บท
ตั้งค่า

บทนำ เจ้าสาววังบูรพา (2)

พอเสียงหอนดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้ก็ทำให้คนขี้ขลาดตาขาวถึงกับร้องเสียงหลงแล้วรีบวิ่งเปิดแนบออกไปจากบ้านร้างทันที

“เฮ เดี๋ยวก่อนสิ” ใครอีกคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านร้างเรียกสหายเอาไว้ แต่คนขี้ขลาดก็ไม่คิดที่จะเหลียวหลังกลับมาแม้แต่น้อย

“เจ้าบ้าเอ๊ย ขี้ขลาดจริง ๆ กลัวแม้กระทั่งเสียงหมาหอน” พอย้ายสายตาไปยังบ่อน้ำแล้วเห็นเงาดำที่โผล่จากบ่อน้ำช้า ๆ ซ้ำยังมีเสียงร้องน่ากลัวดังจากบริเวณนั้นก็ทำให้คนผู้นี้รีบวิ่งออกไปจากบ้านร้างเช่นกัน

“เฮ รอข้าด้วยสิ!!!”

ชิงชิงที่หลบซ่อนอยู่หลังบ่อน้ำถึงกับเป่าปากด้วยความโล่ง อก โชคดีที่นางสามารถเลียนเสียงคน และสัตว์ได้จึงทำให้คนพวกนั้นกลัวจนรีบวิ่งหนีหางจุกก้น

เฮ้อ... โชคดีที่นางเอาตัวรอดมาได้อีกครั้ง หากถูกคนพวกนั้นจับตัวกลับไปหอบุปผาสวรรค์ นางไม่กล้าคิดถึงชะตากรรมของตัวเองเลย

เดิมทีนางเป็นคุณหนูสกุลมู่ บิดารับใช้ราชสำนักด้วยความซื่อสัตย์ ดำรงตำแหน่งเป็นถึงขุนนางปกครองหัวเมือง แต่เพราะถูกคนชั่วใส่ร้ายป้ายสีเรื่องฉ้อราชบังหลวงยักยอกทรัพย์ตอนสร้างสะพาน จึงทำให้บิดาของนางต้องโทษอาญา

หลังจากเกิดเรื่องท่านแม่ของนาง ซึ่งเป็นลูกสาวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็ได้วิ่งเต้นหาหลักฐานมาช่วยบิดาออกจากคุกเพื่อล้างมลทินให้ครอบครัว ซึ่งโชคดีที่ท่านพ่อของนางพ้นมลทินจากการถูกคนถ่อยให้ร้ายได้

หลักฐานที่ท่านแม่ของนางรวบรวมมาได้นั้นทำให้คนร้ายตัวจริงได้รับโทษ แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนร้ายบุกเข้ามาสังหารทุกคนในบ้านตอนกลางดึก พร้อมกับจุดไฟเผาบ้านเพื่อทำลายหลักฐาน

ตัวนางนั้นรอดชีวิตมาได้เพราะเฉียนฟงซึ่งเป็นพ่อบ้านสกุลมู่ช่วยชีวิตเอาไว้ แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้นางได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟลวก

แม้หัวใจจะมอดไหม้ไปกับกองไฟ น้ำตาท่วมตา ร้องไห้จนตาบวม แต่นางก็ไม่อาจกลับไปที่บ้านสกุลมู่ได้อีก เพราะกลัวว่าคนเลวพวกนั้นจะสังหารนาง ด้วยเหตุนี้นางจึงจำต้องตามท่านพ่อบ้านไปต่างเมือง

แต่ใครจะไปรู้ว่านางจะประสบเรื่องโชคร้ายเข้าอีก แม้ท่านพ่อบ้านดูจะเอ็นดูนาง แต่คนผู้นี้ก็พานางมาขายที่หอบุปผาสวรรค์ ตอนนั้นฮุ่ยเหนียงได้ซื้อนางไว้เพราะเห็นว่านางหน้าตาสะสวย

อีกไม่กี่ปีคงทำรายได้อย่างงามให้กับหอนางโลมแห่งนี้ แต่พอรู้ว่าร่างกายของนางมีแผลเป็นตรงบริเวณหัวไหล่ ก็ทำให้ฮุ่ยเหนียงไม่ค่อยจะพอใจนางสักเท่าไหร่

‘ถ้ารู้ว่าเจ้ามีแผลเป็นน่าเกลียดแบบนี้ ข้าไม่ซื้อเจ้าไว้หรอก!’

ก็ดีแล้วที่ร่างกายของนางขายไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นตลอดเวลาที่อยู่หอบุปผาสวรรค์นางก็มิได้สุขสบาย นางยังต้องทำงาน และคอยดูแลเอาใจพี่สาวในหอบุปผาสวรรค์

ใครอยากได้สิ่งใดนางก็จะอาสาไปซื้อให้ แล้วนางก็ได้ค่าตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นพวกเงิน หรือบางทีก็เป็นของกิน เมื่อมีเงินมากพอนางก็แอบเอาเงินไปเปลี่ยนเป็นตั๋วแลกเงิน แล้วเก็บซุกซ่อนไว้

แม้จะทำงานเยี่ยงทาสรับใช้ แต่เมื่อว่างเว้นจากงาน นางมักจะไปขลุกอยู่กับเหล่านางโลมเพื่อเรียนรู้งานศิลปะ ดนตรี ภาพวาด และเขียนบทกลอน

ซึ่งนางรักการวาดภาพเป็นชีวิตจิตใจ จึงได้แอบเรียนวาดภาพไปกับพี่สาวในหอคณิกาอยู่หลายปี อีกทั้งยังแอบฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของจิตกรท่านหนึ่งที่ฮุ่ยเหนียงเชิญมาเป็นอาจารย์สอนเหล่าคณิกาวาดภาพ

จนวันหนึ่งพี่สาวในหอคณิกาได้นำภาพวาดของนางไปอวดฮุ่ยเหนียง พอเห็นภาพวาดของนาง คราวนี้ฮุ่ยเหนียงจึงใช้ให้นางวาดรูปแล้วนำไปบอกกับใคร ๆ ว่าเป็นฝีมือของหญิงคณิกาในหอบุปผาสวรรค์ นางเองไม่เคยสนใจเรื่องชื่อเสียงเพราะไม่อยากทำตัวโดดเด่นด้วยเกรงว่าจะมีปัญหา แต่นางก็ไม่อาจขัดฮุ่ยเหนียงได้

ภาพวาดของนางอยู่ภายใต้นาม ‘เจียวซือ’ ซึ่งเป็นหญิงคณิกาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับสองของหอบปุผาสวรรค์ ภาพวาดของเจียวซือได้รับความนิยมในหมู่คหบดี และเหล่าขุนนาง ด้วยเหตุนี้เจียวซือจึงถูกเศรษฐีใจปล้ำซื้อตัวไป

คนผู้นี้ชื่นชอบภาพวาดเป็นชีวิตจิตใจ แต่เมื่อเจียวซือไม่อาจวาดภาพได้ อีกทั้งนางยังทำความลับแตก จึงเป็นเหตุให้ฮุ่ยเหนียงตัดสินใจที่จะขายนางให้กับเศรษฐีผู้นั้นแทน

แล้วใครอยากเป็นสินค้าเล่า!

นางมีชีวิตจิตใจ นางไม่ปรารถนาจะขายเนื้อตัวให้ใคร อีกอย่างหลายปีที่ผ่านมานางก็ตอบแทนให้ฮุ่ยเหนียงอย่างคุ้มค่า แม้จะไม่ได้ขายเรือนร่าง แต่นางก็ทำงานหนัก นอกจากนี้ภาพวาดของนางก็สร้างรายได้ให้กับหอนางโลมอยู่มากโข มากกว่าค่าตัวของนางที่ถูกขายมาด้วยซ้ำ

พอได้อยู่คนเดียวลำพังความวังเวงก็คืบคลานเข้ามา ชิงชิงกวาดสายตาไปรอบกาย ดวงตากลมโตกลิ้งไปทางซ้ายทีทางขวาที เสียงลมหวีดหวิวและหิมะที่โปรยปรายยิ่งทำให้บรรยากาศดูวังเวงน่ากลัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel