บทที่ 1 สหายร่วมบ้านผีสิง (5)
แม้จะผ่านเหตุการณ์สุดเลวร้ายมาหลายปีแล้วแต่นางก็ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนด้วยเกรงว่าศัตรูที่สังหารครอบครัวจะตามมาไล่ล่าเอาชีวิตนางอีก
เฮ้อ... นางควรเป็นคุณหนูที่สุขสบาย แต่เคราะห์กรรมก็ทำให้นางต้องตกระกำลำบากเช่นนี้
เมื่อเห็นเจ้าขอทานน้อยเอาแต่เหม่อลอยเอี้ยนถงจึงเอาหยกยัดใส่มือของนาง
“รับไว้ซะ”
ชิงชิงหลุดจากภวังค์พลางมองหยกเนื้อดีในมือแล้วเอามาดู “ท่านยกให้ข้าจริงหรือ?”
“จริงสิ”
“หยกสีสวยจัง นี่...ท่านยกหยกชิ้นนี้ให้ข้าแล้วห้ามเอาคืนภายหลังนะ หากเอาคืนข้าจะถือว่าท่านเป็นลูกเป็ด ลูกเต่า”
เอี้ยนถงจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง เขาไม่อาจเปิดเผยตัวตน ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ชอบถูกใครดูถูกเช่นนั้น
“อื้อ ข้าเป็นลูกผู้ชายพอ พูดคำไหนคำนั้น”
ชิงชิงยิ้มตาวาว “ดี คำไหนคำนั้น! หยกเป็นของข้าแล้ว ข้าจะเอาไปทำอะไรก็ได้ใช่ไหม”
“จะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของเจ้า”
ได้ยินเช่นนั้นชิงชิงก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ดวงตาคู่สวยเป็นประกายวาววับ “ดีเลย เช่นนั้นข้าจะเอาหยกไปขายเพื่อไปซื้อเสบียงอาหาร”
พอได้ยินขอทานน้อยบอกจะเอาหยกประจำตระกูลที่เขามอบให้ไปขาย เอี้ยนถงถึงกับแก้มกระตุก ไม่ชอบใจแม้แต่น้อย
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ! เจ้าบ้าไปแล้วหรือหยกชิ้นนี้มีมูลค่ามหาศาล เจ้าจะเอาไปขายเพื่อซื้อเสบียงอาหารเนี่ยนะ?” เอี้ยนถงอดทักท้วงไม่ได้ ใช่ว่าเขาจะเสียดายที่มอบหยกชิ้นนี้ให้นาง เพียงแต่เจ้าขอทานน้อยตรงหน้าเขาดูจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนี้เลย
“ถูกต้อง สำหรับข้าแล้วอาหารมีค่าดุจทองคำ กินอิ่ม นอนอุ่นคือความสุขของข้า พี่ชายท่านมอบหยกให้ข้าเอง เกิดเปลี่ยนใจทวงกลับคืนท่านจะกลายเป็นลูกเป็ด ลูกเต่านะ” หญิงสาวแกล้งดักคอ
ลูกเป็ด ลูกเต่าเหรอ!
เขาชาติกำเนิดสูงส่ง ใครจะยอมเป็นลูกเป็ด ลูกเต่าเล่า
“ชิ อยากจะเอาไปทำอะไรก็เชิญเลย”
“ดี! เช่นนั้นข้าไปล่ะ” บอกแค่นั้นหญิงสาวก็รีบลุกขึ้นทันที แต่นางก็ไปไหนไม่ได้เพราะถูกคนผู้นี้ดึงชายเสื้อเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน เจ้าจะไปไหน?”
ชิงชิงยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางโยนหยกในมือเล่น “ถามได้ข้าก็จะออกไปหาซื้อของกินอร่อย ๆ น่ะสิ ท่านกินอาหารในส่วนของข้าจนหมด ข้าหิวจนแสบไส้ไปหมดแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้นเอี้ยนถงจำต้องปล่อยมืออย่างอ่อนอกอ่อนใจ พอร่างบางวิ่งออกไปจากบ้านแล้วเขาก็พ่นลมหายใจออกมาทางปาก
เกิดมาไม่เคยพบเจอสตรีนางไหนที่โง่เง่าเท่ากับเจ้าขอทานน้อยมาก่อนเลย นางคงไม่รู้ล่ะสิว่าหยกที่เขามอบให้นั้น มูลค่าของมันสามารถซื้อได้แม้แต่ชีวิตคน!
แม้จะขุ่นใจที่เจ้าขอทานน้อยมองไม่เห็นคุณค่าน้ำใจที่เขาอยากตอบแทน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเขาตั้งใจยกหยกประจำตัวให้กับนางไปแล้ว นางจะเอาไปใช้ทำอะไรเขาก็คงต้องปล่อย
เอาไว้กลับไปถึงวังบูรพาก่อนเขาจะให้คนสืบหาหยกชิ้นนี้แล้วค่อยซื้อกลับมาก็แล้วกัน เขาเองไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณติดค้างหนี้ชีวิตใคร ดังนั้นตอบแทนได้เขาก็ยินดีที่จะตอบแทนทันที
เอี้ยนถงเดินกลับมานั่งที่เก่าแล้วเขาก็ต้องกัดฟันกรอด ๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้ แม้บาดแผลภายนอกจะดีขึ้นมาก แผลผสาน ไม่บวมแดงอักเสบเหมือนวันแรก ๆ แต่แผลข้างในก็ยังไม่หายดี ซึ่งตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาถึงกับนอนซมพิษไข้ชนิดไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง แม้แต่จะขยับตัวลุกนั่ง เขายังทำไม่ได้
ตอนที่ไข้สูงเขาอยู่ในสภาวะสะลึมสะลือ หลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่หลายครา แต่เขาก็พอจำได้ว่าเจ้าขอทานน้อยนั่นทำอะไรกับเขาบ้าง จริงอยู่เขารู้เจตนาของนาง ว่านางพยายามช่วยชีวิตเขา แต่เขาก็ไม่เคยเจอใครที่ดูแลผู้ป่วยด้วยวิธีนั้น
นางตบหน้าเขาหลายครั้ง ทั้งยังบีบปากแล้วเอายาขมมากรอกใส่ปากให้เขากิน พอเขาสำลักยาแทนที่นางจะหยุด แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น นางเปลี่ยนเป็นใช้ช้อนงัดปากแล้วบังคับให้เขากินยาขมจนหมดถ้วย
แล้วดูเถอะ นางไม่รู้อะไรเลยว่ายานั้นขมแสนขม อีกทั้งก็ร้อนจนทำให้ลิ้นของเขาแทบพองตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองคงตายเพราะถูกนางจับกรอกยา แต่เขาคงดวงแข็งจึงรอดชีวิตมาได้
พอร่างกายฟื้นฟูกลับมาถึงเจ็ดในสิบส่วนมันก็ทำให้เขาต้องมาคิดทบทวนว่าเจ้าขอทานน้อยนั้นคิดจะแก้แค้นที่เขาซัดอาวุธลับใส่นางหรือเปล่า แต่ดูแล้วนางคงไม่มีเจตนาเช่นนั้น
หากนางจะเอาคืนจริง เขาก็แค่ลูกไก่ในกำมือที่ไม่อาจโต้ตอบนางได้ อีกอย่างดูอย่างไรนางก็ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ หากนางเป็นเช่นนั้นจริง นางคงไม่ฝ่าหิมะออกไปภายนอกแล้วหอบเอายา เอาของกินมาให้เขาหรอก
หลายคืนที่เขาต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะพิษไข้ เขาก็มีนางคอยดูปรนนิบัติ แม้นางจะเป็นหมอที่ยอดแย่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา แต่ขอทานน้อยรายนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีบุญคุณของเขา ยังไงซะเขาก็ต้องหาวิธีตอบแทนนางในภายภาคหน้า
ว่าแต่... เขายังไม่รู้จักชื่อแซ่ของนางเลย
เอาเถอะรอให้นางกลับมาเขาค่อยถาม แต่ตอนนี้เขาอยากนอนพักผ่อนมากกว่า...
