แต่งเลยไม่รีรอ
เพียงขวัญอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีขาวดูสุภาพและเรียบร้อยเหมาะสมกับเธอเป็นอย่างมาก ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้วที่เธอได้มาดูตัวตามคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อ ร่างบางแอบหวั่นใจเพราะกลัวจะเป็นเหมือนครั้งก่อนๆ
"สวัสดีค่ะ ใช่คุณหญิงพณีกับหนูเพียงขวัญหรือเปล่าคะ" คุณหญิงดาราฉายเดินถือกระเป๋าใบงามราคาแพงมาที่โต๊ะของสองแม่ลูกก่อนจะเอ่ยถามอย่างสุภาพ
"ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะคุณหญิง" คุณหญิงพณีรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ผู้หญิงอีกคนที่ดูอายุไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่ เพียงขวัญรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ตามอย่างมีมารยาท
"ตามสบายกันดีกว่านะคะ หนูเพียงขวัญสวยเหมือนในรูปจริงด้วยนะคะเนี่ย" คุณหญิงดาราฉายได้เห็นเพียงขวัญครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตาทันทีอย่างไม่รีรอ เธอจะเอาหญิงสาวคนนี้เป็นลูกสะใภ้
"ขอบคุณค่ะคุณหญิง"
"อย่าเรียกคุณหญิงเลยนะจ๊ะ เรียกคุณน้าหรือคุณแม่ก็ได้จ้ะ คิกๆ" คุณหญิงดาราฉายเอ่ยอย่างเต็มใจ เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ที่นัดดูตัวกับเพียงขวัญเพราะนี่แหละลูกสะใภ้ที่เธอต้องการ
"แล้วหนูขวัญอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ"
"ปีนี้จะยี่สิบห้าแล้วค่ะ"
"อายุกำลังพอเหมาะพอดีไม่น้อยไปไม่มากไปจริงไหมคะ" พูดเองเออเองก่อนจะหันไปหาคุณหญิงพณีแม่ของหญิงสาวให้เห็นดีเห็นงามด้วย
"ค่ะคุณหญิง"
"แหม เรียกคุณหญิงดูห่างเหินกันจัง"
"ถ้าไม่รังเกียจดิฉันขอเรียกคุณพี่ได้ไหมคะ" สองสาวไฮโซพากันพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและมีการแอบเล่าถึงสามีของตนเองกันอีกด้วย เพียงขวัญที่ได้แต่นั่งมองทั้งคู่คุยกันก็อดยิ้มไม่ได้ แต่วันนี้ที่มาดูตัวเธอไม่เห็นฝ่ายชายเลยแม้แต่เงา
"เรามาคุยกันเรื่องงานแต่งเลยดีไหมจ๊ะหนูขวัญ"
"คะ" เพียงขวัญตกใจเมื่อถูกอีกฝ่ายถามโดยไม่ได้ตั้งตัว
"เรื่องงานแต่งงานไงจ๊ะ หนูอยากให้จัดที่ไหนแบบไหนบอกมาเลยนะจ๊ะ ส่วนเรื่องสินสอดทางนี้ไม่อั้นจ้ะ" คุณหญิงดาราฉายเอ่ยออกมาทำเอาสองแม่ลูกมองหน้ากันอย่างมึนงง
"แต่งเลยเหรอคะคุณพี่"
"ใช่สิคะ จะรีรอทำไมอีกอย่างหนูขวัญก็เหมาะสมมากค่ะ"
"ละ...แล้วลูกชายของคุณพี่ตกลงแล้วใช่ไหมคะ" คุณหญิงพณีถามเพราะไม่เห็นลูกชายของอีกคนเลยแม้แต่เงา
"รายนั้นไม่กล้าขัดหรอกค่ะ เอาเป็นว่าคุณน้องกับหนูขวัญเลือกมาได้เลยนะคะหรือจะให้ทางนี้จัดการก็ได้ค่ะ"
"ขวัญว่ายังไงลูก" คุณหญิงพณีหันไปถามลูกสาวเพื่อให้ลูกตัดสินใจ
"ขวัญยังไงก็ได้ค่ะ" เพียงขวัญเป็นคนอะไรก็ได้มาตลอดอยู่แล้วเธอจึงไม่คัดค้าน
"หนูขวัญนี่ว่าง่ายจริงๆ เลยนะคะ ส่วนเรื่องสินสอดว่ามาได้เลยนะคะตามความเหมาะสม"
"เรื่องนี้ก็แล้วแต่คุณพี่ดีกว่าค่ะ แค่ยอมช่วยเหลือบริษัทเราก็ถือว่าเป็นบุญคุณมากแล้วค่ะ" คุณหญิงพณีเอ่ยอย่างเกรงใจเพราะตนก็รู้สึกผิดที่เหมือนเอาลูกสาวมาขาย
"บุญคงบุญคุณอะไรคะ เรียกว่าแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันดีกว่า เป็นทองแผ่นเดียวกันอะไรๆ ได้ง่ายขึ้นจริงไหมคะ" คุณหญิงดาราฉายไม่ได้คิดมากกับเรื่องธุรกิจเพราะมันคือหน้าที่ของสามี
"ขอบคุณมากนะคะคุณพี่" สองแม่ลูกยกมือไหว้คุณหญิงดาราฉายที่เปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของครอบครัว เพียงขวัญรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ให้พ่อกับแม่ก็วันนี้ถึงจะไม่เคยเห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าว ไม่รู้ว่าเขาหน้าตาหรือนิสัยยังไงแต่เธอคิดว่าแต่งไปเดี๋ยวก็รักกันเองหรืออยู่ไปโดยไม่มีความรักก็ย่อมได้
"สินสอดทางเราเสนอยี่สิบห้าล้านพร้อมเรือนหอด้วยน้อยไปไหมคะ" คุณหญิงดาราฉายเอ่ยถามเพราะคิดว่าอาจจะน้อยไปสำหรับเพชรเม็ดงามที่จะได้มาเป็นของตระกูล
"ไม่น้อยไปเลยค่ะ หลังจบงานทางเราจะคืนให้ทุกบาทเลยนะคะ"
"คืนทำไมกันคะ ถ้าคุณน้องไม่รับก็ยกให้บ่าวสาวเลยแล้วกันค่ะ ทางนี้ขอไม่รับคืน" คุณหญิงดาราฉายเอ่ยอย่างยิ้มๆ จำนวนเงินที่เสนอไปเทียบไม่ติดด้วยซ้ำสำหรับว่าที่ลูกสะใภ้ที่ทั้งสวยสง่าและเรียบร้อยอย่างเพียงขวัญ ทั้งสามคนตกลงกันเรื่องงานแต่งที่จะจัดขึ้นในอีกไม่นานโดยที่ฝ่ายชายยังไม่ทันรู้ตัวว่าต้องแต่งงาน
[บริษัทวิจิตจินดา]
ดนัทหนีผู้เป็นแม่มาที่คอนโดของตัวเองก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัวไปเข้าบริษัทเพื่อให้ผู้เป็นพ่อช่วยพูดกับแม่ว่าตนไม่อยากไปดูตัวหรือแต่งงานอะไรทั้งนั้นโดยไม่รู้เลยว่าผู้เป็นแม่ตกลงกับอีกฝ่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ท่านรองสวัสดีค่ะ" พนักงานสาวเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มหว่านเสน่ห์ให้กับรองประธานบริษัทสุดหล่อ ชายหนุ่มยิ้มกลับให้อย่างเป็นมิตรเพราะตนกับพนักงานสาว
คนนั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาแล้วในห้องน้ำของบริษัท
"โผล่หัวมาได้แล้วเรอะไอ้ลูกชาย" ท่านวิสุทธิ์เห็นลูกชายเปิดประตูห้องทำงานก็เอ่ยทักทันที
"ผมหนีแม่มาน่ะครับ"
"ฉันรู้ ถ้าไม่หนีแม่แกคงไม่เข้าบริษัท" ผู้เป็นพ่อเหนื่อยใจ ลูกชายคนโตก็ไม่ค่อยเอางานเอาการทำตัวเหลวแหลกไปวันๆ ส่วนลูกสาวคนเล็กก็มุ่งมั่นกับการว่ายน้ำจนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
"พ่อช่วยพูดกับแม่ให้หน่อยสิครับว่าผมไม่อยากแต่งงาน"
"แล้วทำไมแกไม่บอกแม่เองล่ะ" ท่านวิสุทธิ์ถามกลับ ไม่ใช่ไม่อยากพูดให้
แต่เพราะพูดไม่ได้ใครจะไปเถียงเมียได้ เขาไม่อยากชะตาขาดเร็วๆ นี้สักหน่อย
"ก็แม่ไม่ฟังผมนี่ครับ"
"แล้วคิดว่าแม่แกจะฟังฉันไหม" สองพ่อลูกเถียงกันไปมาคนหนึ่งก็กลัวภรรยา
ส่วนอีกคนก็ไม่อยากถูกจับแต่งงาน
"ถ้าพ่อยอมพูดกับแม่ให้ ผมสัญญาจะเข้าบริษัททุกวันไม่มาทำงานสาย ไม่ขาดงาน และจะไม่ลาเลยครับ" ดนัทให้คำมั่นเขายอมทำงานดีกว่าแต่งงาน ชีวิตแต่งงานเหมือน
ตัดอิสระการใช้ชีวิตของตนเองออกไป
"เฮ้อ ฉันก็อยากพูดให้แกนะไอ้ลูกชายแต่ไม่ทันแล้วแหละ" ท่านวิสุทธิ์ลุกขึ้น
ติดกระดุมเสื้อสูทเพื่อเตรียมตัวไปประชุมก่อนจะเดินมาตบบ่าลูกชาย
"ไม่ทันอะไรครับ"
"ก็แม่แกเพิ่งส่งข้อความมาบอกให้พ่อเตรียมค่าสินสอดแถมยังบอกว่าดูฤกษ์แต่งงานให้แกแล้วด้วย ทำใจซะไอ้แดน" ท่านวิสุทธิ์กลัวลูกไม่เชื่อเลยยกโทรศัพท์ที่มีข้อความที่ภรรยาส่งมาเมื่อห้านาทีก่อนที่ดนัทจะเปิดประตูเข้ามา
"อะไรครับพ่อ ผมยังไม่ทันได้ไปดูตัวเลย แต่งอะไรกัน ผมไม่แต่ง" ดนัทโวยวายเสียงดังอย่างไม่ยอม
"จะแต่งไม่แต่งก็ไปเคลียร์กับแม่แกเอง ฉันต้องไปประชุมแล้ว" ท่านวิสุทธิ์เอ่ย
ทิ้งท้ายโยนให้ลูกชายไปเคลียร์กับผู้เป็นแม่เองก่อนจะเดินหนีออกจากห้องทำงาน
ชายหนุ่มเดินทำท่าปึงปังก่อนจะรีบออกจากบริษัทขับรถกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
เอี๊ยดดดด เสียงเบรกดังลั่นบ่งบอกว่ารถที่จอดกะทันหันขับมาด้วยความเร็วสูง
"แม่อยู่ไหม" เอ่ยถามแม่บ้านก่อนจะโยนกุญแจรถให้กับคนขับรถของบ้าน
"คุณผู้หญิงดื่มชาอยู่ค่ะ" ดนัทไม่รอช้ารีบมุ่งหน้าไปหาผู้เป็นแม่ทันที
"มาแล้วเหรอลูกตัวดี" คุณหญิงดาราฉายจิบชาก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะโดย
ไม่มองหน้าลูกชาย เธอได้ยินเสียงรถลูกจอดที่หน้าบ้านก็รู้ได้ทันทีว่าดนัทคงรับรู้เรื่อง
งานแต่งจากผู้เป็นพ่อแล้ว
"แม่ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษาผมก่อน"
"ปรึกษา แล้วแกอยู่ให้ฉันปรึกษาไหมล่ะ วันๆ ก็ได้แต่เมาเละกลับบ้านทุกวัน ให้แกไปดูตัวแกก็หนี" คุณหญิงดาราฉายของขึ้นร่ายยาวจนลูกชายเถียงไม่ทัน
"ก็ผมไม่อยากแต่ง ทำไมแม่ต้องบังคับผมนักหนา ผู้หญิงที่แม่หามาให้หน้าตาเป็นไงก็ไม่รู้ มาหลอกผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไว้ใจได้หรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มหาข้ออ้างเพื่อที่จะไม่แต่งงาน
"ฉันดูให้แล้วหน้าตาดี ไว้ใจได้แน่นอน"
"แต่ผมไม่ไว้ใจคนเราดูแต่เปลือกนอกไม่ได้นะครับแม่" ดนัทไม่ยอมท่าเดียว
"สายตาฉันมองไม่เคยผิดหรอก แกไม่ต้องมาหาข้ออ้างแล้วไปเตรียมตัวซะ อีกสองเดือนงานแต่ง"
"สองเดือน แม่ ผมไม่แต่ง"
"ก็ลองดูว่าแกจะดื้อรั้นได้แค่ไหน" คุณหญิงดาราฉายเอ่ยด้วยวาจาเย็นชาก่อนจะมองลูกชายด้วยหางตาเป็นท่าทีที่รู้กันว่าเริ่มไม่พอใจสุดๆ และการแสดงออกว่าถ้าเถียงอีกคำเดียวมีบ้านแตกแน่ๆ
"คอยดูแล้วกันครับแม่ ผมจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นขอหย่าให้ได้เลย" ชายหนุ่มเอ่ย
ทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินกระทืบเท้าขึ้นห้องอย่างไม่พอใจ คุณหญิงดาราฉายส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะจิบชาต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
