ตอนที่ 3
ขอบตาบวมช้ำหนา! แดง! เหมือนโดนผึ้งต่อยมายกรังทำให้หญิงสาวใช้เวลาแต่งหน้านานพอสมควร กว่าจะกรีดตาสองชั้นที่กลายเป็นชั้นเดียวอย่างอาหมวยเยาวราชให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็เล่นเอาเหนื่อย เธอหยิบชุดสวยกระโปรงพองเสื้อลายแมวน่ารัก ดัดผมสีน้ำตาลให้เป็นลอนบริเวณปลายผมเหมือนตุ๊กตา จัดเสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะเหมือนทุกวันด้วยความเป็นคนรักสวยรักงาม ทำสภาพตัวเองให้กลับมาสวยสดใส
เสียใจเท่าไร... ต้องเก็บไว้ในใจ เพื่อที่จะรีบบึ่งรถไปอบขนมปังแข่งกับเวลา เป็นโชคดีที่น้อง ๆ มาเปิดประตูเหล็กซึ่งเป็นแบบดึงขึ้นชักรอกซ่อนเชือกไว้ ช่วยกันนำขนมปังที่ปั้นแล้วเข้าตู้อบแต่เช้ามืด
หน้าร้านคาเฟ่แสนน่ารักมีประตูรั้วสีขาวติดริมถนนใหญ่ เว้นช่วงเล็กน้อยเป็นหญ้าเทียมและตุ๊กตาเพื่อป้องกันมลพิษจากภายนอกที่มีรถสัญจรไปมาตลอด ในทุก ๆ เช้าจะมีลูกค้ามายืนรอต่อคิวซื้อแซนด์วิชกล่อง ขนมนมกาแฟ ฝากท้องของพวกเขาไว้กับเณศราเบเกอรี่ก่อนไปทำงานและไปเรียน
ไม่ขยันเลยไม่ใช่แค่อดตาย มันหมายถึงความเดือดร้อนของผู้คนที่จะต้องไปหาซื้ออาหารร้านอื่น เป็นเหตุให้เจ้าของร้านให้ความสำคัญกับการเปิด-ปิดร้านและวันหยุดเอามาก ๆ
แต่เช้านี้เธอพลาด!
เณศรารู้สึกผิดจนต้องเอ่ยขอโทษน้องนักศึกษาและพนักงาน บอกเหตุผลว่าทำไมมาสายนั่นก็คือเธอไปงานแต่งผู้ชายคนนั้นมา คนที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นแฟนหนุ่ม ออ... ก็ไม่ใช่สินะเพราะว่าเขาไม่เคยบอกว่าเป็นแฟน เธอทำเป็นเรื่องตลกโปกฮาแม้ว่าคนอื่นจะหัวเราะไม่ออก
เมื่อข่าวสารรวดเร็วในยุค 3G หลายคนคงแปลกใจ เณศราได้รับคำปลอบใจจากทุกคนรอบกาย ขนาดคุณพ่อคุณแม่ยังเดินทางมาหา คุณพ่อไม่ลืมดอกไม้สำหรับตกแต่งแจกันในร้าน คุณแม่มาช่วยต้อนรับลูกค้าที่มาต่อคิวซื้อกาแฟจนคนเริ่มน้อยลงค่อยเข้าไปกอดลูกสาว
“ไม่เป็นไรนะลูก... เนยยังมีพ่อแม่เสมอ ไว้วันหยุดนี้ไปทานข้าวกัน แม่เลี้ยงเองจ้ะ”
“ลูกสาวพ่อเก่งอยู่แล้ว พ่อว่าผู้ชายเยอะแยะ สวยเลือกได้ซะอย่าง”
“ขอบคุณนะพ่อแม่... ลูกจ้างสองคนเนี้ยน่ารัก ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนด้วยอีก”
เสียงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีจากชายร่างสูงใหญ่และสาววัยสี่สิบห้าปี
เนตราปลอบสารพัดจะปลอบแม้ว่าลูกสาวไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น ด้วยความที่ถูกเลี้ยงมาให้ช่วยเหลือตัวเอง ตัดสินใจทำอะไรอย่างมั่นใจโดยมีครอบครัวคอยให้การสนับสนุน
เณ-ศรา และ เน-ตรา ตัวอักษรขนาดใหญ่ ‘Ne’ ลูกสาวเป็นคนต้นคิด ตั้งใจเปิดร้านให้คุณแม่ผู้ชื่นชอบเบเกอรี่ หลงใหลในการทำขนมเป็นชีวิตจิตใจ
บรรยากาศอันแสนอบอุ่นหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน หลายคนในร้านคงอดอมยิ้มไม่ได้ มันเป็นภาพที่เห็นอยู่บ่อยครั้งคราวสองหนุ่มสาวรุ่นใหญ่ในเชิ้ตสุภาพเรียบร้อยสะอาดตาแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนลูกสาว
ต่างคนพากันไปด้านหลังร้านอาหาร มีมุมน้ำพุเล็ก ๆ เป็นม้านั่งหินมองผ่านไปเป็นรั้วมหาวิทยาลัยเอกชน นักศึกษาเดินกันขวักไขว่ถือแท็บเล็ตหิ้วกระเป๋าสะพายพาดบ่าเตรียมตัวเข้าห้องเรียน
คุณพ่อเห็นสีหน้าของลูกสาวไม่ค่อยดีนัก แต่จำเป็นต้องตักเตือนสั่งสอน
“หวังว่านี่จะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตนะลูกนะ ผู้ชายบางคนเลิกรากันไปอาจเป็นเพื่อนกันได้...หรือว่าไม่ได้... ลูกลองคิดดูอย่าให้พลาดอีก เดี๋ยวภรรยาเขาจะมาว่าเอา ลูกต้องวางตัวดี ๆ นะเนย”
แววตาคู่สวยสลดเศร้าเกิดประกายแน่วแน่ยามสบมองสีหน้าเป็นกังวลของคนทั้งสอง
“แม่เองก็เอาใจช่วยนะลูก ตราบใดที่ลูกคิดดีทำดีลูกจะเจอคนศีลเสมอ ธุรกิจลูกก็จะเจริญรุ่งเรืองไปด้วย เรื่องแต่งงานเป็นการตัดสินใจของเขาส่วนตัวเราต้องดำรงในศีลธรรม ห้ามเด็ดขาดนะ... ห้ามไปยุ่งกับผัวใคร”
“ค่ะพ่อ แม่... เนยไม่ทำให้พ่อแม่เสียชื่อเสียงแน่นอน ถึงเนยจะหัวอ่อนไปหน่อย เนยว่าเนยมีจุดยืนในชีวิตอยู่ค่ะ” เธอฉีกยิ้มกว้างหวานให้คุณแม่สบายใจ ก่อนจะทอดสายตามองสนามหญ้าเขียวขจี ลานกีฬาของมหา’ลัยไฮโซด้วยท่าทางสบาย ๆ
จากตรงนี้กั้นกลางไว้ด้วยรั้วระแนงเหล็กเป็นซี่สีดำ สำหรับป้องกันความปลอดภัยของทรัพย์สินเวลาปิดร้าน ซึ่งมหา’ลัยเปิดกว้างพื้นที่หลายไร่คงไม่มีใครมาคอยเฝ้าตลอดทุกตารางนิ้วนอกเสียจากพนักงานรักษาความปลอดภัยทางประตูหน้าในอีกฟากหนึ่ง กับกล้อง CCTV นับร้อยตัว
ที่ได้ทำเลดีขนาดนี้ก็ฝีมือข้าราชการมีเส้นสาย แจกลายเซ็นเบิ้ลสองเป็นคนค้ำให้เธอกู้ธนาคารทีเดียวผ่าน เณศราได้ทำตามฝันของตัวเองที่จะเปิดร้านขนมปัง...
“อดคิดถึงคนเคยดูแลกันไม่ได้นะ พ่อว่าเขาก็ออกจะนิสัยดี แต่ว่าช่างเถอะ... คนจะไปเขาตัดสินใจแล้ว เราก็ปล่อยเขาไป” คุณพ่อให้กำลังใจลูกสาวแม้ว่ายังไม่เข้าใจในเหตุผลของชายหนุ่มนัก ก่อนถึงเวลาต้องบอกลากัน
“เอ้า... พ่อพาแม่ไปเข้างานก่อนนะครับ ขายดี ๆ นะลูก”
“บ๊ายบายค่ะ ไว้เจอกันวันหยุดนี้”
