บทที่ 3
“แต่พ่ออยากให้เรียน่าฝึกตั้งแต่ตอนนี้เพื่อให้ทุกคนนับน่าถือตาและเชื่อฟังในคำสั่งของลูก”
ที่จริงทุกวันนี้ลูกน้องทุกคนก็กลัวเรียน่าจนหัวหดในความโหดและเด็ดขาดพอๆ กับที่กลัวเขา แต่เขาก็อยากจะให้หล่อนได้รับการฝึกฝนตั้งแต่วันนี้ในตอนที่เขายังสามารถดูแลคุ้มครองได้เต็มที่ไม่ต้องรีบร้อนเมื่อกลายเป็นไม้ใกล้ฝั่งจนไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ก็รู้ว่าเรียน่าหัวรั้นและดื้อดึงไม่ยอมทำง่ายๆ หากเรื่องนั้นขัดใจและไม่ใช่ความต้องการของหล่อน
“แล้วยังไงคะ พ่อจะบังคับให้เรียน่าแต่งงานหรือไง”
“พ่อไม่ได้บังคับ แต่พ่ออยากจะให้ลูกเริ่มคบหาดูใจกับใครสักคนได้แล้ว”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ พ่อก็รู้ว่าเรียน่ารู้สึกยังไงแล้วทำไมต้องบังคับเรียน่าด้วยคะ”
“เรียน่าฟังพ่อนะ พ่อรู้ว่าลูกรู้สึกยังไงแต่บางสิ่งบางอย่างเราจะคอยไปจนแก่ไม่ได้ ในเมื่อเรายังมีภาระหน้าที่ที่ต้องดูแล ลูกต้องคิดถึงคนหมู่มากก่อนที่จะคิดถึงเรื่องตัวเอง”
เอนริคกุมมือลูกสาวไว้หลวมๆ เขารู้ว่าเรียน่ารู้สึกยังไงกับลูกชายของฟิเดลิโอซึ่งและไม่เคยต่อต้านเพราะชายหนุ่มก็เหมือนลูกหลานที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก แต่กาเรนถ่อมเนื้อถ่อมตัวเหมือนพ่อของเขาที่ไม่กล้าทำอะไรจึงได้แต่ปล่อยให้ทุกวันผ่านเลยไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย
“เรียน่ารู้ค่ะ แต่เรียน่าไม่เคยลืมสัญญาถึงแม้มันจะผ่านมายี่สิบสองปีแล้วก็ตามและถึงแม้จะผ่านไปอีกกี่ปีเรียน่าก็จะรอ”
“แต่เราไม่รู้อนาคตวันพรุ่งนี้นะเรียน่า หากพ่อเป็นอะไรขึ้นมาลูกจะทำยังไง”
“พ่อไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ และเพราะเราไม่รู้อนาคตไงคะเรียน่าถึงรอ รอว่าวันพรุ่งนี้เขาจะขอเรียน่าแต่งงานสักที”
ร่างบางลุกขึ้นแล้วขอตัวออกจากห้อง แต่เมื่อปิดประตูเรียบร้อยแล้วเรียน่ากลับยังไม่กลับเข้าห้องทำงานตัวเองกลับเดินไปยังประตูกระจกที่สามารถเปิดออกไปยังสวนขนาดเล็กที่จัดไว้พักผ่อนที่ระเบียงด้านนอก แล้วยืนมองหิมะที่ตกลงมาไม่ขาดสายเป็นกองอยู่บนหลังคาตึกสูงที่แทรกตัวตามตึกรามบ้านช่องที่ก่อด้วยอิฐสีน้ำตาลให้ความรู้สึกหดหู่เหมือนจิตใจที่หม่นหมองแล้วคิดถึงเรื่องที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตของเธอ
คำสัญญาที่ไม่เคยลืม เฝ้ารอคอยมาตลอดว่าวันใดวันหนึ่งจะได้ยินคำนั้นออกจากปากคนที่เธอรักมาตลอดยี่สิบหกปี ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะยังจำคำสัญญานั้นได้อยู่หรือเปล่าแต่สำหรับเธอแล้วไม่เคยที่จะลืม อากาศหนาวข้างนอกหนาวเพียงไรยังไม่เท่าความเย็นชาของคนบางคนที่ปล่อยให้เธอรออย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าน้ำแข็งที่เกาะกินใจของเขาจะละลายลงเมื่อไหร่ แต่ใจเธอกำลังร้อนเป็นไฟเพราะภาระหน้าที่กำลังบีบบังคับใจให้ต้องเดินหน้าต่อไปแล้วจะให้เธอทำยังไงในเมื่อใจมันรักแค่เขาคนเดียว
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นด้านหลัง เพราะความเป็นห่วงที่เห็นเจ้าของห้องออกมานานมากจนผิดสังเกตจึงต้องออกมาตามหาด้วยกลัวว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรเพลินๆ นะ” เรียน่าหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่ม
“จะกลับบ้านเลยไหม” กาเรนมองรอยยิ้มที่ดูฝืนมากเหลือเกินในสายตาของเขาถึงจะบอกว่าไม่มีอะไรแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
คำพูดที่เหมือนจะไม่มีอะไรแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยจนแอบดีใจขึ้นมาไม่ได้ทุกครั้งที่ได้ยิน ไม่ใช่คำพูดหวานหูแต่เป็นคำพูดที่ใส่ใจถึงความรู้สึกของเธอว่าต้องการอะไรมากกว่าจะเอาใจเพื่อเอาหน้าเหมือนลูกน้องคนอื่นๆ
“ยังค่ะ เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเรียน่าอยากทำงานเสร็จก่อนแล้วค่อยกลับ” กาเรนพยักหน้ารับ เธอจึงเดินกลับเข้าไปทำงานตามเดิมโดยมีชายหนุ่มคอยอยู่เคียงข้างตลอดเวลาเช่นเดิม
บ้านหลังใหญ่สไตล์อิตาเลี่ยนคันทรี่เด่นสะดุดตาตั้งอยู่กลางเนินเขาขนาดย่อมชานเมืองกรุงโรมคือคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลเจอร์ราโด สิ่งก่อสร้างที่กลมกลืนกับธรรมชาติงดงามและภูมิอากาศสบายๆ ของประเทศอิตาลีคือบ้านที่อบอุ่นมาตั้งแต่เกิด รอบตัวบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้คอยให้ร่มเงาและสะท้อนเปลวแดดในตอนกลางวันที่คอยแผดเผาสิ่งมีชีวิตให้ร้อนระอุ ชานระเบียงประดับด้วยเถาองุ่นที่ให้ร่มเงาและความร่มรื่นกับตัวบ้าน ฝาบ้านทำด้วยอิฐที่ทาด้วยสีขาวตัดกับหินธรรมชาติให้ความรู้สึกเรียบง่ายและอบอุ่น แต่ในฤดูหนาวอย่างนี้คงไม่สามารถมองเห็นได้มากกว่าหิมะขาวโพลนไปทั่วบริเวณเท่านั้น
