บทที่ 1 สหายร่วมบ้านผีสิง (2)
“ข้า... ข้ามาหลบหิมะ” ตอบเขาไปแล้ว คนผู้นี้ก็มองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วมองจากปลายเท้าขึ้นมาบนศีรษะ เขาเอาแต่จ้องมองนาง จากนั้นเขาก็อวกเลือดออกมาคำนึง ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนพื้นดื้อ ๆ
ชิงชิงยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เพราะเป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนกระอักเลือดต่อหน้า พอตั้งสติได้นางก็เดินเข้าไปหาเขา “พี่ชาย ท่านบาดเจ็บ ให้ข้าช่วยท่านไหม?”
คนเจ็บกัดฟันข่มความเจ็บไว้ แล้วเขาก็มองหญิงสาวตัวน้อยหน้าตามอมแมมอีกครั้ง
“ไม่ต้อง!” น้ำเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งยโสเสียเหลือเกิน
“หากไม่รีบห้ามเลือด ท่านอาจเป็นผีเฝ้าบ้านร้างก็ได้นะ” พูดออกไปแล้วชิงชิงก็เม้มปากเป็นเส้นตรง แล้วหันไปยิ้มเฝื่อนให้เขา “ข้าหมายความว่า ท่านเสียเลือดมาก มันอันตรายมาก”
“เจ้าเย็บแผลเป็นไหม?” อยู่ ๆ เขาก็ถามนางด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบกว่าเมื่อครู่
เย็บแผลหรือ... หญิงสาวหน้าเจื่อนสี นางไม่เคยทำสักครั้ง อย่างมากก็แค่ทำแผลและใส่ยา
“ข้า... ข้าทำไม่เป็น ข้าไม่เคยเย็บแผลมาก่อน”
“เช่นนั้นก็ไสหัวไปซะ!”
ชิงชิงยืนทำตาปริบ ๆ เมื่อถูกอีกฝ่ายตวาดใส่ ในเมื่อถูกเขาไล่ นางก็ไม่คิดอยู่ร่วมห้องเพื่อเกะกะสายตาใคร บ้านร้างออกจะหลังใหญ่โต ไม่ได้อยู่ห้องนี้นางหลบไปอยู่ที่ห้องสมุดก็ได้
ก่อนไปหญิงสาวได้มองผ้าห่มที่นางวางทิ้งไว้ แม้อยากจะหยิบติดไม้ติดมือไปด้วย แต่นางก็ไม่ชอบสายตาของคนผู้นี้เอาเสียเลย เหมือนเขาจ้องจะจับนางกินอย่างไงอย่างงั้น ดังนั้นชิงชิงจึงจำต้องเดินออกไปมือเปล่า จนรุ่งเช้าความหิวก็ทำให้ชิงชิงไม่อาจอยู่เฉยได้อีก นางออกจากห้องสมุดเพื่อมาหาห่อผ้าที่มีเสบียงอาหาร
พอย้อนกลับมาที่ห้องเดิมชิงชิงก็เห็นว่าเตาอั้งโล่ที่ถูกจุดไว้เมื่อคืนมอดดับไปแล้ว ไม่มีความอบอุ่นใดเหลือทิ้งไว้... ส่วนชายแปลกหน้าขี้โมโหเมื่อคืนนั้นยังนอนขดตัวอยู่บนพื้น
เพราะไม่อยากทำให้เขาตื่นขึ้นมาซัดอาวุธลับใส่ชิงชิงจึงค่อย ๆ ย่องไปที่ห่อผ้าเพื่อหาเสบียงอาหาร ทว่าอาหารที่นางเตรียมมานั้นก็ยุบไปเยอะ
ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเป็นฝีมือใครที่ลักขโมยอาหารของนางไปกิน!
ชิชะ หน้าตาก็ดี ไม่น่ามีนิสัยขี้ขโมยเลย
ชิงชิงหันมาค้อนคมใส่คนผู้นี้ด้วยความไม่พอใจ ทว่านางก็เห็นเขานอนตัวสั่นซ้ำยังส่งเสียงครางออกมาน้อย ๆ เขานอนขดตัวเหมือนเด็กน้อย ผิวแก้มที่ขาวสะอาดเปลี่ยนเป็นสีชมพู
หญิงสาวมองเขาอยู่อึดใจ ตอนแรกตั้งใจจะเดินหนีทำเป็นไม่สนใจ แต่เมื่อเห็นเขานอนสั่น ส่งเสียงครางออกมาอีก นางก็ไม่อาจใจร้ายได้ลง
พอไปใกล้เขาแล้วยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากของเขา นางก็รู้สึกเหมือนได้สัมผัสถูกหม้อไฟที่ตั้งอยู่บนเตาไม่มีผิด ตัวของคนผู้นี้ร้อนจี๋ด้วยพิษไข้
“นี่... พี่ชาย” ครั้นสะกิดเรียกเพื่อปลุกให้เขาตื่น คนผู้นี้ก็ไม่ตอบสนองนางแต่อย่างใด ยิ่งได้เห็นเขาเอาแต่นอนจับสั่นนางก็อดสงสารไม่ได้ คิดว่าเขาคงได้รับบาดเจ็บ และแผลที่หัวไหล่คงจะอักเสบ
เมื่อเป็นเช่นนั้นชิงชิงก็รีบหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้คนป่วยเพื่อลดความร้อนในร่างกายเป็นอันดับแรก น้ำในบ่อค่อนข้างเย็น เย็นราวกับน้ำแข็งละลาย พอเอาผ้ามาเช็ดที่หน้าผากคนป่วยเขาก็ถึงกับผวาเฮือกแล้วครางออกมาเบา ๆ
“อดทนหน่อยสิ เช็ดตัวสักนิด ไข้จะได้ลง” บอกกับเขาแล้วชิงชิงก็จัดการเช็ดตัวให้เขา
นางรู้ว่าหญิงชายอยู่ใกล้ชิดกันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่นางก็ไม่ใส่ใจเรื่องนี้ ชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญ และนางก็ยินดีช่วยเขา
ไม่ ๆ นางไม่ใช่คนดี ที่นางช่วยเขาเพราะไม่อยากให้บ้านร้างหลังนี้มีผีเพิ่มขึ้นมาอีก เจ้าของบ้านคนเก่าอาจจะยินดีให้นางอยู่หลบภัย จึงไม่ปรากฏตัวมาหลอกหลอน
แต่กับคนผู้นี้นางมั่นใจว่าหากเขาตายกลายเป็นวิญญาณ เขาต้องไล่นางออกจากบ้านหลังนี้เป็นแน่ขนาดตอนมีชีวิตเขายังไล่นางออกจากบ้านร้างหลังนี้เลย ทั้ง ๆ ที่บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของเขา และนางก็มาหลบพายุที่บ้านหลังนี้ก่อน
พอแก้เชือกผูกเสื้อออกชิงชิงก็ถึงกับชะงักมือ คนผู้นี้ผิวกายขาวยิ่งนัก ร่างกายของเขาก็กำยำแข็งแกร่ง สมเป็นชายชาตรี นางไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่รูปโฉมของเขาช่างหล่อเหลายิ่งนัก
ไม่ได้ ๆ นางจะมาชื่นชมเรือนร่างเขาไม่ได้! หญิงสาวส่ายหน้าไล่ความฟุ้งซ่านออกไป แล้วพุ่งสายตามาที่บาดแผลตรงบริเวณหัวไหล่ นางเห็นว่าแผลกำลังบวมแดง และยังมีเลือดซึมออกมา นอกจากนี้ยังมีรอยเย็บด้วยเส้นผมแบบหยาบ ๆ ไว้
