ตอนที่2 ปริ้นซ์
ปริ้นซ์
.
.
.
"การนำลวดความต้านทานเส้นหนึ่งยาว L เมตร, มีเส้นผ่านศูนย์กลางขดลวด D เมตร มีความต้านทาน R โอห์ม ถ้าตัดลวดออกครึ่งหนึ่งแล้วนำไปรีดให้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลดลงไป 2 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางเดิม ขดลวดใหม่จะมีความต้านทานเป็นกี่เท่าของขดลวดเดิม ข้อนี้ใครตอบคุณครูได้บ้างยกมือขึ้น"
"........." นักเรียนที่นั่งอยู่ภายในห้องต่างมองหน้ากันไปมา แต่ไม่มีท่าทีว่าจะมีใครยกมือขึ้นมาตอบคำถามข้อนี้เลยแม้แต่คนเดียว
"ถ้าไม่มีใครยกมือตอบคำถามในข้อนี้ ครูจะสุ่ม" นักเรียนแต่ละคนรีบหดคอพร้อมกับไถลลงไปใต้โต๊ะเรื่อยๆ การสุ่มของคุณครูเป็นอะไรที่เด็กนักเรียนทุกคนเกลียดมากๆ
"วันนี้วันที่ 7 งั้นคุณครูขอสุ่มเลขที่ 7 เด็กชายโบ๊ทลุกขึ้นตอบคำถามข้อนี้ของครูด้วยค่ะ"
ครืดดดด
"ผ...ผมไม่รู้ครับครู"
"เธอจะไปรู้ได้ยังไง ตอนนี้น้ำลายเธอไหลมาถึงปลายคางแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วกลับมาเรียนซะ"
"ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ"
"งั้นคนต่อไปที่ครูจะสุ่มคือหมายเลข 17 เด็กชายปริ้นซ์ ตอบคำถามที่อยู่บนกระดานด้วยค่ะ"
ปริ๊นซ์ที่กำลังนั่งหน้าเอือมอยู่หลังห้องก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที คาบนี้คือคาบของวิชาฟิสิกส์และเป็นคาบสุดท้ายของการเรียนในวันนี้ มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับเขามากที่ต้องมานั่งฟังเสียงบรรยายของครูที่ไม่ต่างจากเสียงขับกล่อมให้นอน
"2 ครับ"
"ถูก เธอก็เข้าใจในโจทย์และวิชาที่ครูสอนตลอดแต่เธอช่วยทำท่าตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้หน่อยได้ไหมเด็กชายปริ้นซ์ แล้วไอ้สีผมสีฟ้าสว่างของเธอน่ะไม่คิดจะเปลี่ยนให้ถูกตามกฎระเบียบของโรงเรียนหน่อยหรอ นี่ครูกำลังพูดกับเธออยู่นะเธอจะมาทำท่าหลับใส่ครูอย่างนี้ได้ยังไง ฮึ้ย!"
คุณครูที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียนในตอนนี้รู้สึกโมโหเด็กชายปรินซ์เป็นอย่างมาก ทุกอย่างที่เป็นกฎเขาจะแหกกฎหมดทุกข้อ แต่ก็ไม่รู้ทำไมผอ.โรงเรียนถึงให้เขาเป็นข้อยกเว้นในทุกๆอย่าง ซึ่งมันเป็นต้นแบบที่ไม่ดีเลยสำหรับคนที่เห็นและมันไม่ได้ยุติธรรมเลยสำหรับคนอื่นๆในโรงเรียน แต่เพราะอำนาจของ'เงิน'มันนำพาทุกอย่างให้ง่ายไปหมด
ติ๊งต่อง~
"เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ หัวหน้าห้องสั่งทำความเคารพได้" ทันทีที่สัญญาณเสียงออดหมดคาบเรียนดังขึ้น นักเรียนทุกคนก็พร้อมใจกันเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋านักเรียนทันทีพร้อมกับลุกขึ้นทำความเคารพคุณครูและต่างพากันวิ่งกรูออกจากห้องไปในทันที
"เฮ้ย! ไอ้ปริ้นซ์มึงจะนอนไปถึงเมื่อไหร่วะ หมดคาบเรียนแล้วโว้ย!!" คีตะตะโกนใส่หูของปริ้นซ์ทันที ไม่ว่าจะสะกิดจนเหมือนตีนถีบขนาดไหน ปริ้นซ์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลยแม้แต่น้อย
"เออกูตื่นแล้วไอ้สัส มึงแมร่งตะโกนหาพระแสงอะไรใส่หูกู" ปริ้นซ์งัวเงียด่าเพื่อนอย่างคีตะทันทีที่ตื่นขึ้นหลังจากที่ไปเฝ้าพระอินทร์มาทั้งวัน
เกริ่นเรื่องมาตั้งนานเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย เอาเป็นว่าผมชื่อปริ้นซ์ หล่อ พ่อแม่รวย ค*ยใหญ่ ส่วนเพื่อนคนเดียวของผมชื่อคีตะ จบ! การแนะนำตัว
"ไอ้ห่า กูปลุกมึงจนเหนื่อยตื่นมาเสือกด่ากูอีก กูงอนได้ไหมเนี่ย" คีตะทำท่าทางสะดีดสะดิ้งใส่ปริ้นซ์ แต่คนอย่างปริ้นซ์ได้สนใจไม่
"เฮ้ยๆ รอด้วยดิว่ะ ยิ่งไม่มีใครคบด้วยเนี่ย มึงอย่าพึ่งทิ้งกู" คีตะรีบคว้ากระเป๋าและวิ่งตามปริ้นซ์ออกจากห้องในทันที
"มึงวันนี้ไปผับป่ะ?" เดินมาจนใกล้จะถึงลานจอดรถไอ้คีตะก็ดึงสายกระเป๋ารั้งผมไว้ก่อนจะเอ่ยชวนไปเที่ยว
"คิดไงชวนกูเที่ยวผับ" ถึงผมจะเหี้ยแค่ไหนแต่อายุยังไม่ถึงก็เลยยังไม่ได้เข้าผับ ที่จริงก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอก แต่แค่ไม่อยากมีปัญหาในภายหลังก็เท่านั้น
"ครั้งนี้ครั้งเดียวเพื่อนกูขอร้อง ผับนี้เป็นผับของพี่ที่กูรู้จักแล้วเขาจัดตรีมร้านวันนี้คือชุดนักเรียนนักศึกษา กูขอให้พี่เขาช่วยพาให้เราเข้าไปแล้ว นะๆๆไปเป็นเพื่อนกูหน่อยเปิดประสบการณ์นะเพื่อนนะ" ถ้าใครบอกว่าเพื่อนผมเป็นกระเทยผมก็เชื่อ เพราะตอนนี้มันกำลังแกว่งแขนผมไปมาเพื่อขอร้องให้ผมไปกับมันในวันนี้
"เออๆ ไอ้สัสปล่อยได้ล่ะกูขนลุก" ผมรีบสะบัดแขนออกจากกันเกาะกลุ่มของมันทันที ถ้าเป็นผู้หญิงจะไม่ว่าเลย แต่นี่ผู้ชายทำให้ด้วยกันทั้งแท่ง กลัวแต่ฟ้าจะผ่าลงมากลางกบาลมันนี่แหละ พูดแล้วขนลุก บรึ้ย?
"ขอบใจมากเพื่อน บุญคุณครั้งนี้กูจะไม่ทดแทน"
"ทดแทนสิว่ะไอ้สัส กราบตีนกูซะ" พูดเสร็จผมยื่นเท้าไปหามันทันที
"โหหห นี่เพื่อนนะครับคุณชายปริ้นซ์"
"กี่โมง?"
"กี่โมงอะไรวะ?"
"มึงจะไปผับกี่โมง มารับกูด้วย แล้วก็หาข้ออ้างกับคุณหญิงแม่กูด้วย ถ้ามึงไม่ทำกูก็ไม่ไป" ผมขู่มันทันที อยากให้ผมไปด้วยก็ไปหาข้ออ้างให้คุณหญิงแม่ของผมก็แล้วกัน
"โห แม่มึงโหดอ่ะเพื่อน กูจะไม่ตายก่อนใช่ไหม" คีตะคิดถึงหน้าแม่ของปริ้นซ์ก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เคยมีวันหนึ่งที่คีตะไปทำงานที่บ้านของปริ้นซ์แล้วเผลอเอาเมจิกไปเขียนบนพื้นกระเบื้องที่เป็นหินอ่อน วันนั้นโดนแม่ของปริ้นซ์สวดยับอยู่ประมาณสามชั่วโมง
"ไปๆ แยกย้าย" ปริ้นซ์ไล่คีตะไปไกลๆก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์และบิดออกจากโรงเรียนด้วยความรวดเร็ว
มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่พุ่งทะยานสู่ท้องถนนด้วยความเร็วเกินที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่คนที่ขี่รถคันนั้นหาสนใจเรื่องกฎหมายไม่ ไม่นานทั้งปริ้นซ์และบิ๊กไบค์คู่หูคู่ใจก็ขับเคลื่อนเข้ามาจอดในคฤหาสน์หลังโตทันที
"กลับมาแล้วครับ"
"อ้าวตาปริ้นซ์กลับมาแล้วหรอลูก" คุณหญิงมารตีที่กำลังนั่งกินคุกกี้อยู่ห้องโถงรับแขกพร้อมกับดูละครสุดโปรดอยู่ก็หันมาทักทายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนทันที
"ครับแม่ แม่กำลังทำอะไรอยู่ครับ"
"แม่กำลังกินคุกกี้อยู่น่ะสิ พอดีแม่ครัวทำออกมาให้ชิม ตอนนี้แม่ชิมหมดไปเป็นจานแล้ว" ไม่พูดเปล่า พร้อมกับยกจานที่ว่างเปล่าให้ลูกชายดูด้วย
"ระวังน้ำตาลในเลือดถามหานะครับคุณแม่กินเยอะขนาดนั้นนะ"
"ตาปริ้นซ์! แกแช่งแม่แกหรอ" คุณหญิงมารตีแห้วใส่ลูกชายทันที
"ฮ่าๆๆๆ ผมไม่ได้แช่งครับแม่" ปริ้นซ์รีบวิ่งหนีแม่ขึ้นไปบนบ้านทันทีพร้อมกับเสียงหัวเราะ
สองชั่วโมงผ่านไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณหนูขา เพื่อนคุณหนูมาหาตอนนี้รออยู่ที่ด้านล่างค่ะ" สาวรับใช้ที่คุณหญิงมารตีใช้ให้มาเรียกลูกชายลงไปหาเพื่อนที่ด้านล่าง
"ครับๆ เดี๋ยวผมตามลงไป" ปริ้นซ์รีบเก็บข้าวของลงกระเป๋าพร้อมกับชุดนักเรียนที่ไม่ได้ปักตราของสถาบัน 1ชุดและชุดที่ปักตราของสถาบันอีก1ชุด เพื่อใส่ไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้
"อ้าวปริ้นซ์ลงมาพอดีเลย รีบไปจ้ะเดี๋ยวคีตะรอนานนะลูก"
"ครับๆ" ปริ้นซ์ตอบรับแม่แบบงงๆ ไอ้คีตะมันไปคุยกับแม่ของผมคำไหน ทำไมถึงยอมปล่อยให้ผมออกจากบ้านง่ายขนาดนี้
ปึก
"โย่วเพื่อน เตรียมชุดมาป่ะ" คีตะทักทายปริ้นซ์ยังอารมณ์ดีทันทีที่ขึ้นรถมา
"มึงไปคุยกับแม่กูยังไงวะ ทำไมแม่กูถึงปล่อยให้ออกมาง่ายขนาดนี้" ที่จริงเรื่องนี้ผมจะขอเองก็ได้ แต่ผมอยากที่จะแกล้งไอ้คีตะก็เท่านั้น เลยแกล้งให้มันไปคุยกับแม่ของผม
"เออ มึงไม่ต้องรู้หรอก มึงรู้ไว้แค่ว่ากูทำได้ก็แล้วกัน" ก่อนที่ทั้งสองจะขับรถออกจากคฤหาสน์ในเวลาต่อมา และตรงไปที่ผับซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของทั้งสองในทันที
