ล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
หลังจากการไปดูตัวครั้งแรกไม่สมหวังแต่ใครจะไปยอมแพ้ เมื่อครั้งแรกไม่สำเร็จก็ย่อมมีครั้งต่อไปให้ได้ลอง เพียงขวัญแต่งตัวสวยสมวัยเพื่อไปงานดูตัวที่ผู้เป็นแม่นัดกับอีกฝ่ายไว้อีกเช่นเคย ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองและเธอจะไม่ทำพลาดเด็ดขาด
"น้องขวัญนี่สวยเหมือนที่คุณน้าบอกไว้จริงด้วยนะครับ" ชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าเธอเอ่ยขึ้นมาก่อนเลื่อนมือมาจับมือเธออย่างไม่ทันตั้งตัวจนเธอตกใจ หญิงสาวยิ้มให้บางๆ ก่อนจะดึงมือกลับอย่างมีมารยาท
"ใช่ไหมล่ะ แม่บอกแล้วว่าลูกสาวคุณหญิงพณีสวยไม่เป็นรองใคร" เพียงขวัญนั่งยิ้มอย่างมีหวังอย่างน้อยครั้งนี้อีกฝ่ายก็ดูชอบเธอถึงจะดูเจ้าชู้ไปหน่อยแต่ถ้าแต่งงานกันไปแล้วคงไม่เป็นไร เพียงขวัญได้แต่คิดในใจ
"คุณหญิงก็ชมเกินไปค่ะ"
"เกินไปอะไรคะ ทั้งกิริยามารยาท หน้าตาสวยสมวงศ์ตระกูลจริงๆ ใช่ไหมลูก"
"ใช่ครับแม่" สองแม่ลูกเข้าขากันดีเพราะถูกใจหญิงสาวตรงหน้ามาก เพียงขวัญที่ได้แต่นั่งนิ่งทำได้แค่อมยิ้มเล็กน้อยๆ แทนคำตอบ
"เราคุยเรื่องแต่งงานกันเลยดีไหมคะคุณหญิง"
"จะแต่งเลยเหรอคะ ไม่เร็วไปใช่ไหมคะ" คุณหญิงพณีผู้เป็นแม่ของเพียงขวัญแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"รีรออะไรคะ หนูเพียงขวัญเหมาะที่สุดแล้วค่ะ" เมื่อผู้ใหญ่พูดคุยหารือกันเรื่องแต่งงานหญิงสาวก็ได้มีเวลาอยู่กับชายหนุ่มตรงหน้าสองต่อสอง
"น้องเพียงขวัญชื่อเพราะสมกับหน้าตามากเลยนะครับ"
"ขอบคุณค่ะพี่พี" ร่างบางรู้สึกอึดอัดเพราะชายหนุ่มทั้งโอบไหล่เธอ ทั้งขยับหน้าเข้ามาใกล้แถมยังชอบมือไวอีกต่างหาก
"ถ้าเราแต่งงานกันเร็วๆ ก็ดีสิ"
"ค่ะ" เพียงขวัญตอบสั้นๆ ก่อนจะพยายามขยับตัวออกห่างอย่างดูไม่น่าเกลียด
"รู้ไหมพี่เห็นน้องขวัญครั้งแรก พี่ก็รู้สึกชอบน้องขวัญเลยนะ อย่างกับพรหมลิขิตเลยเนอะ"
"พะ..พรหมลิขิตเลยเหรอคะ" เพียงขวัญแทบไม่อยากเชื่อว่านี่จะเรียกพรหมลิขิต
"วันพรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันดีกว่าไหม จะได้รู้จักกันมากขึ้นไง"
"กะ..ก็ได้ค่ะ" เพียงขวัญยอมตอบตกลงทั้งที่ไม่ได้อยากไป เธอรู้สึกอึดอัดกับคำพูดและการกระทำของอีกคนแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะถ้าแต่งงานกันไปเธอคงต้องชินกับมันให้ได้และเธอไม่อยากเสียโอกาสเหมือนครั้งแรก ธุรกิจของครอบครัวขึ้นอยู่ที่เธอ
วันรุ่งขึ้นร่างบางใส่ชุดเดรสสีฟ้าอ่อนทำให้ดูสดใสและน่ารักในเวลาเดียวกัน เพราะวันนี้เธอมีนัดกับชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันเมื่อวานเพียงครั้งเดียว
"วันนี้น้องขวัญน่ารักจังเลยนะครับ" ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่เปิดประตูรถยนต์ให้เธอเอ่ยชมก่อนมองเธอด้วยสายตามีเลศนัย
"ขอบคุณค่ะ วันนี้เราจะไปไหนกันคะ"
"ไปดูหนังแล้วกัน จากนั้นก็ไปกินเค้กดีไหมครับ" ชายหนุ่มวางแผนโปรแกรมศึกษาดูใจสำหรับเธอไว้เรียบร้อยแล้วแต่มีอีกที่ที่เขาจะพาเธอไปแต่ไม่ยอมบอกเธอ
"แล้วแต่พี่พีเลยค่ะ"
"น้องขวัญนี่ตามใจคนอื่นตลอดไหมครับ"
"ทำไมเหรอคะ" เพียงขวัญถามอย่างไม่เข้าใจ
"ไม่มีอะไรหรอกครับพี่แค่มองว่าน่ารักดี อะไรก็ได้ทำนองนี้" เพียงขวัญเขินหน้าแดงอย่างเอียงอาย เมื่อถูกชมแต่ก็ยังไม่หายอึดอัดกับท่าทางของเขาที่แสดงความเป็นเจ้าของมากจนเกินงาม ในโรงหนังที่มืดสนิท มือของเขายังคอยลูบไล้ขาอ่อนของเธอจนเธอขนลุกแต่เธอเลือกที่จะเงียบเอาไว้
"เค้กร้านนี้อร่อยมากเลยนะครับ พี่ชอบมาทานบ่อย ๆ"
"มาทานกับใครเหรอคะ" เพียงขวัญถามกลับเป็นมารยาทไม่ได้อยากรู้คำตอบแต่อย่างใด เธออยากให้วันนี้ผ่านไปเร็วๆ เสียทีเธออยากหลุดพ้นกับความอึดอัดนี้เต็มทน
"มากินกับฉันไง แกเป็นใครนังหน้าด้าน" เสียงแหลมแสบแก้วหูดังอยู่ด้านหลังเธอทำเอาเพียงขวัญหันมองด้วยความตกใจก็เจอกับหญิงสาวอีกคนกำลังทำท่าทางไม่พอใจใส่เธอราวกับจะฆ่ากันให้ตายเสียตอนนี้
"อะไรกันคะ พี่พีนี่ใครคะ" เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความใจเย็นและยังสำรวมมารยาทไว้เป็นอย่างดี
"ไม่รู้เหมือนกันครับ พี่ไม่รู้จัก" ชายหนุ่มตอบปัดปัญหาแต่เธอจับพิรุธเขาได้
"ฉันเป็นเมียพี่พี แล้วฉันก็ท้องอยู่ด้วยแกนั่นแหละที่หน้าด้านมาแย่งของคนอื่น" หญิงสาวผู้ไม่ได้รับเชิญประกาศลั่นเสียงดังว่าตนเป็นภรรยาของผู้ชายตรงหน้าเธอพร้อมกับชี้ที่หน้าท้องของตนเองให้เพียงขวัญดู
"เดี๋ยวนะคะ ฉันไม่รู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว" ร่างบางเอ่ยอย่างนิ่มๆ ด้วยกิริยาท่าทางผู้ดีไม่ได้ตะโกนโหวกเหวกโวยวายแบบที่อีกฝ่ายกำลังทำ
"ถ้ารู้แล้วก็อย่ามายุ่งกับผัวชาวบ้านเขา"
"แต่พี่ไม่รู้จักนะครับน้องขวัญ" ชายหนุ่มเข้ามาโอบไหล่เพียงขวัญเพื่อหาพวกให้เข้าข้างตนเอง แต่ร่างบางกลับแกะมือเขาออกทันที ผู้คนในร้านมองมาที่เธอเป็นตาเดียวอย่างกับว่ารอฟังคำตอบจากเธอแต่ทว่าหญิงสาวไม่เอ่ยคำพูดแม้แต่คำเดียว เธอก้มหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านไปทันที
"น้องขวัญ ปล่อยฉัน ชมพู่เราเลิกกันไปแล้วไง" ชายหนุ่มตะโกนเรียกเพียงขวัญแต่ก็ถูกหญิงสาวอีกคนกอดแขนเอาไว้แน่น ผู้คนมองทั้งสองคนด้วยสายตาเอือมระอา หลังจากวันนั้นงานแต่งของเธอก็ถูกยกเลิกไปเพราะผู้หญิงคนนั้นท้องกับเขาจริงๆ ทำให้งานแต่งของเธอต้องเป็นอันโมฆะไปเป็นครั้งที่สอง
