เจ้าสาวผลัดมือ

63.0K · จบแล้ว
Reenrin รินริน พันฟาง นางฟ้าแดนใต้
36
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

บ้างครั้งความรักมักเล่นตลก รู้ว่าหากไม่ยึดติด ก็จะไม่เสียใจ…แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้และใช่ว่าใครจะทำไม่ได้ เช่นเดียวกับปรายฝนเธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว แต่กลับมาเป็นเจ้าสาวผลัดมือโดยไม่รู้ตัว “หรือจะให้ผมช่วย…” เสียงทุ้มแม้จะแผ่วเบา หากฟังแล้วกระเส่า ปรายฝนสะดุ้งสุดตัว และนั้นทำให้เธอเสียหลัก ฐานทัพรีบคว้าเอวคอดไว้ด้วยความว่องไว “ไม่ใช่คุณที่ตกใจได้คนเดียว แต่คุณจะทำให้ผมหัวใจวายไปด้วย” เสียงทุ้มดุ หากแต่เพราะเป็นห่วงมากกว่าจะตำหนิ เมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน ปรายฝนจึงดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดจากวงแขนหนา “ช่วยเบาๆ หน่อยเถอะ ผมไม่ใช่ไวรัสที่จะแพร่เชื้อใส่คุณ” ครานี้สีหน้าและน้ำเสียงของฐานทัพ เต็มไปด้วยความตัดพ้อ แล้วค่อยๆ ปล่อยร่างบางในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ คำพูดและการกระทำของคนไม่คุ้นเคย ทำให้ปรายฝนรู้สึกผิดขึ้นในทันที กับคนแปลกหน้า เธอยังมีไมตรีให้ได้ แล้วผู้ชายตรงหน้า… หากลดการกระทำไปก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร …แล้วภาพช่วงหนึ่งในขณะที่ต่างคนต่างทำหน้าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว รองเท้าส้นสูงสามนิ้วที่ไม่คุ้นชิน ก็ทำเอาแข้งขาของเธอปวดหน่วงจนทนยืนขาสั่นไม่ไหว เขาซึ่งไม่รู้ว่าสังเกตเห็นอาการของเธอตอนไหน รู้อีกทีก็มีเก้าอี้มาวางใกล้ๆ พร้อมกับเสียงทุ้มพูดขึ้น “เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง ส่วนคุณนั่งพักก่อนนะครับ” คราแรกปรายฝนก็ไม่อยากเชื่อหู แต่เมื่อสายตามองประสานกันโดยไม่ตั้งใจ ก็เห็นความจริงจังหนักแน่น และเหมือนมีแรงดึงดูดให้เธอต้องทำตาม แต่กระนั้นเธอก็ปากหนักไม่แม้จะขอบคุณเขา… “ขอบคุณนะคะ…” ครานี้เธอกล้า และรับรู้ถึงความเห่อร้อนของใบหน้า ปรายฝนจึงรีบก้าวออกไปจากจุดนั้นเมื่อหัวใจของเธอรู้สึกไม่ปกติ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันผู้ชายอบอุ่นแต่งงานสายฟ้าแลบรักแรกพบหนีแต่งงานโรแมนติก25+

ตอนที่1

บ้างครั้งความรักมักเล่นตลก รู้ว่าหากไม่ยึดติด ก็จะไม่เสียใจ…แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้และใช่ว่าใครจะทำไม่ได้ เช่นเดียวกับปรายฝนเธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว แต่กลับมาเป็นเจ้าสาวผลัดมือโดยไม่รู้ตัว

“หรือจะให้ผมช่วย…” เสียงทุ้มแม้จะแผ่วเบา หากฟังแล้วกระเส่า

ปรายฝนสะดุ้งสุดตัว และนั้นทำให้เธอเสียหลัก ฐานทัพรีบคว้าเอวคอดไว้ด้วยความว่องไว

“ไม่ใช่คุณที่ตกใจได้คนเดียว แต่คุณจะทำให้ผมหัวใจวายไปด้วย” เสียงทุ้มดุ หากแต่เพราะเป็นห่วงมากกว่าจะตำหนิ

เมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน ปรายฝนจึงดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดจากวงแขนหนา

“ช่วยเบาๆ หน่อยเถอะ ผมไม่ใช่ไวรัสที่จะแพร่เชื้อใส่คุณ”

ครานี้สีหน้าและน้ำเสียงของฐานทัพ เต็มไปด้วยความตัดพ้อ แล้วค่อยๆ ปล่อยร่างบางในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ

คำพูดและการกระทำของคนไม่คุ้นเคย ทำให้ปรายฝนรู้สึกผิดขึ้นในทันที

กับคนแปลกหน้า เธอยังมีไมตรีให้ได้ แล้วผู้ชายตรงหน้า… หากลดการกระทำไปก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

…แล้วภาพช่วงหนึ่งในขณะที่ต่างคนต่างทำหน้าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว รองเท้าส้นสูงสามนิ้วที่ไม่คุ้นชิน ก็ทำเอาแข้งขาของเธอปวดหน่วงจนทนยืนขาสั่นไม่ไหว เขาซึ่งไม่รู้ว่าสังเกตเห็นอาการของเธอตอนไหน รู้อีกทีก็มีเก้าอี้มาวางใกล้ๆ พร้อมกับเสียงทุ้มพูดขึ้น

“เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง ส่วนคุณนั่งพักก่อนนะครับ”

คราแรกปรายฝนก็ไม่อยากเชื่อหู แต่เมื่อสายตามองประสานกันโดยไม่ตั้งใจ ก็เห็นความจริงจังหนักแน่น และเหมือนมีแรงดึงดูดให้เธอต้องทำตาม แต่กระนั้นเธอก็ปากหนักไม่แม้จะขอบคุณเขา…

“ขอบคุณนะคะ…” ครานี้เธอกล้า และรับรู้ถึงความเห่อร้อนของใบหน้า ปรายฝนจึงรีบก้าวออกไปจากจุดนั้นเมื่อหัวใจของเธอรู้สึกไม่ปกติ

เมื่อถูกมัดมือชกให้เป็นเจ้าสาว

“พ่อ!”

ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าพ่อ มีสีหน้าตกใจเมื่อลูกสาวที่ตอนนี้ควรจะอยู่ในห้องหอกับเจ้าบ่าวแต่ออกมายืนหน้าบิดเบี้ยวอยู่

“ลูกออกมาทำไม”

แทนที่จะเป็นห่วงลูกสาว อาจจะเกิดเรื่องร้าย เลยทำให้เธอต้องหนีเอาตัวรอด แต่พุฒก็ตะคอกถามเสียงดังพร้อมกับแววตาตำหนิ ทำให้ภรรยาที่ยืนสนทนาอยู่กับแขกที่ยังไม่กลับต้องรีบหันมามอง

“ยายฝน!” นางเรียกเสียงตื่น ก่อนดึงรั้งกันออกไปจากกลุ่มคน เพื่อจะพูดคุยได้สะดวกขึ้น

“ยายฝนออกมาจากห้องทำไม เดี๋ยวก็เสียฤกษ์หมด” เมื่อลับตาคนนางก็ใส่เจ้าสาวป้ายแดงทันที โดยสายตามองผ่านไปด้านหลังอย่างหวาดระแวง

ในขณะที่ปรายฝน ยังอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด หากแต่หน้าตาบูดบึ้ง มองผู้ใหญ่ด้วยสายตาตัดพ้อ

“มันไม่มีฤกษ์ตั้งแต่ที่หนูต้องเป็นเจ้าสาวแทนปรายฟ้าอยู่แล้วไหมคะ” เธอย้อนอย่างไม่ลังเล

ใช่ว่าปรายฝนจะไม่เคารพผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนโดนทำร้ายจิตใจโดยการหลอก เพราะคำพูดของพ่อในตอนนั้นไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอต้องเจอในตอนนี้

“แค่เซนต์ให้มันจบ ๆ เสร็จงานต่างคนต่างไปแล้วนัดวันหย่ากันอีกที”

“แน่ใจหรือคะว่าจะเป็นแบบที่พ่อพูด”

“เชื่อพ่อ อีกอย่างถ้างานนี่พัง พ่อไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อีกอย่างฝ่ายเจ้าบ่าวคงเอาพ่อตายที่มาทำให้เขาขายหน้าแบบนี้ แต่งก่อนแล้วค่อยไปหย่าวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้ ช่วยพ่อหน่อยเถอะนะลูกนะ”

ปรายฝนมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาหวาดหวั่น ซึ่งหลายปีมานี้ พ่อก็ไม่เคยขัดขวาง หรือห้ามปรามในการใช้ชีวิตอิสระนอกบ้านมาหลายปี หากวันนี้แววตาไร้สิ้นหนทาง เลือกที่จะอ้อนวอนขอให้เธอช่วย

“เขาจะยอมเหรอคะ”

แม้เรื่องดูวุ่นวายยุ่งเหยิงแต่ด้วยความเป็นลูกที่ยังเคารพรักพ่อก็ไม่อยากปล่อยผ่าน

“เขาก็ต้องยอมสิ ดีกว่ายืนขายหน้าเป็นขี้ปากชาวบ้าน”

ในตอนนั้นเธอยังจับต้นชนปลายไม่ถูกจึงยอมทำตามคำขอของพ่อไป… ซึ่งตอนนี้เจ้าบ่าวไม่ยอมปล่อย!

คำย้อนของปรายฝนทำให้สุดาที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงสะอึก ถึงจะเป็นลูกเลี้ยงที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี แต่ใช่ว่าจะสั่งให้ปรายฝนทำอะไรเหมือนแต่ก่อนได้ นางจึงหันไปทำสายตาดุและขึ้นเสียงใส่สามีแทน

“คุณพุฒ คุณดูลูกสาวคุณพูด”

พุฒถอนหายใจ “ปรายฝนกลับเข้าห้อง เดี๋ยวพ่อจะไปส่ง”

“ไม่ค่ะ และหนูจะไม่กลับไปที่ห้องบ้าอะไรนั่นอีก”

“คิดเหรอว่าผู้ชายเขาจะยอม” สุดาแทรกขึ้นสีหน้าตึง

“พูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ” ปรายฝนเบนสายตาไปหาแม่เลี้ยง ที่เธอยังให้ความนับถืออยู่บ้าง

“เธอคงไม่รู้สินะ ว่าผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยเป็นคนมีอิทธิพลและพร้อมจะทำให้ใครก็ได้ ที่ทำให้ไม่พอใจหายไป” นางพูดต่อ โดยสีหน้าไม่ได้มีความภาคภูมิใจ กับการที่พ่อของเธอได้ลูกเขยเช่นนี้เข้ามาร่วมชายคา ซึ่งนั่นเธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากให้ปรายฟ้าแต่งงานกับชายเถื่อนที่มีดีแต่เงินและหน้าตา หรือเพราะเช่นนี้ปรายฟ้าถึงหนีงานแต่ง?

“รู้ทั้งรู้แล้วไปยุ่งกับพวกเขาทำไม แล้วทำไมถึงยอมให้ปรายฟ้าแต่งงานด้วย ไม่สิ… ปรายฟ้ารอดพ้นไปแล้วนี่ แต่มาตกที่หนูแทน”

ปรายฝนย้อนกลับไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เหมือนสิ่งของที่ปรายฟ้าไม่ต้องการ แล้วส่งต่อมาถึงเธอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือของเล่นตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เธอมักจะได้เล่นของเล่นที่ปรายฟ้าเบื่อ เหมือนต้องเป็นของมือสองเธอถึงจะได้ใช้…