บทที่ 9 ชายผู้ฉวยโอกาส 1.2
ร่างกายตอบสนองความคิด ร่างเล็กใช้มือยันฝาผนังห้องน้ำเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาบน้ำ หยิบชุดคลุมมาสวมทับร่างกายเปียกโชก ก้าวเดินออกไปจากห้องน้ำแล้วมานั่งริมเตียง
มือเล็กเอื้อมมาเปิดลิ้นชกหัวเตียง หยิบขวดยานอนหลับที่เธอให้นุชนารถผู้จัดการส่วนตัวไปซื้อมาให้ เพราะตั้งแต่เลิกกับกรกวินทร์ นิสารัตน์ต้องพึ่งยานี้ทุกคืน ไม่เช่นนั้นเธอจะหลับไม่ลง นอนอมทุกข์ ร้องไห้อยู่บนเตียงจนกว่าจะหลับ
ยาเกือบสิบกว่าเม็ดถูกเทลงบนฝ่ามือ นิสารัตน์มองเม็ดยาจำนวนนั้นทั้งน้ำตาเพียงชั่วครู่ เธอก็ตัดสินใจกรอกยาในฝ่ามือใส่ปากแล้วดื่มน้ำตาม ยังไม่พอ เธอยังเทยาจำนวนสิบกว่าเม็ดลงบนฝ่ามืออีกครั้ง ก่อนจะทานยานอนหลับไปจนหมด
เสร็จสิ้นการทานยานอนหลับเกินจำนวนต่อครั้งและต่อวันตามที่เภสัชกรกำหนด ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย อาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งก็ตรงตามความต้องการของเธอ ร่างเล็กก็เอนกายล้มตัวลงนอนบนที่นอน นอนรอความตายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาด้วยความเต็มใจต่อไปนี้นิสารัตน์จะไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เธอได้เลือกทางเดินที่เธอต้องการ แม้ว่าทางเดินที่เธอเลือกมันจะดูเหมือนคนสิ้นคิดก็ตาม
เวลาผ่านไปราวสิบนาที ดวงตาของนิสารัตน์หนักอึ้งปรือปิดอย่างเชื่องช้า สมองของเธอมีปุยหมอกสีขาวค่อยๆ แผ่ปกคลุม หัวใจอ่อนแอเต้นช้าลง และช้าลง ลมหายใจแผ่วเบาลงทุกที ยานอนหลับที่ทานเข้าไปเกือบสามสิบเม็ดกำลังออกฤทธิ์ กำลังจะสั่งการให้อวัยวะทุกอย่างในร่างกายหยุดทำงาน
นิสารัตน์กำลังจะตาย...
ด้านนอกบ้าน
ระหว่างที่นิสารัตน์กำลังตกอยู่ในสภาวะความเป็นและความตาย รถสปอร์ตของดิตถพงศ์ก็แล่นมาจอดหน้าบ้านของนิสารัตน์ บานประตูรถถูกเปิดออกก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลงมา เขาก้าวยาวๆ เข้าไปในบ้านของดาราสาวที่เปิดอ้าอยู่ โดยไม่คิดที่จะกดกริ่งเรียก เพราะเวลานี้หัวใจของเขารู้สึกแปลกๆ มันร้อนรุ่ม ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไขว้คิดถึงแต่นิสารัตน์คนเดียว มีบางอย่างกระตุ้นในความรู้สึกของเขาว่า นิสารัตน์กำลังตกอยู่ในอันตราย เขาจึงรีบบึ่งรถมายังบ้านของเธอทันที
ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงครึ่ง
ดิตถพงศ์ควานหาร่างนุ่มนิ่มของนิสารัตน์ที่เขากกกอดแทบทั้งคืน ทว่าสิ่งที่เขาพบคือความว่างเปล่าและความเย็นเฉียบของที่นอนดวงตาคมกล้าของดิตถพงศ์เปิดขึ้น มองที่นอนข้างกายว่างเปล่าตรงหน้าเพียงแวบเดียว เขาก็ดีดตัวลุกขึ้นกวาดตามองไปรอบๆ ห้องก็ไม่พบเจอร่างงามเช่นกันหรือว่าเธอจะกลับบ้านไปแล้ว เนื่องจากเสื้อผ้าของเธอที่ถูกเขาโยนลงไปบนพื้น บัดนี้ไม่มีสักชิ้นเดียว
เมื่อนึกถึงนิสารัตน์ รอยยิ้มสุขใจก็เกิดขึ้นบนใบหน้าที่มาพร้อมกับความปลื้มปริ่มในหัวใจ สาเหตุนั่นเป็นเพราะ พรหมจรรย์ของนิสารัตน์ที่ถูกเขาพร่าเมื่อคืนนี้ เขายังจำวินาทีนั้นได้ดีว่า ตนเองรู้สึกอย่างไรทั้งตกใจและดีใจที่รู้ว่า เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับกรกวินทร์ตามที่เข้าใจมาตลอด ผิดจากที่ตนคาดเดาทุกอย่าง และนั่นยิ่งทำให้ความรักและอาการหวงเกิดขึ้นในความรู้สึกของเขามากขึ้น
เขายังจดจำความสุขที่ได้รับได้เป็นอย่างดี จำทุกวินาทียามขยับกายอยู่เหนือร่างบาง จำได้อย่างแม่นยำว่า ตนเองได้รับความสุขและความหฤหรรษ์มากแค่ไหน แม้ว่าร่างงดงามจะไม่รู้สึกตัว ไม่มีการตอบโต้สัมผัสหรือตอบสนองทางอารมณ์ แต่ทว่าความสุขก็ยังคงมีต่อเนื่อง เอิบอิ่มล้นอกและเป็นความสุขที่ได้รับมากกว่าหญิงสาวที่ผ่านมาของเขาเสียอีก
ชายหนุ่มเดินอารมณ์ดีเข้าไปในห้องน้ำ ตั้งใจว่าจะอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปหานิสารัตน์ที่บ้าน พอไปถึงเขาจะเอ่ยบอกขอรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา รวมทั้งบอกความรู้สึกที่มีต่อเธอ ให้นิสารัตน์รู้ว่า สิ่งที่เขาทำลงไปไม่ใช่การฉวยโอกาส แต่เป็นเพราะความรักทั้งหมดที่มี
ความสุขของเขาดูเหมือนจะถูกคั่นเวลาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แทรกเข้ามา มันเป็นความห่วงหาอาทรที่มีต่อนิสารัตน์ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน แล้วไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เหตุใดจึงมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นในจิตใจ ความเป็นห่วงนิสารัตน์กองเท่าภูเขา กระตุ้นให้เขาจะเดิน จะนั่งแทบไม่ติด รีบร้อนอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปยังบ้านของนิสารัตน์ให้เร็วที่สุด
“ฟ้า ฟ้า” เสียงของดิตถพงศ์เรียกชื่อเจ้าของบ้าน พร้อมกับก้าวเท้าเดินหาร่างงามชั้นล่างแต่ก็ไม่พบกับร่างของคนที่เขาต้องการเจอ ความเงียบเชียบไร้เสียงตอบโต้ แม้ว่าเขาจะเรียกเธอหลายครั้ง ทำให้เขาเกือบจะเข้าใจว่าเธอไม่อยู่บ้าน หากไม่เห็นกระเป๋าสะพายและรองเท้าของเธอที่อยู่บนพื้นบ้าน ซึ่งเป็นรองเท้าและกระเป๋าใบเดียวกับที่เธอใช้เมื่อคืนนั้นเสียก่อน ดิตถพงศ์จึงเสียมารยาทเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน เปิดประตูดูทุกห้องที่อยู่ชั้นบน จนกระทั่งเขาเปิดประตูห้องที่สามซ้ายมือสุด
“ฟ้า” เขาเอ่ยชื่อเรียกหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนอน “ฟ้าอยู่นี่เอง”
ดิตถพงศ์ยิ้มเมื่อพบกับนิสารัตน์ ทว่ารอยยิ้มของเขาค่อยๆ เลือนหายไปจากใบหน้า เนื่องจากร่างของสตรีที่นอนบนเตียงยังคงนอนนิ่ง ราวกับว่าไม่รับรู้การมาของเขา แม้แต่เสียงของเขาดูเหมือนเธอก็ไม่ได้ยิน มันน่าแปลกเหลือเกิน นิสารัตน์ไม่น่าจะหลับลึกขนาดนี้
“ฟ้า ฟ้า พี่ขอโทษนะฟ้า” เขามาหยุดยืนริมเตียง นำมือไปเขย่าลำแขนของนิสารัตน์ แต่เธอก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ในท่าเดิม ระหว่างที่เขาขยับตัวปลายเท้าสัมผัสกับอะไรบางอย่าง ดิตถพงศ์จึงก้มลงไปดูก็พบว่าสิ่งนั้นคือ กระปุกยา แล้วยังมองเห็นเม็ดยาสีขาวสามสี่เม็ดตกอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย
ดิตถพงศ์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เหตุใดจึงมีกระปุกยาซึ่งไม่รู้ว่าเป็นยาชนิดใดตกอยู่ใกล้กับเตียง และไม่มั่นใจว่าจะเกี่ยวกับการนอนหลับสนิทของนิสารัตน์หรือไม่ แต่ดูจากรูปการที่เห็น มันไม่สู้ดีเอาเสียเลย
“ฟ้า ฟ้า ตื่นสิ ฟ้า...ตื่นฟ้าตื่น”
เขาประคองร่างสาวให้อยู่ในท่านั่ง เขย่าตัวเรียกเธอหลายครั้ง ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนแก้มเนียนสวยเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่ทว่านิสารัตน์ก็ยังไม่รู้สึกตัวหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้นคล้ายกับว่าเธอจมอยู่ในห้วงนิทราห้วงลึกที่สุดปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เขาใจคอไม่สู้ดีนัก
แต่แล้วอยู่ๆ ชายหนุ่มก็ฉุกใจกับกระปุกยาบนพื้นห้อง มือใหญ่เอื้อมมันหยิบขึ้นมาดู อ่านฉลากยาที่กำกับไว้ข้างกระปุก เขาจำได้ว่ามันคือยานอนหลับ เพราะยามที่เขาเครียดจากเรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆ จนนอนหลับเองไม่ได้ เขาก็มักจะใช้ยาชนิดนี้เป็นตัวช่วย
เธอทานยานอนหลับ...ทานไปเท่าไหร่กันถึงได้หลับตื่นยากเช่นนี้ มันคงเป็นปริมาณที่มากพอดูแน่นอน และไม่อาจคาดเดาได้ว่ากี่เม็ด รู้เพียงว่าเวลานี้ความร้อนใจอาบไปทั่วจิตใจ ความหวาดหวั่น ความกลัวก็แทรกตามเข้ามาด้วย เพราะการทานยานอนหลับเกินขนาดอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิต
โอ้...ไม่นะ เธอต้องไม่เป็นอะไรหากนิสารัตน์ถึงแก่ชีวิต เขาคงไม่ให้อภัยตัวเอง เพราะมั่นใจว่าสาเหตุที่เธอทานยากนอนหลับเกินปริมาณที่กำหนดเป็นเพราะเขาเอง สาเหตุต้องมาจากเรื่องค่ำคืนที่ผ่านมาแน่นอน เธอคงจะเสียใจกับการสูญเสียความสาว และรู้สึกอับอาย จนทานรับความจริงไมได้ จึงตัดสินใจทำเรื่องเช่นนี้
“ฟ้าอย่าเป็นอะไรนะคนดี พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ”
ดิตถพงศ์เอ่ยบอกร่างหลับใหล พร่ำพูดคำขอโทษ รีบช้อนอุ้มร่างนิสารัตน์ทันที เดินแกมวิ่งลงไปยังชั้นล่าง เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้ถึงรถยนต์ของตนและพาไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
