ตอนที่5
ระหว่างนั่งกินข้าวกันอยู่ ฐานทัพก็ได้รับรายงานจากลูกน้องว่าที่บริษัทกำลังมีปัญหาด่วนต้องรีบไปเคลียร์เขาจึงลุกขึ้นออกไปทันที
ชมพูเห็นดังนั้นจะลุกตามฐานทัพไปด้วย แต่เธอก็นั่งลงที่เดิม แล้วตักข้าวเข้าปาก ระหว่างนั้นเธอก็พูดขึ้น
“ดีนะไม่ยอมเสียบริษัทแต่ยอมเสียลูกสาว ไม่สิ…ก็ลูกสาวได้ผัวรวย พ่อแม่ก็พลอยเป็นหนูตกถังข้าวสารไปด้วย แบบนี้ก็ดีเนอะ”
คราแรกเหมือนชมพูพูดอยู่คนเดียว โดยที่ปรายฝนไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งประโยคหลังสายตาเร่งเร้ามาที่เธอ
“คุณชมพูพูดกับฝนหรือคะ”
“ใช่ไง จะให้พูดกับป้าพวงหรือไง เธอนี่ไม่ฉลาดเหมือนพ่อเลยนะ”
“ทำไมต้องพูดถึงพ่อฝน คุณรู้จักพ่อฝนดีแค่ไหนคะ”
ปรายฝนเริ่มไม่พอใจ เมื่อโดนเด็กที่อายุน้อยกว่ากล่าวลามไปถึงผู้บุพการี
ในขณะที่ป้าพวงเริ่มยืนไม่ติด กลัวเรื่องจะลุกลาม เพราะชมพูเป็นคนไม่ยอมใคร และดูเหมือนนายหญิงของบ้านก็ไม่ยอมใครเช่นกัน ประหนึ่งมวยถูกคู่…
“รู้ดีสิ รู้ว่าพ่อเธอฉลาด ยอมขายลูกไม่ยอมขายบริษัท”
ปรายฝนคิ้วขมวดผูกปม ตอนนี้เธอเริ่มประติดประต่อคำพูดของชมพู และเริ่มเข้าใจในสิ่งที่พ่อกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่จะแยกจากกัน
“ลูกกลับไปนะ ไปพูดกับเขาดีๆ พ่อเชื่อว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่แต่หากลูกเลือกจะทิ้งหน้าที่ตรงนี้ไป พวกเราอาจไม่เหลืออะไร หรือแม้แต่หน้าพ่อ ก็จะไม่ได้เจอกันอีกตลอดไป”
และเธอเห็นริ้วรอยของความกังวลและแววตานั่น…
มีอะไรที่เธอยังไม่รู้เกี่ยวกับปัญหาของพ่อและร้านค้าที่สร้างมาเองกับมือ!
“คุณชมพูรู้อะไรมาคะ” ครานี้ปรายฝนถามด้วยความอยากรู้
“เอ้า เป็นลูกแบบไหน ถึงไม่รู้ว่าครอบครัวตัวเองมีปัญหา”
ปรายฝนหน้าชา ตั้งแต่แม่เลี้ยงจับเธอไปดูตัวให้คนนั้นคนนี้เธอก็ออกมาอยู่ข้างนอกเพื่อความสบายใจและหางานทำเลี้ยงตัวเอง เพื่อลดการมีปากเสียงกับแม่เลี้ยง
“แต่ก็ได้สามีรวยแล้วนี่ จะไปสนใจอีกทำไม”
“สำหรับฝน ความรวยไม่ได้ทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข”
“เธอจะบอกว่าหากไม่ได้รักกัน ถึงคุณฐานทัพจะรวยแค่ไหนเธอก็ไม่มีความสุขใช่ไหม”
ปรายฝนเห็นแววตามีความหวังของอีกฝ่าย
“ค่ะ เพราะพื้นฐานครอบครัวมันต้องเกิดจากความรัก”
“แบบนี้เธอคิดจะหย่ากับคุณฐานทัพงั้นเหรอ”
“ค่ะ ฝนรอให้เขาหย่า”
“ฐานทัพไม่ยอมหย่างั้นเหรอ”
ชมพูไม่อยากเชื่อ ว่าคนอย่างฐานทัพที่หลงใหลในเซ็กส์ในทางไม่ผูกมัด จะมาจบที่ผู้หญิงคนนี้ได้ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ…
“แล้วถ้าฉันทำให้คุณฐานทัพยอมหย่ากับเธอละ”
“คุณชมพูทำได้งั้นเหรอคะ”
“มันไม่ดีมั่งค่ะ”
ป้าพวงที่ทนยืนฟังอยู่นาน ยอมเสียมารยาทจึงเอ่ยแทรกขึ้น
ปรายฝนหน้าเจื่อนไม่กล้าสบตาป้าพวง แต่ชมพูไม่มีทีท่าสำนึกที่ตัวเองพยายามเป็นหนามให้สามีภรรยาเขาเลิกกัน
“ป้าพวงไม่เห็นหรือคะ ว่าคนไม่ได้รักกันจะให้ทนอยู่เป็นผัวเมียได้ยังไง ”
“แต่คนจิตใจดีอย่างคุณฐานทัพ คงทำให้คุณปรายฝนหลงรักได้ไม่ยากหรอกค่ะ” ป้าพวงที่เลี้ยงฐานทัพมาตั้งแต่เล็กๆ เอ่ยเสริม
“โอ้ยป้าพวง คนเขาไม่ได้รักก็คือไม่ได้รัก… อยากเป็นอิสระจริงๆ ปะ เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
แล้วชมพูก็ลุกขึ้นมาดึงแขนของปรายฝนให้เดินออกไป ส่วนป้าพวงเหมือนน้ำท้วมปาก ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
หลังจากที่ชมพูกลับไปแล้วปรายฝนก็กลับขึ้นไปบนห้อง เธอพยายามโทร.หาพ่อเพื่อถามสิ่งที่ค้างคาใจ แต่กลับติดต่อไม่ได้จนเธอถอดใจ และอยู่กับความคิดของตัวเองจนกระทั่งเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเตียงนุ่มไหวยวบอยู่ใกล้ตัว เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง และเห็นว่าใบหน้าของฐานทัพอยู่ห่างเพียงคืบ ด้วยความตกใจออกแรงผลักไปจนเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเสียหลักเซออกไป
“กลับมาแล้วหรือคะ”
ปรายฝนกลั้นใจถาม โดยไม่ได้สนใจที่ทำเอาอีกฝ่ายกระเด็นเซเกือบตกเตียง
“แทนที่กลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ จะได้รางวัลจากเมีย กลับโดนเมียทำทีท่ารังเกียจมันน่าน้อยใจ”
น้ำเสียงและสีหน้าตัดพ้อ หากปรายฝนขนชี้ชัน คำก็เมียสองคำก็เมีย!
“ฝนไม่รู้ว่าระหว่างคุณกับพ่อได้ตกลงทำอะไรกันไว้ แต่ฝนขอนะคะ อย่าให้ฝนต้องมาเกี่ยวข้องด้วยได้ไหม”
“ทำไมรังเกียจคนอย่างผมขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มันก็ไม่ขนาดนั้น…” คำตอบไม่เต็มเสียงนักดังออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม เช่นนั้นก็ทำให้คนฟังใจเต้นแรง
“หรือคุณมีใครอยู่แล้ว…” เขาโยนหินถามทาง
รู้ทั้งรู้ว่าปรายฟ้าไม่เคยมีแฟน ซึ่งเธอเป็นคนปิดกั้นตัวเองมาตลอดแต่ก็อยากถามเพื่อลองใจ เพราะหากแค่อยากปล่อยมือจากใครสักคนมันไม่ยาก หากแต่เพราะมีใจให้หล่อนไปแล้ว จึงอยากยื้อไว้ให้แน่ใจว่าใจผู้หญิงคนนี้ไม่เปิดรับผู้ชายอย่างเขาจริงๆ ถึงตอนนั้นคงไม่รั้งไว้…
