บทที่ 1 สหายร่วมบ้านผีสิง (3)
ถ้าให้เดาต้องเป็นฝีมือคนผู้นี้แน่ แค่คิดนางก็รู้สึกเสียววาบแล้ว คนผู้นี้ช่างใจกล้ามากนัก ถึงได้ลงมือเย็บแผลด้วยตัวเอง
เห็นบาดแผลของเขาแล้วชิงชิงก็รู้ว่าปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้ ขนาดนางถูกฮุ่ยเหนียงสั่งโบยตีไม่กี่ไม้ นางยังก้นระบมไปหลายวัน แต่แผลของเขานั้นเกิดจากการถูกของมีคมฟันแทง ยิ่งแผลอักเสบแบบนี้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เขาอาจเสียชีวิตก็ได้
พอเช็ดตัวให้เขาจนไข้ลดลงแล้ว นางก็ไปค้นผ้าห่มมาห่มให้เขา จากนั้นนางก็หาเสื้อคลุมมาสวมทับและทำการปลอมตัวแล้วออกไปข้างนอกเพื่อหาหยูกยามารักษาเขา
โชคดีที่นางมีตั๋วเงินติดตัวมาด้วย อีกทั้งยังมีใบสั่งยาที่นางแอบเอาพกติดตัวมาจากหอบุปผาสวรรค์ จะบอกว่าลักขโมยก็ไม่เชิงหรอก เพราะเวลาที่พี่สาวในหอบุปผาสวรรค์ล้มป่วยก็ได้นางนี่ล่ะที่วิ่งหาซื้อหยูกยามาให้กับพวกพี่สาวเหล่านี้
นางจึงเก็บใบสั่งยาต่าง ๆ เอาไว้กับตัว พอมีโอกาสหลบหนีนางก็เอาของพวกนี้ติดตัวมาด้วย ยังไงนางก็คิดว่าใบสั่งยาพวกนี้ก็เป็นของจำเป็น
มุดรอยแตกข้างกำแพงออกมาได้ ชิงชิงก็พบกับความหนาวเย็นที่แสนจะโหดร้าย แม้หิมะจะตกอยู่แต่ก็เบาบางกว่าเมื่อวันก่อนมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเหน็บหนาวสำหรับนางอยู่ดี
โชคดีที่ร้านขายยาเปิดนางจึงเอาใบสั่งยาไปให้ พร้อมทั้งขอซื้อยาสมานแผลมาเพิ่มอีกสามขวด พอเถ้าแก่ร้านขายยาสมุนไพรคิดเงินมันก็ทำให้นางถึงกับปาดเหงื่อ
เอาเป็นว่าตั๋วเงินที่นางสะสมไว้ด้วยความยากลำบากต้องถูกนำมาใช้จนเกือบหมด ก็ไม่ถึงกับล้มละลาย แต่ก็เกือบหมดตัว
เมื่อได้ยาตามที่ต้องการแล้วชิงชิงได้แวะซื้อเสบียงอาหารมาเก็บไว้ นอกจากนี้นางยังซื้อเหล้าติดไปด้วยสองไหไว้ใช้สำหรับล้างแผล
ระหว่างเดินดูข้าวของอย่างระมัดระวังตัว นางก็เห็นป้ายประกาศจับคนจากทางหอบุปผาสวรรค์ รวมทั้งเงินรางวัลนำจับ แค่เห็นมันก็ทำให้นางรู้สึกไม่ดี เพราะภาพวาดนั้นเป็นรูปของนาง แม้คนวาดจะวาดภาพของนางออกมาไม่ได้เรื่องก็เถอะ เห็นทีนางคงอยู่ที่เมืองนี้ไม่ได้แล้ว ชิงชิงจึงรีบกลับมายังบ้านร้างอีกครั้ง
ใจจริงนางอยากจะเก็บข้าวของแล้วออกเดินทางไปจากเมืองนี้ตอนนี้ด้วยซ้ำ ขืนคนของหอบุปผาสวรรค์มาเจอเข้านางต้องซวยแน่ แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านร้างแล้วเห็นว่าอาการคนไข้ไม่ดีขึ้นนางก็ไม่อาจใจดำทิ้งคนผู้นี้ได้ลง
แม้จะหมดค่ายาไปกับเขาไม่น้อย แม้การดูแลผู้อื่นจะเป็นภาระ แม้ว่าเขาจะทำร้ายนางและไล่นางตั้งแต่แรกเจอ แต่นางก็ไม่อาจเห็นคนผู้นี้เน่าตายในบ้านหลังนี้ได้
เอาเถอะ ๆ ช่วยคนตกทุกข์ถือว่าได้สร้างกุศล แค่เขาฟื้นไข้ ได้สติกลับมา นางค่อยชิ่งหนีในตอนนั้นก็ยังทัน
เมื่อไม่อาจใจร้ายหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวได้ ชิงชิงจึงต้องมานั่งก่อเตาไฟแล้วต้มยาให้เขา รวมทั้งต้มข้าวต้มมาป้อนเขาด้วย วันแรกการป้อนยาและเช็ดตัวเป็นไปอย่างยากลำบาก พอนางป้อนยาขมใส่ปาก เขาก็พ่นยาออกมาจนหมด เป็นแบบนี้จึงทำให้นางอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย
“บ้าชะมัด! รู้ไหมกว่าจะได้ยาห่อนี้มาข้าแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว ท่านยังดื้อไม่กลืนยาเข้าไปอีกเหรอ”
ไม่เพียงโวยวายกับเขานางยังตบแก้มเขาแรง ๆ แล้วบีบปากเพื่อให้เขาอ้าปาก จากนั้นนางก็กรอกยาใส่ปากเขาไป พอจัดการกรอกยาได้สำเร็จ นางก็มีงานให้ต้องทำเพิ่มอีก นั่นคือนางต้องเช็ดเอายาที่หกเลอะตัวออกให้เขา รวมทั้งทำความสะอาดบาดแผลที่กำลังอักเสบ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย... นางไม่ใช่ท่านหมอ และเขาก็ไม่ใช่คนไข้ที่น่ารัก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินความสามารถของนาง
ล้างแผลครั้งนี้ค่อนข้างเป็นไปอย่างทุลักทุเล แค่นางเอาเหล้าไปเช็ดทำความสะอาดแผล เขาก็ร้องครางออกมา ซ้ำยังปัดมือนางออกแล้วนอนห่อตัวไม่ให้นางได้ใส่ยา
ด้วยเหตุนี้ชิงชิงจึงจำต้องนั่งทับตัวเขาไว้พร้อมทั้งใช้เท้าเหยียบมือของเขาไว้ ส่วนมืออีกข้างของนางก็กดแขนที่บาดเจ็บของเขาไว้ พอคนไข้ไม่อาจขัดขืนนางก็จัดการทำความสะอาดแผลแล้วใส่ยาสมานแผลให้เขา
แน่นอนว่าเขาร้องครางอย่างทรมาน ซ้ำยังดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวด แต่นางก็ใจร้ายไม่ยอมรามือง่าย ๆ จนในที่สุดนางก็ล้างแผล ใส่ยาให้เขาจนสำเร็จ
“เฮ้อ... ข้าต้องปลุกปล้ำท่านไปอีกกี่วันเนี่ย” หญิงสาวบ่นอุบพลางใช้หลังมือเช็ดหยาดเหงื่อที่ติดหน้า
