บทที่ 1 สหายร่วมบ้านผีสิง (4)
โชคดีที่คนผู้นี้โดนพิษไข้เล่นงาน เขาจึงไร้เรี่ยวแรงไม่อาจแผลงฤทธิ์ใส่นางได้ แต่ตลอดทั้งสามวันนางแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลางดึกก็ต้องตื่นขึ้นมาเช็ดตัวให้เขา คอยป้อนยาเฝ้าไข้ ตอนเช้าก็ต้องหุงหาอาหารให้เขารวมทั้งทำแผลใส่ยา จนครบสัปดาห์เขาก็ฟื้นไข้ลุกขึ้นมากินอาหารที่นางจัดเตรียมไว้จนหมดเกลี้ยง
“พี่ชาย ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?” ชิงชิงเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเจริญอาหารได้เป็นอย่างดี เขากินส่วนของนางหมดเกลี้ยงไม่เหลือเลยด้วยซ้ำ
“อิ่ม อิ่มจนแน่นท้องไปหมด” เขาเอามือลูบพุงของตัวเองก่อนจะหันมามองหญิงสาวหน้าตามอมแมมด้วยสายตาจริงจัง
“เจ้าขอทานน้อย ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าแล้ว”
ขอทานน้อย... นางไม่ชอบคำนี้เลย แต่มันก็ทำให้นางรู้ว่าการใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ เนื้อตัวมอมแมมถือเป็นการปลอมตัวที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
“พี่ชาย เรื่องบุญคุณสำหรับข้าถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ท่านหายก็ดีแล้วข้าจะได้เดินทางต่อ”
“เจ้าจะเดินทางไปไหน?” แม้จะไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร แต่เขาก็อดถามนางด้วยความสนใจมิได้ อย่างน้อยเขาก็ควรรู้เรื่องเกี่ยวกับนางบ้าง
“พูดกันตามตรงนะ ท่านคือคนแปลกหน้าสำหรับข้า เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่จำเป็นที่ข้าต้องเล่าเรื่องของข้าให้ท่านฟัง” ชิงชิงตอบอย่างไม่ยี่หระ
นางไม่รู้จักเขาแม้แต่ชื่อแซ่ เขาจะเป็นคนดีหรือคนร้ายก็สุดที่จะรู้ได้ ดั่งโบราณว่าไว้ ‘รู้หน้า ไม่รู้ใจ’ ดังนั้นไม่รู้เรื่องของเขาถือเป็นการดีที่สุด นางไม่อยากปวดหัวในภายหลัง
“หึ พูดได้ดี ข้าเองก็ไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าจะมอบหยกชิ้นนี้ให้แก่เจ้า” ว่าแล้วเอี้ยนถงก็ส่งหยกสีเขียวเข้มแก่นาง “รับไว้สิ”
ชิงชิงมองหยกชิ้นงามที่มีไหมสีแดงห้อยไว้ แค่เห็นนางก็รู้ว่าหยกชิ้นนี้มีมูลค่าสูง ทั้งนี้เพราะนางเคยเห็นพวกเหล่าคุณชายที่มาเที่ยวหาความสุขที่หอบุปผาสวรรค์ชอบห้อยหยกคล้าย ๆ แบบนี้
“ท่านเก็บไว้เถอะ ข้าช่วยท่าน ไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน”
“รับไปเถอะ ข้าเองก็ไม่อยากติดค้างใครเช่นกัน เผื่อวันหน้าเจ้าเกิดเดือดร้อนก็ขอให้นำหยกชิ้นนี้ไปที่วังบูรพา คนที่นั่นจะช่วยเจ้าได้ทุกเรื่อง”
คำว่าวังบูรพาทำให้นางหายใจสะดุด พลางมองหยกในมือใหญ่ที่ยื่นหยกให้นาง
“ทุกเรื่องเลยหรือ?”
“ใช่ ทุกเรื่อง” ชายหนุ่มย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ชิงชิงมองหยกเนื้อดีที่มีตราสัญลักษณ์ติดอยู่อีกครั้ง มันเป็นรูปมังกรสี่เล็บที่บ่งบอกถึงฐานะผู้ครอบครอง เห็นทีคนผู้นี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว เขาคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับวังบูรพาแห่งนั้น
คิดถึงเรื่องนี้หญิงสาวก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ หากไม่เกิดเรื่องน่าเศร้าสลดกับครอบครัว ก็ไม่แน่ว่าปีนี้นางอาจได้ตกแต่งไปเป็นฮูหยินน้อยที่วังบูรพานั้นก็เป็นได้ เท่าที่นางจำได้ท่านแม่เคยบอกว่านางได้หมั้นหมายไว้กับท่านอ๋องน้อย โดยพระชายาหลิ่งฮวาของท่านอ๋องเฉินถงฝูนั้นมีความสนิทสนมรักใคร่กับท่านแม่ของนางราวกับพี่น้องร่วมสายโลหิต
เท่าที่รู้จากท่านแม่ ตอนที่แม่ของนางตั้งครรภ์นางอยู่นั้น พระชายาได้ขอหมั้นหมายนางให้กับท่านอ๋องน้อยตั้งแต่นางยังอยู่ในครรภ์ด้วยซ้ำ
ตอนแรกท่านแม่ของนางคิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องล้อเล่น แต่เมื่อนางอายุได้สามขวบพระชายาหลิ่งฮวาก็ส่งของหมั้นมาที่บ้านสกุลมู่เมื่อทำการหมั้นหมายนางไว้ให้กับท่านอ๋องน้อยอย่างเป็นทางการ
หวนคิดถึงเรื่องนี้ชิงชิงก็รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย ใช่ว่านางมีใจ ปฏิพัทธ์กับคุณชายอ้าย เท่าที่จำได้อย่างเลือนราง นางกับเขาพบหน้ากันไม่กี่ครั้งด้วยซ้ำ ซึ่งความจำในวัยเด็กนั้นแทบไม่เหลืออยู่ในหัว ในตอนนี้นางจำหน้าคู่หมั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
ก็ดีที่เป็นเช่นนั้นเพราะนางไม่ใช่คุณหนูมู่ ชิงชิงอีกแล้ว
