบอธิบายทันทีก่อนที่ฉันจะเดินหนีมันอีกรอบ

"ใครไปบ้าง?" 

"อีพวกนั้นเซเยสหมดแล้วจ้า ตอนนี้เหลือเจ๊คนเดียว" ขนาดนี้ก็ไม่ต้องถามกันก็ได้แล้วมั้ง ถ้าตอบว่าไม่ไปอีพวกที่เหลือก็ขยั้นขยอให้ฉันไปกับพวกมันอยู่ดี

"เออๆๆ ไป"

"อะเค เจ๊มีชุดไหมหรือจะซื้อใหม่"

"มีอยู่ๆ แต่ไม่รู้จะใส่ได้หรือป่าว" จบมาก็รวมๆประมาณ6ปีแล้ว ไม่รู้ว่าชุดยังจะใส่ได้อยู่ไหม ตั้งแต่จบมาก็ไม่ได้ฟิตหุ่นเท่าไหร่แถมยังชอบกินเป็นชีวิตจิตใจอีกด้วย ยังดีที่พยาธิในตัวฉันขยันทำงานน้ำหนักเลยไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ 

ตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายหลังจากที่ทุกคนกลับมาจากกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วก็นั่งหันหน้าใส่จอคอมของตัวเองและทำงานวนไปจนกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน

"เย้! เลิกงานแล้วโว๊ยย" เสียงของอีนัทดังขึ้นมาทันทีหลังจากที่นาฬิกาเปลี่ยนเวลาเป็น17.01น.

"มึงก็ตรงเวลาซะเหลือเกินนะอีดอก เลยนิดเลยหน่อยไม่ได้เลย" ตามด้วยเสียงของอาร์ตี้ดังขึ้นตามมาติดๆ ฉันลืมบอกไปหรือเปล่าว่าอีอาร์ตี้เนี่ยเป็นผู้ชาย แต่นางเทคยาและแปลงเพศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สวยสะพรั่งยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนอีก นางบอกไอดอลในการทำศัลยกรรมให้เหมือนของนางคือไอดอลเกาหลีแต่ฉันจำชื่อไม่ได้แล้วแหละมันนานมากแล้ว

"โนวๆๆ ไม่ได้เด็ดขาดจ๊ะ ถ้าเกินก็ต้องลงOTแล้วป่ะ" 

"พอๆๆ ถ้ากูปล่อยให้พวกมึงต่อล้อต่อเถียงกันอีกชาตินี้ไม่ต้องกลับไปแต่งตัวไปเที่ยวแล้วมั้ง ไอ้นัดที่นัดไว้ก็ยกเลิกเลยป่ะ" เสียงของอีเก๋ดังขึ้นมาห้ามศึกปะทะฝีปากของทั้งสองก่อนที่มันจะหยุมหัวกัน มันเป็นเรื่องปกติของกลุ่มฉันอยู่แล้วที่สองคนนี้มันจะทะเลาะกันก็เหมือนลิ้นกับฟันที่กัดกันทุกวัน เหมือนทะเลาะกันแบบแกล้งๆก็เท่านั้นเพราะถ้ามีคนใดคนนึงมีเรื่องพวกนี้ก็พร้อมที่จะไฟท์เสมอ อารมณ์แบบเพื่อนรักเพื่อนแค้น

"ไปๆๆ กลับไปแต่งตัวกันได้แล้ว เจอกันสามทุ่มที่นั่นเลยก็แล้วกันน่ะ กูไปล่ะ" ฉันที่เก็บของลงกระเป๋าเตรียมกลับบ้านเสร็จแล้ว ก็เอ่ยลาพวกมันก่อนจะชิ่งวิ่งหนีพวกมันออกมา

"เฮ้ย อีเจ๊มึงจะรีบไปไหน.." เสียงของพวกมันที่ดังไล่ตามหลังฉันมา แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจหรอกฉันรีบวิ่งตรงไปที่ลานจอดรถในทันทีก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในรถและขับรถออกจากบริษัทภายในทันที

"เฮ้อ~ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้" ฉันก็ได้แต่บ่นให้พวกมันอยู่คนเดียวนี่แหละ พอไปอยู่ด้วยกันฉันก็ไม่เคยห้ามพวกมันสักทีหรอก ปล่อยให้มันหยุมหัวกันไปเดี๋ยวมันเหนื่อยมันก็พักยกของพวกมันเอง

ลา~ลา~ลา~ลา~ลา~ลา~

ตอนนี้ฉันกำลังฮัมเพลงอยู่คนเดียวในรถ ที่ฮัมเพลงไม่ใช่ว่าอารมณ์ดีหรอกนะแต่ทำเพื่อให้จิตใจของตัวเองสงบก็เท่านั้น ตอนนี้ใจฉันมันเดือดปุดๆเหมือนน้ำในกาต้มน้ำร้อน ไม่รู้ว่ากรุงเทพฯจะเลิกรถติดตอนไหน ฉันรออยู่ไฟแดงนี้มาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว ดีนะที่ก่อนออกจากบริษัทแว๊บไปฉี่มาแล้วไม่งั้นกลั้นไม่อยู่แน่ๆ หิวข้าวโว๊ยยยยยย!

หลังจากที่ฝ่ามรสุมรถติดในกรุงเทพฯมาได้ก็แวะซื้อข้าวร้านอาหารตามสั่งมากล่องหนึ่ง โดยเมนูที่สั่งเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่ทุกคนไปร้านนี้ต้องสั่งนั่นก็คือ กระเพราหมูสับไข่ดาว เป็นเมนูยอดฮิตทั่วฟ้าเมืองไทยอย่างแน่นอนคิดอะไรไม่ออกบอกกระเพราหมูสับไว้ก่อน

"เหี้ยเอ้ย! แล้วแม่งทำไมต้องตรีมชุดนักศึกษาด้วยวะ แล้วชุดของกูมันไปอยู่ส่วนไหนของตู้เสื้อผ้าแล้วบ้างเนี่ย" เมื่อกินข้าวเสร็จฉันก็โวยวายอยู่กับตัวเองพักใหญ่ ก็จบมหาวิทยาลัยมาเนิ่นนานใครจะไปเก็บชุดนักศึกษาไว้ในตู้กันล่ะ ตอนนี้มันน่าจะไปนอนอยู่ในตู้สะสมเสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่ฉันต้องไปรื้อตู้นั้นจริงๆหรอ เฮ้อ~ให้ตายเถอะ ไว้อาลัยให้ตัวเองแป๊บ

30นาทีผ่านไป

"เยส! ในที่สุดก็เจอ อื้อฮือ ยับไม่มีชิ้นดี" ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะหาชุดนักศึกษาเจอ แต่สภาพไม่ต่างจากผ้าเช็ดตีนเลยแม้แต่นิดเดียว ยับซะจนไม่รู้ว่าเนื้อผ้ามันเคยเรียบมาก่อน ถ้าจะให้ซักตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วแหละ ฉันเลยจะเอาไปรีดแล้วก็พรมน้ำหอมลงสักหน่อยมันน่าจะช่วยได้นิดหนึ่ง ใส่แค่ครั้งเดียวคงจะไม่อะไรมากหรอก

ในเมื่อเตรียมชุดและจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยฉันก็ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวันออก ก่อนจะออกมาด้วยผ้าขนหนูห่อตัวเพียงผืนเดียวและล้มตัวลงบนที่นอนทันที จะว่าซกหมกก็ไม่ได้นะฉันแค่ชอบแก้ผ้านอนก็เท่านั้นเอง ตอนนี้ง่วงไม่ไหวแล้วขอนอนสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็แล้วกันแล้วค่อยลุกขึ้นมาแต่งตัวไปปาร์ตี้

.

.

.

.

.