บทที่ 1 สหายร่วมบ้านผีสิง (1)
พอสำรวจบ้านจนทั่วและไม่พบอะไรที่น่ากลัวอย่างข่าวลือ ชิงชิงก็นำอาหารที่เตรียมมารับประทานไปพลาง ๆ อิ่มท้องแล้วนางก็ออกไปตักน้ำที่บ่อน้ำมาต้มดื่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น รวมทั้งเริ่มต้นเก็บทำความสะอาดบ้านให้น่าอยู่ขึ้น
นางไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าหิมะจะตกอีกกี่วัน ดังนั้นการจัดการทำความสะอาดที่ซุกหัวนอนคือสิ่งที่ดีที่สุด
หลังจากทำความสะอาดในส่วนที่พักเสร็จ ชิงชิงก็ทำกับดักไว้หน้าประตูบ้าน เผื่อมีใครเข้ามาในบ้านนางจะได้หาที่ซ่อนตัวได้ทัน ซึ่งช่วงบ่ายหญิงสาวใช้เวลาหมดไปกับการสำรวจบ้านอีกครั้ง
จากการค้นตู้ใส่เสื้อผ้านางพบเสื้อผ้าสวย ๆ หลายชุด แม้ชุดนั้นจะเหม็นอับเพราะถูกเก็บเอาไว้นาน แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหา
เลือกชุดที่รัดกุมและเหมาะกับตัวเองได้แล้วนางก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที จากนั้นนางก็เข้าไปสำรวจในห้องหนังสือ มีตำราหลายเล่มตกอยู่บนพื้น แต่บางส่วนก็ยังเรียงเป็นระเบียบอยู่บนชั้น ถึงอย่างนั้นก็มีฝุ่นจับหนาเตอะไม่ต่างจากห้องอื่น
เมื่อได้ตำราเล่มที่ถูกใจนางก็กลับมายังห้องเดิมแล้วใช้เวลาอยู่กับการอ่านตำราไปเงียบ ๆ จนผล็อยหลับไปอีกครั้ง แล้วชิงชิงก็สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงประตูกระแทกเข้าหากันดังปึงปัง
ดวงตาคู่สวยเบิ่งกว้าง และตื่นตระหนกกับเสียงที่ได้ยิน บรรยากาศรอบตัวกลับมามืดสลัวอีกครา ไม่เสียเวลาออกไปดูว่าใครมา หญิงสาวก็รีบหาที่หลบซ่อนตัวทันที
หลบซ่อนตัวอยู่ในซอกข้างตูหนังสือจนความมืดคืบคลานมากลืนกินทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบกาย ความเงียบสงบบังเกิดจนได้ยินเสียงลมนอกบ้านร้าง ชิงชิงจึงยอมออกจากที่ซ่อนตัว
นางไม่อาจขดตัวอยู่ในที่แคบได้อีกต่อไป เพราะนางทั้งเมื่อยขบซ้ำยังเป็นเหน็บชา พอลุกขึ้นยืนสะบัดแขนสะบัดขาเพื่อให้เลือดลมเดินสะดวกแล้วหญิงสาวก็วาดสายตาไปรอบกาย
ดวงตาคู่งามแฝงฝังความหวาดระแวงกวาดมองไปรอบทิศทาง แต่นางก็ไม่พบกับความผิดปกติใด ๆ ภายในบ้านยังเงียบสงบเหมือนว่านางเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงผู้เดียว
ความเงียบทำให้นางได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง และรวมถึงเสียงฝีเท้าที่ย่ำลงบนพื้น แต่พอเดินกลับมายังห้องเดิมที่นางได้จัดการทำความสะอาดเอาไว้แล้วนั้น ชิงชิงก็พบแสงสว่างจากเตาอั้งโล่
เพียงเท่านั้นหัวใจดวงน้อยก็กระตุกวูบ ความกลัวเข้ามาเกาะกุมหัวใจอีกคราเพราะเกรงว่าผู้ที่เข้ามาในบ้านจะเป็นคนของหอบุปผาสวรรค์
แม้จะกลัวแต่นางก็ยังทำใจกล้าด้วยการค่อย ๆ ชะโงกหน้าไปดู นอกจากแสงสว่างจากเตาไฟแล้วยังมีใครบางคนนั่งอยู่
นางไม่เห็นหน้าเพราะคนผู้นี้นั่งหันหลังให้ นางรู้แค่ว่าคนผู้นี้ตัวโตและไหล่กว้าง ดูก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ชาย เห็นแค่ข้างหลังนางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอีก เขาอาจจะเป็นคนของฮุ่ยเหนียงก็เป็นได้
ชิงชิงตั้งใจกลับไปหลบซ่อนตัวในห้องสมุดตามเดิม ทว่าเพราะความรีบร้อนนางก็ถอยหลังไปชนประตูจนเกิดเสียงดัง จังหวะนั้นคนผู้นั้นที่หันกลับมาก็ซัดอาวุธลับใส่นางทันที!
“ว้าย!” หวีดร้องด้วยความตกใจ นางหงายท้องก้นจ้ำเบ้าก้นกระแทกพื้น อาวุธลับที่คนผู้นี้ปล่อยออกมาจึงพลาดปักเสื้อนางไว้บนพื้น
“นั่นใคร?!” เสียงตวาดทรงอำนาจจากชายปริศนายิ่งเพิ่มความกลัวให้กับชิงชิง
หญิงสาวตั้งใจจะลุกหนี ทว่าเสื้อของนางก็ถูกอาวุธลับของเขายึดไว้ พอกระตุกชายเสื้อที่ติดกับพื้นออกได้ก็กลายเป็นว่าคนผู้นี้ได้เข้าถึงตัวนางแล้ว
“เจ้าเป็นใคร?!”
ความกลัวทำให้ชิงชิงพูดอะไรไม่ออก ดวงตาคู่สวยได้แต่จ้องมองชายตัวโตด้วยความหวาดกลัว แล้วนางก็ถูกลากตัวมายังกลางห้องที่มีเตาไฟส่องสว่าง
แม้จะพยายามขัดขืนแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของนางก็ไม่อาจทัดทานกำลังของคนผู้นี้ได้ สุดท้ายนางก็ถูกคนผู้นี้หิ้วตัวมาโยนไว้กลางห้อง
“โอ๊ย! เจ็บนะ” ชิงชิงโวยวายพร้อมสะบัดแขนออก จากนั้นนางก็ขยับเสื้อให้เข้าที่แล้วมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เป็นมิตร พอเห็นเสื้อของอีกฝ่ายชุ่มไปด้วยโลหิตนางก็ชะงักไป กลิ่นคาวเลือดยังสดใหม่ มันโชยกลิ่นมาจากคนผู้นี้
พอนางมองหน้าเขา ก็ได้พบกับสีหน้าดุดัน สายตาที่จ้องมองมาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ดูเหมือนเขาพร้อมจะขย้ำนางในทันทีด้วยซ้ำ
“เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ที่บ้านหลังนี้?”
ชิงชิงอึกอักเอาแต่จ้องหน้าคนถาม แล้วนางก็ส่ายหน้า ตอบไม่ได้! ขืนนางพูดไปเขาอาจจะส่งนางให้กับหอบุปผาสวรรค์
“ข้าถาม ตอบมา!!”
หญิงสาวถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกเขาตวาด สิ่งเดียวที่นางทำได้คือถอยหลังหนี แต่เขาก็ก้าวตามมาพร้อมเอามือกดบาดแผลไว้ ซ้ำยังกัดฟันกรอด ๆ เพื่อข่มความเจ็บ แต่สายตายังจ้องนางตาไม่กะพริบ
