บทที่ 8 ฉันคือ "หยาดฝน"
เมื่อรถมอเตอร์ไซด์คันเก่งของสิชล วิ่งมาจอดบริเวณที่จอดรถของตึก H ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านใจกลางเมือง
ปานฝันบอกให้เขามาจอดในบริเวณนี้เพราะสามารถจอดได้ ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยทราบมาก่อน
"ฝันรู้ได้ยังไงนะ" เขาพึมพำในขณะที่ถอดหมวกกันน็อกออกจากศีรษะ ก่อนจะจับเส้นผมให้เข้าที่ เพราะมันยับเล็กน้อย ไม่รู้สิ ไอ้คำชมของเธอเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา มันทำให้เขาอยากจะ...ดูหล่อเท่ห์อยู่ตลอดเวลาซะงั้น
"นายรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ ตรงนี้ให้จอดได้ไม่นาน ยืนเฝ้ารถไว้จะไม่เป็นปัญหา ยังไงเดี๋ยวฉันกลับมาโอเคนะ"
ปานฝันพูดเหมือนมาที่นี่แทบทุกวันและรู้ทุกซอกทุกมุมของที่นี่ ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยมา เขาทราบดี
"อื้อ ได้สิ" เขายอมทำตามที่เธอบอกโดยง่าย แต่ในหัวก็พยายามวิเคราะห์สิ่งที่สงสัยไปด้วย ก็ไม่แน่ถ้าหยาดฝนเคยมาที่นี่บ่อย แฟนคลับอย่างปานฝันที่คอยติดตามข่าวก็อาจจะรู้ข้อมูลก็ได้
เขารู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรอก...
แต่ ขอให้เขาได้เข้าข้างตัวเอง ว่าปานฝันยังอยู่กับเขาอีกสักหน่อยก็ยังดี
หยาดฝนในร่างกายปานฝัน เดินเข้าไปในบริเวณที่คิดว่าหัสนัยมักจะมาในทุกๆ เช้าก่อนเข้าประชุม ซึ่งก็คือเลาจ์ของบริษัท เรือนร่างสูงโปร่ง สวมสูทสีคุ้นตา ทำเอาเธอใจสั่นเทาขึ้นมา ก้มลงมองสารรูปของตัวเองที่พยายามแต่งมาดีที่สุดแล้วเท่าที่จะดีได้
หยาดน้ำใสในดวงตาเอ่อท้นขึ้นมา อย่างไม่อาจหักห้ามได้ เสี้ยวหน้าของเขาที่เธอไม่เคยต้องลอบมองและสามารถมองผ่านตรงๆ ได้เสมอ ไหนจะสันจมูกโด่งคมที่เห็นชัดแม้อยู่ระยะไกลแบบนี้นั้นด้วย เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน เขาจะรู้ไหม ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง
ปานฝันรอจังหวะสักพัก ก่อนที่หัสนัยจะเดินออกมาจากเลาจ์ อ้อมมายังด้านหลัง ก่อนจะไปขึ้นลิฟต์ของระดับผู้บริหาร หยาดฝนผู้มีต้นทุนเดิมเป็นคล่องแคล่วว่องไวอยู่แล้ว รีบคว้าโอกาสนี้และรีบวิ่งไปดักหน้าเขาไว้ทันที
“พี่นัยมีเรื่องที่ไม่อยากจะบอกให้ใครรู้อยู่ 3 เรื่อง” หัสนัยตกใจเล็กน้อย พร้อมมองหน้าผู้หญิงคนนี้ด้วยความรู้สึกคุ้นตา
“คุณเป็นใคร?” เขาว่าพร้อมมองหา รปภ. เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้น เขาก็พยายามระวังตัว เพราะตอนนี้สรุปกันว่า ที่หยาดฝนเข้าโรงพยาบาลเพราะมีคนแอบนำดอกไม้ที่เธอแพ้ไปแซมไว้กับดอกไม้ประดับรอบเวที ซึ่งทำให้มีโอกาสเป็นไปได้ว่ามีคนพยายามปองร้ายเธออยู่
ซึ่ง...เขาก็ต้องระวังตัวด้วย
“เราวางแผนกันว่า หลังแต่งงานเสร็จ เราจะบอกคนอื่นว่าเราไปฮันนีมูนที่ปารีส...แต่จริงๆ แล้ว เราจะไปแม่ฮ่องสอนกัน แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่พี่นัยอยากไปมากที่สุด แต่บอกใครไม่ได้ เพราะกลัวคนรู้...ว่าตอนเด็กๆ พี่เกิดและโตที่นั่น” แต่ประโยคต่อมาที่เธอบอกเขา ทำให้หัสนัยอึ้งไป นอกจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวแล้ว ก็มีแค่หยาดฝนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“พี่นัยอยากมีลูกแค่คนเดียว แต่ฝนอยากมีสามคน เราตกลงเรื่องนี้กันไม่ได้ จนเกือบจะไม่ได้แต่งงานกัน จนสุดท้ายเราได้ตรงกลางคือ มีลูกกันแค่สองคน โดยท้องครั้งเดียว คือทำแฝด” เขายืนนิ่งฟัง พลางสำรวจผู้หญิงที่เขาไม่คุ้นหน้า
“คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”
“นี่ฝนเองค่ะพี่นัย...ตั้งแต่ที่สลบไปในงานแต่งของเรา ฝนก็ฟื้นขึ้นมาในร่างของใครก็ไม่รู้ ไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น...” เธอว่าพลางน้ำตาไหล เพราะสายตาของหัสนัยตอนนี้ มีโอกาสที่เขาจะรับฟังเธออยู่บ้าง
“เรื่องทั้งหมดที่ฝนพูดไป เป็นความลับสุดยอดที่เราสองคนก็ไม่เคยบอกใคร เพื่อยืนยันค่ะ ว่าฝนคือฝนตัวจริง” สองคนประสานสายตากันอยู่ชั่วครู่ กำลังจะเดินเข้าหากันแล้ว แต่อยู่ๆ เสียงของแพทย์หญิงกิ่งฉัตรก็ดังขึ้น
“คนสมัยนี้ มีวิธีหากินกันสารพัดรูปแบบเลยนะคะ” กิ่งฉัตรเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเชิงหนักใจ
“หมอกิ่ง” คนสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“มีคนมาหากิ่งเมื่อเช้าที่โรงพยาบาลเหมือนกันเลยค่ะ มุกเดียวกับคนไข้ที่โรงพยาบาล บอกว่าตัวเองคือยัยฝนที่ไปสิงร่างคนอื่นอีกที...กิ่งเพิ่งส่งตัวให้ตำรวจไป” กิ่งฉัตรว่าพร้อมส่งรูปหลักฐานให้ดู ก่อนมองปานฝันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“เอ๊ะ นี่มันคนไข้วันนั้นนี่คะ” หัสนัยมองที่ปานฝันอีกครั้ง พร้อมกับจำได้ว่าเธอคือผู้หญิงคนนั้นจริงๆ
“วันนั้นไม่ได้ผล ก็พยายามมาอีกครั้งเหรอคะ ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ล้อเล่นกับความรู้สึกของญาติที่เขากำลังร้อนใจ สนุกมากเหรอคะ?” กิ่งฉัตรว่าเชิงเอาเรื่อง เหมือนเธอเองก็เจ็บปวดเหลือเกิน ที่เพื่อนรักต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้
“เปล่านะ นี่ฉันจริงๆ ยัยกิ่ง...ฉันคือหยาดฝนเพื่อนรักของแก แกจะให้ฉันพิสูจน์ยืนยันตัวตนยังไงก็ได้ แกบอกมาสิ เรื่องของแกกับพี่นัยฉันรู้หมดทุกเรื่อง จะให้ฉันพูดหมดก็ได้นะ”
“พี่นัยคะ...คนพวกนี้ทำการบ้านมาอย่างดี ข้อมูลของคนที่มีชื่อเสียงแบบเรา โดยเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับยัยฝน เขาหาได้ไม่ยากหรอกค่ะ อย่าหลงเชื่อง่ายๆ นะคะ” เธอหันไปบอกหัสนัยเชิงห่วงใย แบบไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าหยาดฝนในร่างปานฝัน จะพูดว่าอะไรต่อ
“ไม่จริง ฉันไม่ได้เปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง มันมีความลับบางอย่างที่มีแค่พวกเราที่รู้ แกก็รู้ว่าฉันเก็บความลับให้แกเก่งแค่ไหน มีตั้งหลายเรื่องที่แกบอกให้ฉันไม่ต้องไปบอกใคร...”
“พอได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะส่งเธอให้ตำรวจ...ยัยฝนเพื่อนฉันไม่ได้อาการหนัก จนถึงขั้นที่วิญญาณเขาจะออกจากร่าง เลิกเอาความเจ็บป่วยของคนอื่นมาทำมาหากินได้แล้ว” แล้วกิ่งฉัตรก็น้ำตาไหลออกมา ใครก็รู้ว่าหมอกิ่งกับหยาดฝนรักกันมากแค่ไหน ไม่แปลกเลยที่หมอกิ่งจะอ่อนไหวขนาดนี้
“รปภ.มาจับผู้หญิงคนนี้ออกไป” หัสนัยว่าเชิงปกป้องแพทย์หญิงกิ่งฉัตรและหยาดฝนที่ถูกแอบอ้าง
“ปล่อยฉันนะ ฉันคือหยาดฝนจริงๆ นะ...” ปานฝันดิ้นรน จากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ รปภ. จนสิชลที่คอยแอบตามมาห่างๆ ตั้งแต่แรก รีบวิ่งเข้ามาช่วยเธอ
"ผู้หญิงคนนี้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มะเร็งแพร่กระจายไปที่สมอง อาจพูดอะไรเพี้ยนไปบ้าง ขอโทษแทนเธอด้วยนะครับ" น้ำเสียงอันดังและทรงพลัง แต่น่าฟังของสิชล ทำให้ รปภ.รับฟังและปล่อยตัวเธอทันที
หยาดฝนในร่างปานฝันที่สติแทบหลุด รู้สึกเหมือนได้รับการโอบกอด ไออุ่นจากผู้ชายที่ปกป้องผู้หญิงของเขาอย่างสุดหัวใจ ทำให้เธออยากจะร้องไห้ เธอจะได้มีโอกาสกลับไปหาผู้ชายที่พร้อมปกป้องเธอในฐานะหยาดฝน เหมือนปานฝันคนที่เธออาศัยร่างเขาอยู่ แบบนี้ไหมนะ...
