ตอนที่ 2 โน้มน้าว
การินหันมามองน้องชาย ที่ตอนนี้นุ่งลมห่มฟ้าอย่างไม่อายผีสางเทวดา เขาส่ายหัวเบา ๆ
"แกนะ...ไอ้กฤต ชอบเล่นพิเรนอยู่เรื่อย"
การินเดินออกไปอีกคน กฤตนัยหัวเราะขำ
ที่โต๊ะอาหารในตอนเย็น
คุณสุมาลีและลูกทั้งสามนั่งกันพร้อมหน้า กันทิมากับการินรู้สึกเกร็ง ๆ ต่อสายตาของแม่ที่มองมา ผิดกับกฤตนัยที่นั่งกินเอา...กินเอา โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น
"ตากฤต...พี่ ๆ ได้คุยอะไรด้วยไหม"
กฤตนัยพยักหน้า แล้วตักแกงจืดเข้าปาก
"แล้วแกจะว่ายังไง"
"ก็ไม่ว่าไง...ผมแต่งแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมยังอยากใช้ชีวิตโสดอีกสักพักครับแม่"
"แล้วแกคิดจะแต่งงานเมื่อไหร่"
กฤตนัยชะงักช้อนที่จะตักหมูทอดเข้าปาก กันทิมากับการินเครียดจนหายใจไม่ทั่วท้อง...กลัวแม่กับน้องจะทะเลาะกัน
"30 ครับแม่ ผมจะแต่งงานตอนอายุ 30 ผมว่า...กำลังดีครับแม่"
คุณสุมาลีรวบช้อนวางบนจานเสียงดัง "แก๊ง" ทุกคนเงยหน้ามองเธอเป็นตาเดียว กฤตนัยก็มองแม่เขม็ง
"กว่าแกจะ 30 ฉันคงครบรอบวันตายไปหลายรอบแล้ว"
"ทำไมแม่พูดอะไรน่ากลัวอย่างนั้นล่ะคะ แม่ยังแข็งแรง ยังดูสาวอยู่เลยค่ะ"
"แม่ครับ...แม่อย่าห่วงไอ้กฤตให้มากนักเลยครับ มันโตแล้ว..."
กฤตนัยนั่งฟังพี่กับแม่คุยกัน โดยไม่พูดอะไรสักคำ
"อ้อ...นี่พวกแกคิดว่าแม่วุ่นวายกับชีวิตตากฤตใช่ไหม จะบอกพวกแกให้นะ แม่ไม่ได้มีเวลามากอย่างที่พวกแกคิดหรอก เฮ้อ...หมอบอกว่า...แม่เป็นโรคหัวใจ จะตามพ่อแกไปเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย"
กันทิมากับการินตกใจจนอ้าปากค้าง กฤตนัยเองก็ชะงัก แต่เขาคิดว่า...นี่อาจจะเป็นอุบายของแม่ เขาจึงยังนิ่งเฉยอยู่
คุณสุมาลีลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินไปนั่งที่ห้องรับแขก กันทิมากับการินก็ตามไปด้วย การินดึงแขนกฤตนัยที่ยังนั่งเฉย ให้ตามไปอีกคน กันทิมาคุกเข่าตรงหน้าคุณสุมาลี
"แม่ขา...ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"อาทิตย์ที่แล้ว แม่รู้สึกไม่ดี เลยไปตรวจที่โรงพยาบาล ถ้าพวกแกไม่เชื่อ ก็โทรไปเช็คได้นะ"
การินกับกฤตนัยก็มาคุกเข่าข้างพี่สาว
"แม่ครับ...แม่ต้องอยู่กับเรานาน ๆ นะครับ ผมยังไม่ได้ตอบแทนแม่เลย"
การินเอามือแม่ไปแนบแก้ม
"แม่ครับ..."
