คนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม
ข่าวการเข้ารับตำแหน่งรองประธานบริษัทของคริณกลายเป็นที่ฮือฮาเพียงชั่วข้ามคืน เขาเป็นถึงทายาทรุ่นที่สามตระกูลวิจิตจินดาเป็นลูกชายคนเดียวของอาทิตย์ นักธุรกิจมหาเศรษฐีและวาลิน อดีตนักแสดงชื่อดัง
"เห็นข่าวหรือยังนับ" ตะวันรีบมาบอกข่าวกับนับดาว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าไป
"เห็นตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วค่ะ" นับดาวยิ้มอย่างมีความสุขราวกับได้รับตำแหน่งเสียเอง
"ว่าแล้วว่านับต้องเห็นข่าวก่อนพี่"
"คิกๆ ก็นับเป็นแฟนตัวยงของบ้านวิจิตจินดานี่คะ" นับดาวทำแกล้งแซว ครอบครัวของเธอสนิทกับตระกูลวิจิตจินดาและพานิชหัสดีมานานไม่แปลกที่เธอจะรู้เรื่องของพวกเขาได้ดีกว่าใคร
"แล้วไม่ไปแสดงความยินดีกับพี่คริณหรือไง" ตะวันเอ่ยถามเมื่อยังเห็นนับดาวไม่ได้เตรียมตัวที่จะไปหาคริณ
"ไม่ไปดีกว่าค่ะ เวลานี้เขาคงกำลังวุ่นกับงาน ไหนจะต้องตอบคำถามสื่ออีกค่ะ" นับดาวหันไปมองทีวีที่กำลังฉายภาพของคริณ
"คุณธิชา.." นับดาวเพ่งมองไปยังข่าวที่ขึ้นรูปของเขาพร้อมกับบทสัมภาษณ์จากนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง แต่สายตาของเธอพลันเห็นหญิงสาวอีกคนที่ยืนไม่ห่างกายเขาโดยที่แม้แต่เธอก็ยังทำแบบนั้นไม่ได้
'คุณคริณพร้อมที่จะรับตำแหน่งประธานใหญ่หรือยังคะ' เสียงนักข่าวเอ่ยถามคำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน
'คงอีกนานครับ ผมยังต้องเรียนรู้งานอีกเยอะ ตำแหน่งประธานบริษัทยังคงเป็นของคุณพ่ออยู่ครับ' คริณตอบคำถามสื่อมวลชนที่ประดังคำถามเข้ามา ถึงจะไม่ใช่ดาราแต่ตระกูลของเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงทำให้มีคนสนใจอยากรู้
'แล้วผู้หญิงที่ยืนข้างๆ ท่านนี้ไม่ทราบว่าเป็นหวานใจของคุณคริณหรือเปล่าคะ' นักข่าวยังคงถามในเรื่องไม่เป็นเรื่องแถมยังพาดพิงไปถึงธิชาที่ยืนอยู่ไม่ไกล
'เธอเป็นเลขาของผมครับ รบกวนอย่าให้ข่าวผิดๆ เดี๋ยวจะเกิดการเข้าใจผิดนะครับ' คริณตอบอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่อยากให้ธิชาเสียชื่อเสียงเพราะเขากับเธอเป็นแค่เพื่อนกันในตอนนี้ ส่วนในอนาคตนั้นก็ยังไม่แน่ว่าจะได้สานสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนหรือเปล่า
"เขาดูเหมาะสมกันจังเลยค่ะ" คนที่ยิ้มร่าก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว นับดาวหน้าซึมทันควันหลังจากได้ฟังสัมภาษณ์ของคริณ เขาดูปกป้องธิชามากจนเธอได้แต่แอบอิจฉาในใจ
"นับก็ได้ยินนี่ว่าพี่คริณบอกเองว่าคุณธิชาเป็นแค่เลขา"
"ค่ะ เลขาที่อยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลา แล้วอย่างนับจะเอาอะไรไปสู้กันคะ" นับดาวมองดอกไม้ที่กำลังทำอยู่ในมือ เธอก็แค่เจ้าของร้านดอกไม้เล็กๆ ที่ไม่มีความรู้เรื่องงานธุรกิจเลยคงช่วยเหลือเขาไม่ได้สักเรื่อง
"บอกแล้วไงว่านับไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใครยังไงพี่คริณก็ต้องเลือกนับ"
"นับไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะไม่ต้องปลอบใจนับหรอกค่ะ ถ้าพี่คริณจะไม่เลือกนับมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาค่ะ" นับดาวเริ่มทำใจในคำสัญญาวัยเด็กที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ ชีวิตจริงไม่ใช่ละครหรือนิยายที่พระเอกสัญญากับนางเอกแล้วจะจบแบบสมบูรณ์
รองประธานคนใหม่เริ่มต้นทำงานตั้งแต่วันแรกด้วยการใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาตลอดหลายปีอย่างเต็มที่ เขาจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องหม่นหมอง
"โอ๊ย ไอ้ส้นสูงนี่ก็กัดชะมัด" เสียงหวานบ่นอุบอิบเบาๆ ที่รองเท้าส้นสูงคู่ใหม่กัดข้อเท้าเธอจนแสบ
"เหนื่อยไหมต้องคอยตามฉันทั้งวัน" คริณทรุดนั่งกับพื้นพร้อมกับจับเท้าของอีกคนขึ้นมาดูอย่างไม่นึกรังเกียจ
"ทำอะไรของนาย ลุกขึ้นคริณ" ธิชารีบจับให้เขาลุกขึ้นเพราะกลัวคนอื่นจะมองไม่ดี
"ก็เห็นบ่นรองเท้ากัด"
"แค่รองเท้ากัดไม่เป็นไรหรอก แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ" ธิชาเอ่ยเตือนเขาเพราะไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าที่เธอได้มาทำงานเป็นเลขาเพราะใช้เต้าไต่ขึ้นมา
"ก็ได้ๆ" คริณตกปากรับคำด้วยความจำยอมโดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของหญิงสาวอีกคนที่ตั้งใจมาแสดงความยินดีกับเขา
"อ้าว นั่นน้องนับดาวใช่ไหมคะ" ธิชาจำนับดาวได้แม้จะเจอกันแค่ครั้งเดียวที่สนามบินเมื่อสามวันก่อน
"นับดาว" คริณขมวดคิ้วก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าคือนับดาว ลูกสาวของเพื่อนแม่ที่เคยเล่นด้วยกันสมัยเด็กๆ
"นับมาแสดงความยินดีกับพี่คริณค่ะ" นับดาวส่งตะกร้าดอกไม้ที่ถูกจัดด้วยความประณีตให้เขา คริณไม่ยอมรับเพราะมัวแต่เหม่อมองคนตัวเล็กตรงหน้าจนตาไม่กะพริบ
"คริณ รับดอกไม้จากน้องนับสิ" ธิชาสะกิดเบาๆ เมื่อเห็นเขามัวแต่ยืนเหม่อ
"อ๋อ ขอบคุณนะ"
"ค่ะ ยินดีด้วยนะคะพี่คริณ" นับดาวยิ้มบางๆ ให้เขาด้วยความจริงใจ ในใจภาวนาให้เขาจำคำสัญญาวัยเด็กได้แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น
"ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สวยขึ้นหรือเปล่าเนี่ย" คำทักทายของเขาผิดคาดไปจากที่เธอคิด คริณคนเดิมที่เธอรู้จักหายไปไหนกัน
"ขอบคุณนะคะ พี่คริณก็เปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะ" ที่เปลี่ยนหมายถึงสายตาแพรวพราวเจ้าชู้ของเขาที่เมื่อก่อนไม่เคยมีแบบนี้
"เดี๋ยวฉันเอาของไปเก็บให้นะคะ" ธิชาแย่งดอกไม้ในมือคริณ แล้วเดินจากไปปล่อยให้ทั้งสองคนได้คุยกัน
"เย็นนี้ว่างหรือเปล่านับดาว" ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มมีเลศนัย
"ว่างนะคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ" ร่างบางขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย
"เราไม่ได้เจอกันตั้งนานไปกินข้าวกับพี่สักมื้อไหม วันก่อนนับก็ไม่ได้ไป" คริณส่งสายตาแพรวพราวให้เธอตามแบบฉบับผู้ชายเจ้าชู้
"คะ ชวนนับเหรอคะ" นับดาวชี้นิ้วเข้าหาตัวเองถามย้ำเขาให้แน่ใจ
"อืม ไปไหม" คริณถามเธออีกครั้งพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอน
"กะ..ก็ได้ค่ะ" เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะเอ่ยปากชวนด้วยตนเอง หญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความดีใจจนลืมสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ไปจนหมด
"ถ้างั้นเย็นนี้เจอกันนะ เดี๋ยวพี่ไปรับที่บ้าน" ชายหนุ่มขยิบตาให้เธอหนึ่งทีก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้เพียงความอึ้งตะลึงงันที่เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อน
"เรื่องจริงเหรอเนี่ย พี่คริณชวนเราไปกินข้าว" สองมือเล็กตบที่แก้มตัวเองเบาๆ เช็กว่าตอนนี้ฝันอยู่หรือเปล่า
คริณแอบลอบมองท่าทีของนับดาวแล้วแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับหมาป่าจ้องขย้ำกวางน้อย เขาได้เจอเหยื่อที่จะทำเขาพอใจชั่วคราวแล้ว
