บท
ตั้งค่า

ตอนที่2

“เออ ไม่ต้องพูดอะไรมาก เขาคงไม่ร้ายกาจฆ่าเจ้าสาวของตัวเองในวันแต่งงานหรอก…” สุดาพูดตัดจบ และแสดงออกว่าไม่พอใจ ที่ลูกเลี้ยงกล้าต่อปากต่อคำและย้อนกลับมาให้เธอได้เจ็บแสบ

พุฒแม้จะเห็นใจลูกสาวคนโต แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการพูดให้ลูกสาวใจอ่อน

“ลูกกลับไปนะ ไปพูดกับเขาดีๆ พ่อเชื่อว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่แต่หากลูกเลือกจะทิ้งหน้าที่ตรงนี้ไป พวกเราอาจไม่เหลืออะไร หรือแม้แต่หน้าพ่อก็จะไม่ได้เจอกันอีกตลอดไป”

เหมือนผู้บังเกิดเกล้าปัดความรับผิดชอบ

“หมายความว่าไง หน้าที่?”

ปรายฝนหรี่ตามองผู้เป็นพ่อ เธอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยความกังวลและแววตาหวั่นไหวฉายชัด

ในขณะที่เธอยังไม่ได้ความกระจ่างจากพ่อ ก็มีผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำท่าทางน่าเกรงขาม …แน่นอนว่าเธอจำได้ พวกเขาเดินเข้ามาหยุดโดยเว้นระยะห่างจากเจ้าสาวป้ายแดงไม่มาก และนั่นเพียงพอที่จะสร้างความกดดันให้ปรายฝนและพุฒ โดยไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาอีก ก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งสองจะถอยห่างออกไปเหมือนรู้ว่าหมดเวลาของตนแล้ว

เท้าเรียวก้าวเพื่อไปหาพ่อ แต่โดนขวางไว้ด้วยผู้ชายร่างสูงใหญ่ปรายฝนกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงท้อง โดยสายตาอ่อนแสงมองผู้ใหญ่ที่ค่อยๆ หายไปจากสายตา เวลาของเธอคงหมดแล้วเช่นกัน!

“เชิญครับ…”

น้ำลายเหนียวๆ ถูกลืนลงท้องอีกครั้ง พร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นรัว แต่เธอก็อยากรู้ว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอกันแน่ จึงจำใจต้องยอมไปก่อน

แต่ในใจก็หวั่น ว่าเธอจะอยู่กับใครอีกคนที่ไม่คุ้นเคย โดยไม่เกิดอะไรขึ้นได้กระนั้นหรือ… ซึ่งทำให้เธอคิดไม่ตกเช่นกัน

หลังจากถูกปล่อยให้เดินกลับเข้ามาในห้อง ที่วิ่งออกไปก่อนหน้านั้น ก็พบว่าเจ้าบ่าวไม่ได้นั่งอยู่บนเตียง ‘เขาไปไหน’

…หรือเขาออกไปจากในห้องนี้แล้ว

ไม่ใช่เป็นห่วงหรืออยากเจอ แต่ปรายฝนอยากรู้เพื่อจะได้วางตัวถูก!

แต่ไม่ทันได้รู้สึกโล่ง คนที่เธอกำลังคิดถึงก็เดินออกมาจากห้องน้ำ โดยท่อนล่างพันผ้าขนหนูผืนใหญ่ไว้ ในมือก็ถือผ้าเช็ดตัวผืนเล็กแล้วขยี้ไปบนศีรษะแรงๆ

สายตาคมกล้าเหลือบตามองเจ้าสาวที่วิ่งหน้าตื่นออกไปจากห้องไปก่อนหน้านี้ หากตอนนี้มายืนคว้างอยู่กลางห้อง เห็นแล้วฐานทัพก็อยากหัวเราะ เพราะใบหน้าของหล่อนเอ๋อตาค้าง เพียงเพราะเห็นเขานุ่งผ้าขนหนู!

มุมปากหยักกระตุกยิ้ม แล้วทำลายบรรยากาศที่ดูวังเวง โดยพูดขึ้นว่าและเดินตรงไปหา “ฟ้องพ่อเสร็จแล้วเหรอ”

ตากลมโตขยับขึ้นลง เหมือนมีใครมาสะกิดให้รู้สึกตัว ก่อนจะทำปากขมุบขมิบ แล้วรีบถอยหลังเมื่อเท้าหนาก้าวเข้ามาหาเธอโดยไม่คิดจะหยุดเว้นจังหวะให้เธอเตรียมตัวเตรียมใจ

“ทำไมชอบทำเหมือนผมเป็นตัวน่ารังเกียจ”

ฐานทัพหยุดเดิน เมื่อเห็นว่าหากไม่หยุด เจ้าสาวป้ายแดงตรงหน้าคงได้ถอยหลังจนหัวทิ่ม เพราะเหยียบชายกระโปรงที่รุ่มร่ามเป็นแน่

… หล่อนแสดงความหวาดกลัวเขา จนไม่ระวังตัวเอง!

คำถามของเจ้าบ่าว ทำให้ปรายฝนย้อนอยู่ในใจ ‘…คนมีอิทธิพลอย่างคุณใครจะอยากเข้าใกล้’

อีกทั้งไม่ใช่เพราะเขาหรือ ที่เธอต้องวิ่งหน้าตาตื่นออกไปหาพ่อ

“คุณก็อย่าทำตัวรุ่มร่ามสิ” ปรายฝนบอกเสียงแข็ง ไม่อยากรักษามารยาทกับคนที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะก่อนหน้านี้ก็เช่นกัน หากเขาไม่ใช้สายตาโลมเลียประหนึ่งจะเปลื้องเสื้อผ้าทางสายตา เธอก็คงไม่เตลิดวิ่งออกไป

“เราแต่งงานกันแล้ว ก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน คุณปรายฝนจะมาหวงตัวทำไมครับ”

มุมปากหยักหนาคลี่ขยาย สายตากรุ่มกริ่มจนปรายฝนไม่กล้าขยับเขยื้อนกาย แต่ก็กล้าตอบกลับ “คุณก็รู้เหตุผลที่เราต้องแต่งงานครั้งนี้นี่คะ”

“ผมตั้งใจสละโสดและอยากสร้างครอบครัวแล้วจริงๆ”

เขาบอกความต้องการของตัวเอง โดยน้ำเสียงและแววตาแน่วแน่

แต่ผู้ชายอย่างเขา น้อยนักที่ผู้หญิงจะเชื่อ และผู้หญิงตรงหน้าก็คงเช่นกัน!

ปรายฝนลำคอแห้งฝืดจนต้องกลืนน้ำลายลงคอ “แต่ไม่ใช่ฝนใช่ไหมคะ ที่คุณจะอยากสร้างครอบครัวด้วย” เพื่อให้แน่ใจปรายฝนจึงถาม และพร้อมหย่าให้โดยไม่ลังเล

“ไม่ …” คำตอบที่ทำให้ปรายฝนรู้สึกโล่งไม่ถึงเสี่ยววินาที “ผมจะไม่แต่งงานกับใครอีกนอกจากคุณ” ฐานทัพตอบตัดทาง

ปรายฝนนิ่งคิด แม้จะไม่รู้ประวัติ หากแต่แขกที่มาร่วมงานบ่งบอกถึงฐานะและทางสังคมของผู้ชายคนนี้ได้ดี ซึ่งต่างจากพ่อของเธอ ที่เป็นแค่เจ้าของร้านค้าวัสดุก่อสร้างเล็กๆ เช่นนั้นเธอไม่มีทางเชื่อ ว่าผู้ชายที่มีโปรไฟล์ดีอยากเขา จะมาหยุดอยู่ที่ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้

ท่าทางคิดหนักของผู้หญิงตรงหน้า ทำเอาฐานทัพหงุดหงิดจึงเปลี่ยนเรื่อง “ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ผมจะพักผ่อน”

ประโยคคล้ายคำสั่ง หากแต่ปรายฝนยังยืนค้างนิ่ง ฐานทัพเลยตัดสินใจเดินเข้ามาใกล้ จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากคนที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาว ซึ่งดูสวยสง่างามจนแขกในงานออกปากชมเข้าหูเกือบตลอดงานก็ว่าได้ และเจ้าบ่าวอย่างเขาก็อดถูมิใจไม่ได้

“หรือจะให้ผมช่วย…” พูดจบ ฐานทัพก็วางผ้าขนหนูผืนเล็กไว้บนบ่าเตรียมพร้อม

เสียงทุ้มแม้จะแผ่วเบา หากฟังแล้วกระเส่า ปรายฝนสะดุ้งสุดตัว และนั้นทำให้เธอเสียหลัก ฐานทัพรีบคว้าเอวคอดไว้ด้วยความว่องไว

“ไม่ใช่คุณที่ตกใจได้คนเดียว แต่คุณจะทำให้ผมหัวใจวายไปด้วย” เสียงทุ้มดุ หากแต่เพราะเป็นห่วงมากกว่าจะตำหนิ

เมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน ปรายฝนจึงดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดจากวงแขนหนา

“ช่วยเบาๆ หน่อยเถอะ ผมไม่ใช่ไวรัสที่จะแพร่เชื้อใส่คุณ”

ครานี้สีหน้าและน้ำเสียงของฐานทัพ เต็มไปด้วยความตัดพ้อ แล้วค่อยๆ ปล่อยร่างบางในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ

คำพูดและการกระทำของคนไม่คุ้นเคย ทำให้ปรายฝนรู้สึกผิดขึ้นในทันที

กับคนแปลกหน้า เธอยังมีไมตรีให้ได้ แล้วผู้ชายตรงหน้า… หากลดการกระทำไปก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

…แล้วภาพช่วงหนึ่งในขณะที่ต่างคนต่างทำหน้าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว รองเท้าส้นสูงสามนิ้วที่ไม่คุ้นชิน ก็ทำเอาแข้งขาของเธอปวดหน่วงจนทนยืนขาสั่นไม่ไหว เขาซึ่งไม่รู้ว่าสังเกตเห็นอาการของเธอตอนไหน รู้อีกทีก็มีเก้าอี้มาวางใกล้ๆ พร้อมกับเสียงทุ้มพูดขึ้น

“เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง ส่วนคุณนั่งพักก่อนนะครับ”

คราแรกปรายฝนก็ไม่อยากเชื่อหู แต่เมื่อสายตามองประสานกันโดยไม่ตั้งใจ ก็เห็นความจริงจังหนักแน่น และเหมือนมีแรงดึงดูดให้เธอต้องทำตาม แต่กระนั้นเธอก็ปากหนัก ไม่แม้จะขอบคุณเขา…

“ขอบคุณนะคะ…” ครานี้เธอกล้า และรับรู้ถึงความเห่อร้อนของใบหน้า ปรายฝนจึงรีบก้าวออกไปจากจุดนั้นเมื่อหัวใจของเธอรู้สึกไม่ปกติ

ฐานทัพเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะปล่อยให้เจ้าสาวผลัดมือได้จัดการกับตัวเอง ส่วนเขาแต่งตัวเสร็จก็ขึ้นไปนอนบนเตียง พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel