บทที่ 8 ชายผู้ฉวยโอกาส 1.1
สายของวันรุ่งขึ้น
ซ่า ซ่า ซ่า...เสียงน้ำจากฝักบัวดังอยู่ภายในห้องอาบน้ำในบ้านพักของนิสารัตน์ เจ้าของบ้านนั่งเปลือยร่างร้องไห้แข่งกับสายน้ำที่กระทบกับร่างของตน เธอกำลังใช้น้ำชะล้างคราบคาวโลกีย์ที่ติดตัวให้หลุดออก แต่ถึงคราบดังกล่าวจะเลือนหายไปจากร่างกาย ทว่าทางด้านจิตใจสายน้ำไม่ช่วยอะไรได้เลย
เธอยังจำวินาทีแรกที่เปิดเปลือกตาอันแสนหนักอึ้งได้ดี ความรู้สึกแรกคือ ปวดศีรษะและมึนหัว จนเธอต้องนอนหลับตาสักพักหนึ่งให้อาการดังกล่าวจางหาย เมื่อค่อยยังชั่วนิสารัตน์จึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ภาพแรกที่นิสารัตน์เห็นคือเพดานห้องที่ดูแปลกตา บนเพดานมีโคมไฟหรูและสวยงามติดอยู่ ซึ่งห้องนอนของเธอไม่มีโคมไฟแบบนี้เป็นเพียงไฟนีออนแบบกลมธรรมดา นิสารัตน์ยังคิดในทางที่ดีว่า ความเมาเมื่อคืนยังคงตกค้าง ส่งผลให้ดวงตาอาจจะยังพร่าเลือนมองเห็นหลอดไฟในห้องเป็นโคมไฟระย้า
แต่ทว่าความคิดนั้นของนิสารัตน์ก็เปลี่ยนไป เมื่อเธอยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วรู้สึกปวดเมื่อยตัวไปทั่วสรรพางค์กายราวกับว่าค่ำคืนที่ผ่านมา เธอใช้ร่างกายทำอะไรบางอย่าง และผ้าห่มที่ปกปิดร่างกายส่วนบนก็ลงไปกองอยู่ตรงเอวมองเห็นแพรไหมเนื้อดีรำไร และนั่นทำให้เธอรู้ว่า ร่างทั้งร่างของตนเปลือยเปล่า ชุดที่เธอสวมใส่เมื่อวานนี้ อันตธานหายไปหมด แล้วยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วสรรพางกายพอเงยหน้าขึ้นเธอก็พบกับทีวีจอใหญ่พร้อมชุดเครื่องเสียงราคาแพงตั้งว่างชิดฝาผนัง ซึ่งมองยังไงก็ไม่เหมือนกับทีวีที่บ้านของเธอ อีกทั้งการจัดวางก็ต่างกันด้วย
ในช่วงจังหวะที่นิสารัตน์กำลังตกใจกับสภาพล่อนจ้อนของตน และสถานที่ที่ไม่คุ้นตา แรงยวบของที่นอนคล้ายกับว่ามีคนพลิกตัวก็เรียกความสนใจให้กับเธอทันที ดวงหน้าสวยหันมามองที่นอนด้านข้าง
วินาทีนั้นหัวใจเธอหล่นวูบ ดวงตาสาวขยายกว้างประหนึ่งว่าภาพที่เห็นเรียกความตกใจแบบสุดขีด ปากเล็กอ้าค้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสั่นระริก มือไม้สั่นไปหมด หัวใจเต้นกระหน่ำแรงยิ่งกว่ากลองชุดเสียอีกร่างเธอชาวาบไปทั้งกาย
“ไม่จริง ไม่ใช่ มันเป็นภาพหลอน”
นิสารัตน์กระพริบตาหลายครั้ง เพราะคิดว่าตัวเองดวงตาของตนอาจจะยังพร่ามัวจากฤทธิ์ของบรั่นดีที่ตนดื่มไปเกือบหมดขวดเมื่อคืนนี้ กระพริบตาเดี๋ยวภาพนั้นก็จางหายไป แต่ทว่าภาพของชายหนุ่มเปลือยกายท่อนบนก็ยังอยู่ในสายตา ไม่ได้ลบเลือนไปเหมือนกับที่เธอคาดหวัง
โอ้...เกิดอะไรขึ้นกับเธอ มันเกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดใช่ไหม มันต้องไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น