กฤตนัยพูดไม่ออก ได้แต่จับมือแม่ไว้แน่น
"กฤต...ที่แม่อยากให้แกแต่งงาน เพราะแม่กลัวว่า...ถ้าแม่ไปแล้ว จะไม่มีใครดูแลแก หน้าที่ของแม่...คือให้พวกแกทุกคนได้เป็นฝั่งเป็นฝา กอบกับไก่แม่ไม่ต้องห่วงแล้ว ก็เหลือแต่แกคนเดียว แกจะไม่ยอมทำตามคำขอร้องของแม่เชียวหรือ"
"ผมยังไม่พร้อมจริง ๆ นะครับแม่ ผมเพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน ผมยังใช้ชีวิตโสดไม่คุ้มเลยนะครับแม่"
"งั้น...แกก็ไปใช้ชีวิตโสดให้คุ้มก็แล้วกัน ไม่ต้องมาสนใจแม่"
คุณสุมาลีเอามือปิดหน้าทำเป็นร้องไห้ กฤตนัยรู้แกว...ลุกขึ้นเดินขึ้นข้างบนไป แต่ไปไม่ไกล เขานั่งแอบฟังอยู่ที่บันได คุณสุมาลีแอบมองลอดง่ามนิ้ว เห็นเขาขึ้นบันไดไปแล้ว ก็เอามือลงทำหน้าเซ็ง
"แม่...เปลี่ยนมุกบ้างเหอะ มุกนี้เก่าแล้ว...เจ้ากฤตไม่หลงกลหรอก"
การินพูดจนแม่หมั่นไส้เอามือผลักหัวเขา กันทิมามองแม่แล้วส่ายหัว
"แม่คะ...ตกลงนี่แม่อำใช่ไหมคะเนี่ย"
"ไม่ได้อำ นี่เรื่องจริง แม่เป็นโรคหัวใจจริง ๆ ก็ถ้าแม่ไม่เป็นไร แม่จะไปเร่งตากฤตแต่งงานทำไมล่ะ"
"แม่..."
การินกับกันทิมาเรียกด้วยความตกใจ กันทิมากอดแม่ร้องไห้ การินก็น้ำตาซึมไปด้วย
"แม่อย่าเป็นอะไรนะคะ แม่ต้องอยู่กับไก่นาน ๆ นะ"
"แม่ครับ...กฤตขอเวลาอีกนิดได้ไหมครับ แม่รอกฤตอีกสักปีได้ไหมครับ"
กฤตนัยที่เดินย้อนลงมา และได้ยินที่แม่คุยกับพี่ ๆ ก็มาคุกเข่าบอกแม่
คุณสุมาลีลูบแก้มลูกชายคนเล็ก กฤตนัยรู้สึกได้ถึงมือของแม่ที่เย็นผิดปกติ
"กฤต...แม่ไม่รู้ว่าจะรอลูกได้อีกนานแค่ไหน แม่ไม่ได้อยากจะบีบคั้นกฤตนะ แต่โรคหัวใจ...มันช็อตได้ทุกเมื่อ ถ้ากฤตไม่อยากแต่ง แม่ก็จะตามใจ ช่างมันเถอะ..."
คุณสุมาลีลุกขึ้น...เดินขึ้นข้างบนไป ลูก ๆ ได้แต่มองตามแล้วถอนหายใจ กันทิมาตบไหล่บอกกฤตนัยว่า
"กฤต...พี่เข้าใจนะ ว่านี่มันคือชีวิตแก แต่แม่เราจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ถึงจะไม่ได้เป็นโรคนี้ ก็อาจเป็นโรคอื่นได้ พี่อยากให้แกคิดให้ดีนะกฤต"
"ถ้าแกมีคบกับใครอยู่ แกก็พามาให้แม่ดู แม่จะได้วางใจ แต่ถ้ายังไม่มี... เดี๋ยวพวกพี่ช่วยหาให้ก็ได้"
กฤตนัยถอนใจ...เขาส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย เดินขึ้นห้องโดยไม่คุยกับใครอีก กันทิมากับการินมองหน้ากันแล้วถอนใจ ต่างคนต่างกลับ...บ้านใครบ้านมัน
