บทที่ 1 เลือดศิวะพรหม (1)
ตั้งแต่จำความได้ แสงเทียนก็อยู่กับมารดาผู้ให้กำเนิดเพียงสองคนในชุมชนแออัด ที่ผู้คนมักเรียกขานชุมชนแถวบ้านเธอว่า ‘แหล่งสลัม’
แม่ของเธอเป็นช่างตัดเสื้อที่มีฝีมือ แม้ไม่มีหน้าร้านแต่ก็มีลูกค้าประจำมาหาที่บ้านเสมอ แม่จึงมีรายได้จากการตัดเย็บเสื้อผ้าไว้เลี้ยงตัวเองและเธอ
พ่อมาหาเธออยู่บ้าง แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันประจำ แต่พ่อก็แวะมาหาเธอกับแม่อยู่บ่อย ๆ ทุกครั้งที่พ่อมาหา พ่อก็จะซื้อขนมของฝาก ของเล่น ขนมอร่อย ๆ มาให้เธอกับแม่เสมอ
แต่พ่อก็อยู่กับเธอและแม่ได้ไม่นาน บางทีมาค้างคืนแค่วันเดียว ในตอนเช้าพ่อก็รีบกลับไป ตอนที่ยังเป็นเด็กเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าพ่อไปไหน ทำไมพ่อถึงไม่อยู่กับเธอกับแม่นาน ๆ เหมือนพ่อคนอื่น ๆ
พอโตขึ้นมาอีกหน่อย เธอก็รู้จากปากชาวบ้านที่ชอบนินทาแถวนั้นพูดว่า ‘แม่ของเธอเป็นเมียน้อย’ และเธอก็เป็นเพียง ‘ลูกเมียน้อย’
ได้ยินแบบนั้นเธอก็เสียใจมากนัก ไม่คิดว่าตัวเธอจะเป็นลูกเมียน้อยอย่างที่ถูกใครตราหน้าเรียก ประจวบเหมาะที่วันนั้นพ่อมาหาเธอกับแม่พอดี
พอพ่อเห็นเธอกำลังร้องไห้ก็เข้ามาถามไถ่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ‘เป็นอะไรไปลูก ไหนบอกพ่อมาสิ ใครทำให้ลูกสาวของพ่อร้องไห้’
‘พ่อคะ เทียนเป็นลูกเมียน้อยเหรอคะ?’
พ่อดูตกใจไม่น้อยที่ได้ยินเธอถามแบบนั้น ‘หนูไปเอาอะไรมาพูดลูก’
‘หนูได้ยินชาวบ้านพูดกัน ว่าแม่เป็นเมียน้อยของพ่อ’ เธอบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดถึงเรื่องนี้แสงเทียนก็ร้องไห้น้ำตานองหน้า
‘เหลวไหล ไม่เอานะคนเก่ง ไม่ร้องไห้’ ไม่เพียงคำปลอบโยน พ่อยังเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้เธอ ‘มาลูกเข้าบ้านก่อน มีอะไรมาคุยกันในบ้าน’
พอแม่รู้เรื่องที่เธอร้องไห้ แม่ก็เข้ามาสวมกอดเธอแล้วร้องไห้ตาม จากนั้นพ่อกับแม่ก็เล่าเรื่องราวความรักของพวกท่านให้เธอฟังทั้งหมด
เดิมทีพ่อกับแม่รักกันมาก่อน แต่เพราะครอบครัวของแม่มีฐานะยากจน อีกทั้งยังอาศัยอยู่ในแหล่งสลัม ปู่กับย่าที่พอมีหน้ามีตาในสังคมจึงรังเกียจแม่ของเธอ
พอย่ารู้ว่าพ่อมารักชอบกับแม่ ย่าของเธอก็บีบบังคับให้พ่อของเธอแต่งงานกับ ‘น้าสาลี’ ผู้หญิงที่สวยและเพียบพร้อมไปกว่าแม่ของเธอ ทว่าพ่อของเธอก็ปฏิเสธ เพราะพ่อไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น
พอพ่อปฏิเสธเท่านั้น คุณย่าก็เสียใจมาก ท่านจึงตัดสินใจกินยานอนหลับเพื่อฆ่าตัวตาย ด้วยความที่พ่อไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ลูกอกตัญญู’ พ่อจำใจต้องแต่งงานกับน้าสาลีอย่างไม่มีทางเลือก
แต่เพราะพ่อไม่ได้รักน้าสาลี ด้วยนิสัยและทัศนคติการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน น้าสาลีชอบใช้ชีวิตบนความหรูหรา ส่วนพ่อของเธอชอบใช้ชีวิตติดดิน ทั้งสองจึงเข้ากันไม่ได้
สุดท้ายพ่อก็ตัดสินใจที่จะหย่ากับน้าสาลี...
พอคุณย่าทราบเรื่องนี้เข้า จึงยื่นคำขาดตัดแม่ตัดลูกกับพ่อของเธอหากพ่อเธอหย่ากับน้าสาลี แต่พ่อก็ยืนยันที่จะหย่า หลังจากจดทะเบียนหย่ากับน้าสาลีแล้ว พ่อก็มาจดทะเบียนสมรสและอยู่กินกับแม่ของเธอเงียบ ๆ
เรื่องน่าจะจบลงแค่นั้น แต่ชีวิตจริงมันไม่ง่ายแบบนั้น...
น้าสาลีดันเพิ่งมารู้ตัวในภายหลังว่าตนเองตั้งท้อง เมื่อเป็นแบบนั้นย่ากับปู่จึงมาหาแม่ของเธอถึงที่บ้าน เพื่อขอร้องให้แม่ ‘คืน’ พ่อให้กับน้าสาลี
แค่ฟังเรื่องของพ่อกับแม่ เธอก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ด้วยความสงสารแม่จับใจ เพราะเธอรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่เจอกับเรื่องเลวร้ายอะไรบ้าง...
เพื่อเห็นแก่เด็กทารกน้อยตาดำ ๆ ที่ยังไม่ลืมตาดูโลก แม่จึงยอมเสียสละ รวมทั้งเป็นฝ่ายขอร้องให้พ่อกลับไปหาน้าสาลี แต่แม่ก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองก็กำลังตั้งท้องเธออยู่เช่นกัน
พ่อเล่าให้เธอฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า พ่อเองก็ลำบากใจเช่นกัน เพราะพ่อรักแม่หมดหัวใจ ไม่ได้อยากจะกลับไปหาเมียคนนั้น แต่เมื่อแม่เป็นฝ่ายขอร้อง พ่อเองที่กล้ำกลืนฝืนทนจึงยอมกลับไป
ทว่าพ่อก็ไม่ได้หย่ากับแม่ของเธอแต่อย่างใด พ่อยังคงทำหน้าที่พ่อ และหัวหน้าครอบครัวด้วยการไปมาหาเธอกับแม่ตามปกติ ดังนั้นแม่ของเธอจึงยังเป็นเมียตามกฎหมายของพ่อ
หลังจากพ่อจากไปไม่กี่เดือน น้าสาลีก็คลอดรัศมีออกมา ส่วนแม่ของเธอก็คลอดเธอ ดังนั้นเธอกับรัศมี พี่สาวต่างมารดาจึงมีอายุห่างกันแค่ครึ่งปีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พ่อจึงอยู่ทั้งสองบ้าน