นิสารัตน์คิดสะระตะกับตัวเอง คำถามหลายคำถามเกิดขึ้นในใจ อยากจะให้สิ่งที่ตนคิดไม่ได้เป็นความจริง แต่เธอไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาถึงไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แม้จะคาดหวังลึกๆ ว่าเธอยังไม่สูญเสียความสาวให้กับดิตถพงศ์ เพื่อนสนิทของอดีตคนรัก
ใช่...เธอหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงมันยากนักที่จะคิดเป็นทางอื่น สภาพของเธอกับดิตถพงศ์เวลานี้คิดไปในทิศทางอื่นไม่ได้เลย และที่สำคัญนิสารัตน์จำเรื่องราวเมื่อคืนไม่ได้เลย เธอจำได้เพียงว่า เข้าไปนั่งดับความทุกข์โศกที่ตนได้รับในผับเทอมินอลเธอดื่มๆ และดื่มบรั่นดีอย่างเอาเป็นเอาตาย หวังจะลืมความเสียใจทั้งหมดที่มี นิสารัตน์จำได้เพียงแค่นี้ แต่ไม่คิดว่าพอตื่นขึ้นมา ความเสียใจจะเพิ่มพูนหลายทบทวี
มือเล็กสะบัดผ้าห่มที่ปกปิดเรือนร่างของตน วาดเท้าลงไปบนพื้นหวังจะหลบออกไปจากห้องนี้ก่อนที่ดิตถพงศ์จะตื่น พลันสายตาของเธอสะดุดกับจุดเล็กๆ สีชมพูอ่อนสามสี่หยดที่ติดอยู่บนที่นอน มันยิ่งตอกย้ำมากยิ่งขึ้นว่า ความบริสุทธิ์ถูกทำลายลงด้วยเงื้อมมือของคนที่เธอรู้จักและไว้ใจเพราะเขาคือเพื่อนสนิทของอดีตคนรัก ที่มักเจอเขาบ่อยครั้งยามที่ไปไหนมาไหนกับกรกวินทร์
น้ำตาสาวพรั่งพรู ความเสียใจแน่นไปทั้งอก ขาทั้งสองข้างที่หยัดยืนสั่นสะท้าน ยืนไม่มั่นคง มือน้อยปิดปากไม่ให้เสียงสะอื้นไห้ไหลออกมาจากปาก เพราะเกรงว่าบุรุษผู้ฉวยโอกาสจะตื่นขึ้นมา เธอกลัวว่าจะทนรับความอับอายไม่ได้ ทางเดียวที่คิดได้คือ ต้องไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด มือสั่นเทาหยิบเสื้อผ้าที่เกลื่อนพื้นขึ้นมาสวมใส่ ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไปจากห้องนอนของดิตถพงศ์ ห้องพักที่สร้างตราบาปไว้กับตน
พอเหยียบย่างมาถึงบ้านของตัวเอง สิ่งแรกที่นิสารัตน์ทำคือ ชำระร่างกายให้คราบคาว คราบสัมผัสของดิตถพงศ์หลุดออกไปจากกาย ร่างเปลือยเปล่านั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ใต้สายน้ำ เธอใช้ใยบวบขัดถูตามผิวกายแรงๆ จนเกิดรอยผื่นแดงขึ้นตามตัว แต่นิสารัตน์ก็ไม่สนใจ ออกแรงขัดเพิ่มมากขึ้นตามความเสียใจที่อาบไปทั้งจิตใจและความรู้สึก
“ฮือๆ ฮือ ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ฮือ...ทำไม”
โชคชะตาฟ้าดินช่างโหดร้ายกับเธอมากเหลือเกิน เกิดมาบิดามารดาที่แท้จริงก็ทิ้งเธอให้อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ยังดีที่ว่ามีผู้ใหญ่ใจดีอุปการะเลี้ยงดู รักใคร่ไม่ต่างกับลูกในอุทร ชีวิตของนิสารัตน์สมบูรณ์ เธอมีความสุขกับครอบครัวแสนอบอุ่น ทว่าสวรรค์ก็คร่าชีวิตของพ่อแม่บุญธรรมไปจากเธอโดยไม่มีการล่ำลา แล้วยังต้องต่อกรกับเครือญาติของพ่อแม่บุญธรรมที่รุมทึ้งสมบัติจำนวนมหาศาล ถีบเธอให้ออกจากมรดกก้อนโต
ทว่าในความโชคร้ายนั้นยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เมื่อนิสารัตน์ได้พบกับกรกวินทร์ ชายหนุ่มที่จะมาสมานความทุกข์โศก และวาดความฝัน ความหวังร่วมกันว่า จะครองชีวิตคู่ไปจนแก่เฒ่า ห้วงเวลานั้นเธอมีความสุขมาก
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับนิสารัตน์แบบไม่ทันได้ตั้งตัว เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น กรกวินทร์บอกเลิกเธอด้วยเหตุผลที่เรียกน้ำตาได้มากโข เขาจะเข้าวิวาห์กับหญิงสาวคนอื่น เป็นสตรีที่กวินทร์หมายมั่นจะเป็นลูกสะใภ้ โลกทั้งโลก ความฝันทุกความฝัน ความสุขที่เคยได้รับพังทลายมาตรงหน้า
นิสารัตน์จำวันที่กรกวินทร์บอกเลิกได้ไม่มีลืม วันนั้นเธอร้องไห้ ร้องแล้วร้องอีก ร่างกายโยกไหวตามแรงสะอื้นไห้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ แล้วหลังจากวันนั้น ความสุขก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามาหาอีกเลย
ความโหดร้ายที่ผ่านมาคงไม่เพียงพอ เธอคงทำบาปทำกรรมเอาไว้มาก ชาตินี้จึงต้องมาชดใช้ ความเสียใจเรื่องคนรักยังไม่ทันจางหาย ความเสียใจระลอกใหม่ก็ถาโถมเข้าใส่ เป็นพายุความปวดร้าวเสียใจที่ซัดสาดก็ว่าได้
นั่นคือเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตนเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงของตัวเอง หนำซ้ำเธอยังสูญเสียพรหมจารีย์ให้กับเพื่อนสนิทของกรกวินทร์อดีตคนรัก ความจริงที่ประจักษ์สร้างกองความรู้สึกเศร้าหมอง ทุกข์โศก รวมทั้งความเสียใจที่เกาะติดไปตามกระแสเลือด ทีเธอไม่มีวันสลัดหลุดออกไปได้ ไม่เลย ไม่แม้แต่วินาทีเดียว
โลกใบนี้ช่างโหดร้ายกับเธอเหลือเกิน ไม่ว่างเว้นความเสียใจและสูญเสียบ้างเลย กระหน่ำซัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอกย้ำอัดแน่นในหัวใจดวงน้อยๆ ที่ไร้แรงต้านทานแทบจะทนไม่ไหว มากเกินกว่าที่จะรับได้ ขาทั้งสองข้างอ่อนล้าเกินกว่าที่จะหยัดยืนต่อสู้กับแรงพายุทั้งหลายทั้งมวลนี้ เธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว เธอไม่มีอะไรหลงเหลืออีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือแม้แต่ความสาวที่หวงแหน
นิสารัตน์คงไม่มีหน้าสู้กรกวินทร์หรือแม้แต่คนฉวยโอกาสผู้นั้น มันเป็นเรื่องน่าอับอายมากที่สุดในชีวิต ทนไม่ไหวกับความจริงที่ว่า กรกวินทร์มีภรรยาที่ไม่ใช่เธอ หากเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับดิตถพงศ์รู้ถึงหูคนอื่น เธอจะแบกหน้าสู้ใครได้
และเมื่อเธอทนไม่ไหว ทานรับความร้าวรานใจและทุกความรู้สึกไมได้อีกต่อไปเธอเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนอยากจะหยุดพักร่างกายและจิตใจ ในเมื่อเธอสูญเสียทุกอย่างแล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม เพื่ออะไร หมดแล้ว หมดทุกอย่างแล้ว เธอคงแบกรับความรู้สึกทั้งหลายทั้งมวลต่อไปไม่ได้ มันหนักเกินไป
คงจะมีเพียงความตายเท่านั้นที่จะทำให้เธอปลดเปลื้องจากความรู้สึกทุกสิ่งอย่าง ทำให้หมดทุกข์ หมดความเสียใจ เธอจะไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
