บทที่ 1 หัวขโมย (4)
วาดดาวรอให้เจ้าของบ้านลงจากรถก่อน เธอถึงลงรถตาม กระนั้นเธอก็อดมองเขาเป็นระยะอย่างอดไม่ได้
เขานิ่งและเงียบเหลือเกิน ใบหน้าคมเข้มติดดุนั่นดูน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย ถึงพ่อเลี้ยงชโลทรจะเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมดูดีทุกองศา ผู้หญิงคนไหนเห็นเป็นต้องกรี๊ด ต้องเหลียวหลังกลับมามอง
แต่เธอก็ยังเป็นกังวลในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองอยู่ไม่น้อย อาจเพราะสัญชาตญาณก็ได้ เขาแข็งแกร่ง แต่เธออ่อนแอ เขาเป็นผู้นำ ส่วนเธอเป็นผู้ตาม
แต่ที่วาดดาวปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือเรื่องความคุ้นเคย...
เขาคือคนแปลกหน้าสำหรับเธอด้วยซ้ำ
“ขยันมองหนาฉันจัง มีอะไรอยากพูดกับฉันหรือเปล่า?” อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็หยุดเดินแล้วมองหน้าหญิงสาว
พอถูกจับได้แก้มเนียนของหญิงสาวก็เห่อร้อนขึ้นมา วาดดาวหลบสายตาคมดุทันที เธอเลยพลาดไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่เซ็กซี่ของชายหนุ่ม
“มานี่สิ จะพาไปดูห้องพัก”
หญิงสาวเดินตามไปอย่างว่าง่าย กระนั้นถึงจะทำใจกับสถานะของตัวเองไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เมื่อต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับเขาในฐานะ ‘ผู้หญิงของเขา’ มันก็สร้างความวิตกกังวลให้กับวาดดาวอยู่ไม่น้อย
วาดดาวเดินตามหลังเจ้าของร่างสูงไปเงียบ ๆ พร้อมกับสำรวจบ้านพักของเขาไปพร้อมกัน
บ้านของพ่อเลี้ยงชโลทรเป็นเรือนไทยสองชั้น สไตล์ล้านนาหลังกะทัดรัด ที่จั่วบ้านมีกาแลฉลุคาดติดไว้ การตกแต่งภายในบ้านดูเรียบหรู บ่งบอกรสนิยมของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญบ้านหลังนี้ดูร่มรื่นน่าอยู่ และเงียบสงบมากนัก
“ฉันพักอยู่คนเดียว ที่นี่มีแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกวัน อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกแม่บ้านได้นะ ป้าสายหยุดเข้ามาทุกวัน”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ
แล้วเจ้าของร่างสูงก็พาเธอขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน
“เธอพักห้องนี้ก็แล้วกัน”
ไม่บอกอย่างเดียว ชโลทรยังเปิดประตูห้องซึ่งแกะสลักลายดอกพุดตานออกกว้างเผยให้เห็นภายในห้อง แล้วชายหนุ่มก็เดินนำเข้าไป
“เข้ามาสิ ดูว่าอยู่ได้มั้ย”
วาดดาวมองห้องนอนที่มีเตียงนอน โต๊ะแต่งหน้า และตู้เสื้อผ้า แล้วเธอก็พยักหน้า เพราะบ้านของพ่อเลี้ยงชโลทรมีสภาพดีกว่าบ้านรังหนูของเธอหลายเท่า
“ดี” บอกสั้น ๆ ชายหนุ่มก็เดินออกจากห้อง “นี่เป็นห้องน้ำ ส่วนห้องนี้เป็นห้องนอนของฉัน”
“เออ... แล้วเราไม่นอนห้องเดียวกันเหรอคะ?”
หลุดปากถามเรื่องที่สงสัยไปแบบไม่ทันคิด วาดดาวก็เม้มปาก หน้าร้อนผ่าว เธอรีบหลบสายตาเจ้าของบ้านที่มองมาทันที
ชโลทรเดินเข้ามาใกล้ แล้วเชยคางหญิงสาวขึ้น “ถ้าเธอไม่ชอบความเป็นส่วนตัว จะมานอนกับฉันก็ได้นะ”
“ฉันนอนคนเดียวดีกว่าค่ะ” หญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้อง
สายตาคมดุนั้นจับจ้องมาที่เธอชนิดไม่ละสายตา แล้วอยู่ ๆ พ่อเลี้ยงก็รั้งตัวเธอเข้าไปกอดพร้อมบดขยี้จุมพิตทันที!!
วาดดาวทำตาโตด้วยความตกใจ สัญชาตญาณทำให้เธอดิ้นประท้วงเขา แต่ก็แค่อึดใจเท่านั้น เธอก็อ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟในอ้อมแขนของเขา
ไออุ่นจากริมฝีปากกระตุ้นให้เธอร้อนผ่าวไปทั้งร่าง ยิ่งลิ้นชื้นจัดเจนแทรกเข้ามาในช่องปากเพื่อดื่มด่ำความหวานวาดดาวก็ยิ่งไร้เรี่ยวแรงจะทัดทาน เธอปล่อยให้เขาจูบอย่างง่ายดาย
ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยพานพบเกิดขึ้นกับเธอ จนเธอต้องจิกทึ้งเสื้อเชิ้ตของเขาไว้แน่น ยอมรับความวาบหวามรัญจวนที่ชายหนุ่มมอบให้โดยดี ทั้งที่เธอเองสั่นสะท้านไปทั้งตัว
พอเขาถอนจุมพิตออก วาดดาวก็เม้มปากเป็นเส้นตรงรีบหลบสายตาคู่คม
“กลัวฉันไหม?”
คนถูกถามพยักหน้า ไม่มองหน้าเขา
“ฉันก็รู้สึกอย่างนั้นว่าเธอกลัวฉัน... ที่ฉันยังไม่ให้เธอมานอนด้วย เพราะฉันอยากให้เวลาเธอ”
“ค่ะ” หญิงสาวอ้อมแอ้มตอบรับ
“ฉันเองก็ยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานในตอนนี้ หนึ่งปีนับจากนี้ เราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปก่อน ครบกำหนดที่ตกลงกันไว้แล้วเราค่อยมาว่ากันใหม่ ถ้าเธอเต็มใจจะอยู่ที่นี่ต่อฉันก็ไม่ว่า หรือถ้าเธอเต็มใจจะไปจากที่นี่ฉันก็ไม่รั้ง”
หญิงสาวทำหน้างง พอคิดตามทันเธอก็กลืนน้ำลายลงคอ
“ฉันต้องอยู่ที่นี่หนึ่งปีเลยเหรอคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“ใช่”
วาดดาวเงียบไป เธอไม่อยากอยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำ
“ฉันจ่ายไปเยอะ และฉันก็สมควรได้กลับมาบ้างไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวมองหน้าคนพูด แต่เธอก็พูดอะไรไม่ออก ก็ตอนนี้เธอเป็นแค่ลูกไก่ตัวน้อย ๆ ที่อยู่ในกำมือของผู้ชายคนนี้ เธอจะมีปากมีเสียงอะไรได้เล่า
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ฉันไม่ได้บังคับเธอให้ทำแบบนี้ อย่าลืมสิว่าครอบครัวของเธอที่ยื่นข้อเสนอนี้ให้กับฉัน”
หญิงสาวพยักหน้าด้วยความเจ็บปวด เพราะคำพูดของพ่อเลี้ยงชโลทรคือการทิ่มแทงใจดำอย่างจัง
“อย่าทำหน้าแบบนั้นวาดดาว ฉันชอบรอยยิ้มของเธอมากกว่าน้ำตา มานี่เถอะ มาอาบน้ำให้ฉันที”
ชโลทรเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วจูงมือหญิงสาวมายังห้องน้ำ แต่วาดดาวก็ขืนตัวไว้
“ฉัน... ฉันยังไม่พร้อมค่ะ” หญิงสาวรีบหดมือกลับ บอกหน้าตาตื่น
“แค่ช่วยถูหลังให้ฉัน ต้องใช้ความพร้อมด้วยเหรอ”
“เออ...”
“มาเถอะน่า”
สิ้นคำพ่อเลี้ยงหนุ่มก็จัดการถอดเสื้อผ้าออกแล้วพาตัวหญิงสาวเข้าไปในห้องน้ำทันที...
