บท
ตั้งค่า

บทที่ 3-1

อากาศยามเช้าเย็นสบายสายลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกสบายจนแทบไม่อยากลืมตา แต่ก่อนที่จะได้อิ่มเอมกับความสุขตามที่หวังเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นเสียก่อน เมธาวีสะดุ้งรีบลุกจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำทันที หญิงสาวใช้เวลาไม่นานก็พร้อมที่จะไปจัดการกับภารกิจสำคัญในเช้านี้แล้ว

“คุณวี กินข้าวก่อนไหมคะ” เสียงนางแช่ม หญิงวัยกลางคนที่ทำหน้าที่ดูแลบ้านเงยหน้าขึ้นมาถาม เมื่อเมธาวีกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากชั้นบน

“ไม่ทันแล้วค่ะ ป้าแช่ม วีนัดครูป้อมไว้ก่อนเคารพธงชาติ ขออันนี้ก็พอค่ะ” ว่าแล้วเมธาวีก็เด็ดกล้วยน้ำว้าสองใบติดมือไปพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งขวด

“แล้วจะกลับมากินข้าวกลางวันไหมคะ” นางแช่มตะโกนถาม

“มาค่า” เมธาวีขานกลับมาแล้วรีบขี่จักรยานไปให้ทันเวลานัดทันที

ใกล้เที่ยง

เมธาวีขี่จักรยานคู่ใจกลับมาที่บ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ความคืบหน้าของสิ่งที่เธอไปดูมาเป็นไปได้ดีตามที่ตั้งใจไว้ คาดว่าใช้เวลาอีกสักเดือนทุกอย่างก็คงจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งนั้นก็หมายความว่าภารกิจที่ตั้งใจไว้จะสำเร็จอีกหนึ่งสิ่ง

“ป้าแช่ม มีอะไรกินบ้างคะ” หญิงสาวเรียกหาหญิงวัยกลางคนเหมือนเคย

ป้าแช่มหรือนางแช่ม หญิงวัยกลางคนที่เมธาวีเห็นตั้งแต่ลืมตามาดูโลกเลยก็ว่าได้ นางแช่มเป็นคนสนิทของคุณย่า แม้ว่าวันนี้คุณย่าจะไม่อยู่แล้วแต่นางก็สมัครใจที่จะอยู่ดูแลรับคุณวีต่อตามคำสั่งเสียของผู้ที่จากไป

“คุณวี กลับมาแล้วเหรอคะ” นางแช่มเดินยิ้มออกมาจากครัว

“ร้อนค่ะ เดี๋ยววีไปอาบน้ำก่อน ป้าแช่มมีอะไรให้กินบ้างคะ” เมธาวียิ้มประจบ

“วันนี้ทำราดหน้าให้กินค่ะ”

“โห อย่างนี้ต้องกินสักสองจานชดเชยกับที่เมื่อเช้าทำกับข้าวป้าแช่มเป็นหมัน วีไปอาบน้ำแป๊ปนะคะเดี๋ยวลงมา” ว่าแล้วเมธาวีก็รีบวิ่งขึ้นข้างบนไปอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวค่ะ คุณวี” นางแช่มร้องเรียกไม่ทันเสียแล้ว ไม่ได้บอกเลยว่าระหว่างที่เมธาวีไม่อยู่ที่บ้าน เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่แล้วสักพักเมื่อได้ยินเสียงร้องเอะอะจากด้านบน นางก็ได้แต่ส่ายหน้าเดินเข้าครัวไปทำงานต่อ ไม่รู้ว่าจะขึ้นไปช่วยอธิบายอย่างไร ผัวเมียคุยกันเองก็แล้วกัน

วันนี้อากาศร้อนมากเมธาวีรู้ว่าอาหารกลางวันเป็นของโปรดที่ตนเองชอบ จึงรีบวิ่งขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว เพื่อจะลงไปกินข้าวแล้วอาจจะนั่งพักอ่านหนังสือหรืองีบสักประเดี๋ยว แล้วช่วงบ่ายตั้งใจว่าจะลุกขึ้นมาทำอย่างอื่นที่ตั้งใจต่อ

หญิงสาววิ่งเข้าไปที่ฉากกั้นฉวยผ้าขนหนูผืนเล็กและผลัดผ้าถุงสีบานเย็นเตรียมตัวจะเข้าห้องน้ำ เมธาวีเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกเสื้อผ้าเหมือนเช่นที่เคยทำ แต่แล้วเมื่อส่องกระจกในตู้ที่เปิดออก เพียงแค่นั้นเธอก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า ‘พรต’ นอนยิ้มอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียงนอน

เขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร เข้ามาในห้องนอนเธอตอนไหน แล้วเห็นอะไรบ้าง แต่ก่อนที่พรตจะพูดอะไรคำแรก เมธาวีก็รีบเอาผ้าขนหนูคลุมไหล่มิดชิดแล้วหันมาจัดการกับคนที่นอนยิ้มสบายอารมณ์ทันที

“คุณเข้ามาในห้องฉันตั้งแต่เมื่อไร” เมธาวีถามสีหน้าขึงขัง แต่สายตาที่พรตมองมาในเวลานี้ทำให้เธอแทบไม่กล้าขยับตัวเลยสักนิด ยิ่งคิดว่าเมื่อครู่ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าและตอนนี้ที่ใต้ผ้าถุงผืนนี้ ไม่มีอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

“เข้ามาทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

ให้ตายเถอะ ทำไมจะต้องรู้สึกหวั่นไหวกับสายตาที่พรตมองมาในตอนนี้ด้วย เธอควรโกรธที่เขาละลาบละล้วงเข้ามาในห้องส่วนตัว ถือวิสาสะมานั่งมานอนบนที่นอนโดยไม่ขออนุญาตหรือบอกกล่าวเจ้าของห้องก่อน ไม่แค่นั้นเขายังมาแอบดูหรือตั้งใจดูการทำธุระส่วนตัวอีก แบบนี้มันต้องเล่นงานกลับหรือต่อว่าเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ว่า...

ในความเป็นจริงนั้นเมธาวีทำได้แค่พูดเสียงแข็งใส่ และไล่เขาออกไปจากห้องโดยไม่โวยวายหรือหาทางให้พรตออกไปโดยเร็ว ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะสายตาเขา รอยยิ้มที่มุมปากนั่น ไม่ได้หล่อปานเทพบุตรอะไรหรอกนะ แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเนื้อตัวที่อยู่ใต้ผ้าถุงสีหวานผืนบางนี้ด้วยแล้ว มันคล้ายกับจะมีอาการขนลุกเบาๆ และร้อนๆ หนาวๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมธาวีไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ว่าเป็นอะไร หรือเพราะวันนี้อากาศร้อนมากจนเธอจะเป็นไข้

“เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน” น้ำเสียงเมธาวีเบาลง เธอพยายามรักษาระดับน้ำเสียงให้เป็นปกติ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกาย

“มานอนรอเป็นชั่วโมงแล้ว” พรตตอบคำแรกพร้อมลุกขึ้นจากเตียงนอน ท่าทางเขาคงจะมานานแล้วจริงๆ เพราะรอยยับบนเตียงบ่งบอกให้รู้ว่าพ่อเจ้าประคุณ ‘มานาน’ มาแล้ว

“แล้วทำไมไม่ส่งเสียงตอน เอ่อ ตอนที่ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณออกไปจากห้องนี้ก่อนมีอะไรค่อยคุยกันทีหลังดีกว่า” เมธาวีไม่อยากเห็นสายตาระยิบระยับคู่นั้นแล้ว ไอ้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก เมื่อไรจะเลิกยิ้มเสียที เห็นแล้วมันใจสั่นมือไม้อ่อนไปหมด

“ก็คุณเข้ามาตอนไหน ผมลืมตามาก็เห็นคุณอยู่หลังฉากนั้นแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไร เห็นคุณเดินนุ่งกระโจมอกออกมาถึงได้รู้ว่าเป็นที่เปลี่ยนเสื้อผ้า” ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉย

แม้จะฟังแล้วโล่งอกลงบ้าง แต่เมธาวีก็ยังรู้สึกไม่ดีที่มีเขาอยู่ด้วยในห้องในสภาพแบบนี้ เธอขอร้องให้พรตออกไปรอข้างล่างก่อนสักพัก

“นั่นอะไร” หญิงสาวเหลือบไปเห็นกระเป๋าเดินทางใบย่อม และเห็นกระเป๋าโน๊ตบุ๊ควางอยู่บนโต๊ะหนังสือของตนด้วย

“ของผม” เขาพูดสั้นๆ แล้วก้าวเท้าเดินออกไปตามคำขอ พรตเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอายที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย

“เดี๋ยว คุณเอามาทำไม” เธอรีบถามด้วยความอยากรู้

“จะให้พูดตอนนี้ หรือจะคุยทีเดียวในสภาพที่พร้อม หรือว่าเปลี่ยนใจคุยกับผมในชุดนุ่งลมห่มฟ้านี้แล้ว ก็ได้นะ ผมคุยได้ทุกชุดหรือจะให้ผมอยู่ในสภาพเดียวกับคุณ ก็ไม่ว่านะ” พรตยิ้มอย่างผู้ชนะ แต่คนฟังอย่างเมธาวีหน้าแดงก่ำ

“ไอ้บ้า ไอ้คนลามก โรคจิต ออกไปเลยนะ” เธออยากจะหาอะไรเขวี้ยงเพื่อระบายอารมณ์สักหน่อย แต่ติดตรงที่ไม่มีอะไรอยู่ใกล้และคนก่อเรื่องเดินหัวเราะออกไปจากห้องแล้วน่ะซิ

เมธาวีหนอ เมธาวี จะมีเรื่องซวยอะไรอีก พรตถึงได้ตามมารังควานถึงที่นี่...

เมธาวีรีบอาบน้ำแต่งตัวลงมาข้างล่าง รู้สึกหิวจนตาลายเพราะเวลานี้บ่ายกว่าแล้ว แต่เห็นหน้าคนยียวนกวนประสาทอย่างพรต ที่นั่งกินราดหน้าอย่างสบายอารมณ์แล้วก็แทบจะหมดอารมณ์

“กินข้าวซะ แล้วค่อยคุยกัน” ชายหนุ่มพูดสั้นๆ แล้วลุกจากโต๊ะอาหารเดินถือจานไปเก็บหน้าตาเฉย เมธาวีนับหนึ่งถึงสิบพร้อมๆ กับเสียงท้องที่ร้องครวญครางไม่หยุด

โบราณว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ดังนั้นราดหน้าในจานที่หอมฉุยยั่วยวนใจขนาดนี้จะพลาดได้อย่างไร กินก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังจะได้มีแรงรับมือคนบ้าที่ตามมาหาเรื่องถึงที่ด้วย

แผนการที่วางไว้ว่าจะทำในตอนบ่ายเป็นอันต้องยกเลิก หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เมธาวีก็เดินมาตามหาพรตที่ไปนั่งจิบกาแฟสบายใจอยู่ที่ศาลาริมน้ำ

“ตกลงคุณมาทำอะไรที่นี่ เอาใบหย่ามาด้วยหรือเปล่า” หญิงสาวถามคำแรก

“แหม ใจคอคุณอยากจะหย่ากับผมเหลือเกินนะ” ชายหนุ่มย้อนถาม

“ใช่ ถ้าเรียบร้อยแล้วก็เอามาให้ฉัน”

“ไม่ได้เอามา เรื่องการหย่าเป็นการตัดสินใจของผมไม่ใช่คุณ ผมบอกแล้วใช่ไหม คนอย่างผมไม่ใช่คนที่คุณนึกอยากจะทำอะไรก็ทำได้ง่ายๆ” พรตเอ่ยหน้าตาเฉย

“คุณนี่มัน” เมธาวีฮึดฮัดอยู่คนเดียวไม่รู้จะพูดคำไหนต่อ ทำไมนะ ทำไมเขาถึงได้ดื้อดึงและพูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้

“แล้วคุณมาทำไม” หญิงสาวถามเรื่องที่เขามาที่นี่

“มาพักร้อน”

“พักร้อน ที่บ้านฉันเนี่ยนะ” เมธาวีทำหน้างง

“ใช่ แต่จริงๆ ผมตั้งใจจะมาดูคุณมากกว่า”

“มาดูฉัน ทำไมต้องมาดูมันเกี่ยวอะไรกัน” ยิ่งฟังก็ยิ่งงงพรตมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่

“ผมอยากรู้สาเหตุของการขอหย่า” สีหน้าคนพูดยิ้มหยันเล็กน้อย

“อยากรู้ว่า ทำไมคุณถึงกล้าปฏิเสธผม” พรตก้าวเข้ามาหาเมธาวีใกล้ๆ เจ้าของบ้านสาวตกใจกับท่าทีของเขาและถอยหลังอย่างช้าๆ จนในที่สุดก็ต้องนั่งลงที่เก้าอี้ของศาลาท่าน้ำ

“ฉันไปปฏิเสธอะไรคุณ นี่เรากำลังวนเข้าเรื่องเก่าที่พูดกันไม่เข้าใจสักที ไม่ใช่ซิ เป็นคุณฝ่ายเดียวที่ไม่พยายามเข้าใจอะไรง่ายๆ แค่เซ็นใบหย่ามันยากนักหรือไง ทำไมต้องคิดอะไรมากขนาดนี้ด้วย”

“เพราะสิ่งที่คุณต้องการ มันจะทำให้ผมกลายเป็นไอ้โง่ที่ถูกผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเมียสวมเขา มีชู้ ขอหย่าเพื่อไปอยู่กับผู้ชายอื่น คุณลองคิดซิว่า ถ้าใครรู้เข้าผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” พรตตาวาวเป็นประกายก้มหน้าลงมาจนเกือบจะชิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel