บุคคลต้องห้าม
กลับจากงานเลี้ยงเปิดตัวสินค้าของแบรนด์ที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ วาลินรู้สึกหมดแรงแม้จะก้าวเดิน ภาพที่เธอเห็นคนสองคนกำลังนัวเนียกันยังคงติดตาทำได้แค่สะบัดหัวไล่ความคิด
“เลิกคิดๆ คนแบบนั้นคือคนที่เราไม่ควรเข้าใกล้” ย้ำคำที่ผู้จัดการเตือนนักหนาอีกครั้ง ผู้ชายแบบอาทิตย์คือบุคคลต้องห้ามที่เธอไม่ควรเฉียดเข้าไปใกล้
หญิงสาวเดินเข้าบ้านด้วยสภาพที่เหนื่อยอ่อนไม่มีการต้อนรับจากคนในครอบครัว ไม่มีคำทักทายเมื่อเธอกลับมา ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่น
“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างติดนิสัย แม้จะรู้ว่าไม่มีใครในบ้านอยากรู้ว่าเธอกลับมาหรือยัง
“คงหลับกันหมดแล้วมั้ง” วาลินเดินคอตกขึ้นห้องตัวเอง บ้านทั้งบ้านเงียบสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ทั้งที่เปิดไฟสว่างจ้า
“คุณแม่คะ ทำไมไม่บอกนังลินไปคะว่ามันไม่ใช่ลูกของคุณแม่” เสียงเจื้อยแจ้วดังแล่นเข้ามาในหูทำให้วาลินหยุดชะงักฝีเท้าทันควัน
“บอกทำไมล่ะคะลูก นังลินมันเป็นบ่อเงินบ่อทองของเรานะลูก” เสียงที่คุ้นเคยของผู้เป็นแม่ทำให้วาลินหัวใจเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ
“ก็จริงนะคะ ตั้งแต่มันเป็นดาราพวกเราก็อยู่สบายไหนจะสมบัติที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้อีก” คำพูดของน้องสาวทำให้วาลินยิ่งเหมือนตายทั้งเป็น ทำไมถึงไม่มีใครเคยบอกเรื่องนี้กับเธอ ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแม่ แล้วเธอเป็นลูกของใครกัน
“แล้วนังลินมันเป็นลูกของใครล่ะคะคุณแม่” จู่ๆ คำถามที่เธออยากรู้ก็ถูกน้องสาวถามขึ้นมา
“ก็ลูกเมียเก่าของคุณพ่อแกน่ะสิ เคยได้ยินว่าแม่มันตายตั้งแต่คลอดมันออกมา ตัวซวยจริงๆ” วาลินยืนนิ่งมือกำหมัดแน่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังสองแม่ลูกพูดถึงเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน
“คุณพ่อเคยแต่งงานเหรอคะ”
“แต่งที่ไหนล่ะ แม่นังลินเป็นแค่คนใช้คุณปู่ท่านไม่ยอมให้แต่งหรอกขายขี้หน้าคนอื่นตาย”
“โธ่! ก็คิดว่าจะเป็นผู้ดีที่ไหนสุดท้ายเป็นแค่ลูกคนใช้” คนที่เธอเรียกว่าน้องสาวมาตลอดตอกย้ำความเป็นลูกคนใช้ของเธอเข้าไปอีก
“มันต้องขอบคุณแม่ด้วยซ้ำที่รับมันเป็นลูกแถมยังส่งเรียนมารยาทขัดเกลานิสัยต่ำๆ ที่ติดมาจากแม่ของมันอีก” ยิ่งฟังยิ่งเจ็บปวด ความลับที่ปิดมาตลอดยี่สิบกว่าปีถูกเปิดเผยออกมาจากปากของคนที่เธอคิดว่าเป็นแม่ของตนเองมาตลอด
“นังลินมันโง่นะคะแม่ ฮ่าๆ” สองแม่ลูกพากันหัวเราะเยาะให้กับความไม่ทันคนของวาลิน เธอไม่เคยเอะใจหรือสงสัยในเรื่องนี้เลยคิดเพียงแค่ว่าแม่รักน้องมากกว่าเธอ แต่แท้จริงแล้วท่านไม่เคยรักเธอเลยเห็นเธอเป็นเพียงประโยชน์เท่านั้น
“โง่สิ ตอนคุณพ่อเสียนังลินมันได้สมบัติมากมายแต่มันกลับยกให้แม่จนหมด ฮ่าๆ” วาลินยืนฟังพร้อมกับนึกย้อนไปตอนที่พ่อของเธอป่วยและจากไปด้วยโรคประจำตัวตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุสิบสาม ด้วยความที่เป็นเด็กกตัญญูเธอจึงยกสมบัติในส่วนของเธอให้ผู้เป็นแม่จัดการดูแลทั้งหมด
“แล้วส่วนของหนูล่ะคะ”
“ของลูกก็ยังอยู่ในเซฟไงจ๊ะ แม่ไม่เอาไปใช้หรอกแต่ส่วนของนังลินน่ะหมดไปแล้ว ฮ่าๆ” สองแม่ลูกพากันหัวเราะชอบใจในความฉลาดของตัวเอง แต่หารู้ไหมว่ามีหญิงสาวที่เป็นหัวข้อสนทนายืนแอบฟังเงียบๆ ทั้งน้ำตา
วาลินกลับขึ้นห้องโดยไม่โวยวาย ไม่เสียงดังเธอเก็บเรื่องที่ได้ยินทั้งหมดเอาไว้ ตลอดชีวิตเธอคิดว่าตัวเองสมบูรณ์แบบ ครอบครัวมีฐานะ มีพ่อแม่ที่ให้ความอบอุ่น มีน้องสาวที่น่ารักแต่สุดท้ายไม่ใช่แบบที่ฝัน 'ครอบครัวอบอุ่นมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละ'
“ฮึก...ฮือ...พ่อขาทำไมไม่เคยบอกลินเลย...ฮือ” วาลินปิดหน้าร้องไห้ระบายความเศร้าผ่านน้ำตา แค่บอกว่าแม่แท้ๆ เป็นใครท่านก็ยังไม่เคยพูดถึงจนเธอไม่รู้เรื่องแม่ของตัวเองเลยสักนิด
เช้าวันใหม่กับการร่วมโต๊ะอาหารที่วาลินเป็นเหมือนส่วนเกิน สองแม่ลูกชวนกันคุยอย่างสนุกสนานส่วนเธอทำได้แค่เพียงนั่งมองเฉยๆ
“กรี๊ดดด คุณแม่ขานี่มันคุณแสงนี่คะ” เสียงแหลมของผู้เป็นน้องสาวกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นภาพผู้ชายที่หมายปองอยู่ในจอโทรศัพท์แถมยังพาดหัวข่าวเด่นหราจนอดกรี๊ดไม่ได้
“ไหนลูก?”
“นี่ค่ะๆ ผู้ชายอะไรหล่อ รวย แซ่บมากๆ” หญิงสาวอายุสิบเก้าวัยมัธยมปลายยังเอ่ยปากชมถึงอาทิตย์ ส่วนวาลินทำได้แค่มองสองแม่ลูกคุยกันเงียบๆ ไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว
“หล่อ รวย แซ่บแต่ข่าวเยอะแบบนี้ก็ไม่ไหวนะคะลูก”
“แต่ถ้าได้เป็นข่าวกับเขานี่ดังข้ามคืนเลยนะคะคุณแม่” ผู้เป็นน้องสาวยังคงเอ่ยต่อ
“ข่าวฉาวน่ะสิคะลูก อย่าไปยุ่งกับผู้ชายแบบนี้เลยค่ะไม่เอาๆ”
“หนูจะไปยุ่งกับเขาได้ยังไงกันล่ะคะคุณแม่ เจอหน้ายังไม่เคยเจอเลย” หญิงสาวทำปากคว่ำแต่สายตายังคงอ่านข่าวไม่หยุดเพื่อเก็บรายละเอียด
“เอ๊ะ? โรงแรมพาราไดมอน ที่พี่ไปเมื่อคืนนี้ได้เจอคุณแสงหรือเปล่า” ผู้เป็นน้องสาวเห็นชื่อสถานที่แล้วรีบถามพี่สาวทันควันด้วยความอยากรู้ วาลินที่นั่งเหม่อลอยอยู่สะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะแอบลอบยิ้ม
“ไม่รู้สิ เจอหรือเปล่านะ?” คำตอบครึ่งๆ กลางๆ ชวนโมโหของเธอทำให้ผู้เป็นน้องสาวเริ่มปรี๊ดเพราะไม่เคยโดนใครยอกย้อนแบบนี้
“แค่บอกมาว่าเจอหรือไม่เจอแค่นี้ก็จบ!”
“ทำไมฉันต้องบอกเธอล่ะ?” จริงๆ แค่ตอบว่าเจอให้เรื่องจบไปก็ได้แต่เธออยากกวนประสาทสองแม่ลูกเท่านั้น
“คุณแม่ดูมะ...พี่วาลินสิคะ” น้องสาวกำลังจะหลุดคำว่า'มัน' แต่ต้องเก็บกิริยาเอาไว้ก่อน
“แกก็บอกน้องไปสิว่าได้เจอคุณแสงเขาหรือเปล่าก็แค่นั้น” เมื่อลูกสาวสุดที่รักฟ้องคนเป็นแม่ก็รีบปกป้องทันที
“เจอค่ะ หล่อ รวย แซ่บแบบที่เธอบอกจริงๆ นั่นแหละ” วาลินแกล้งทำหน้าชวนฝันทั้งที่การที่เธอเจอกับอาทิตย์นั้นไม่ใช่ภาพน่าจดจำเลยสักนิด
“แกห้ามเข้าไปยุ่งกับผู้ชายคนนั้นเด็ดขาดนะวาลิน...ฉันสั่งห้ามเด็ดขาด” เสียงของผู้เป็นแม่ที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เอ่ยกลางโต๊ะอาหารเพราะกลัววาลินจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาทิตย์จนทำให้ชื่อเสียงที่อุตส่าห์ปลุกปั้นขึ้นมาต้องจบลง
“แม่เป็นห่วงลินหรือคะ” วาลินถามกลับแม้รู้เหตุผลของท่านดีว่าไม่ได้เป็นห่วงเธอแต่ห่วงชื่อเสียงของตัวเองมากกว่า
“ถ้าแกไปยุ่งกับผู้ชายคนนั้นอนาคตในวงการบันเทิงของแกดับแน่วาลิน อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ลินไม่ได้อยากจะอยู่ในวงการบันเทิงอยู่แล้วนี่คะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่งพร้อมกับยืนขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว เธอไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครอีกแล้วในเมื่อพวกเขาไม่ได้มองเธอเป็นคนในครอบครัวด้วยซ้ำ
“วาลิน! แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?” คนเป็นแม่เริ่มปรี๊ดแตก
“คุณแม่คิดว่าลินจะทำอะไรล่ะคะ” พูดจบก็เดินออกจากโต๊ะอาหารทันทีด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
“วาลิน! ฉันเตือนแกแล้วนะ!” เสียงของผู้เป็นแม่ตะโกนไล่หลังเสียงดัง
“ทำไมคุณแม่ต้องกลัวด้วยคะ นังลินมันจะทำอะไรก็เรื่องของมันสิคะ เป็นข่าวกับคุณแสงจะได้ดังขึ้นไปอีกไงคะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยความไม่รู้เพราะเห็นผู้หญิงทุกคนที่เป็นข่าวกับอาทิตย์มีชื่อเสียงชั่วข้ามคืนทุกคน
“ดับล่ะสิไม่ว่า แม่ไม่ยอมเสียบ่อเงินบ่อทองของเราไปเป็นอันขาด” ผู้เป็นแม่กำหมัดแน่น เธอไม่รู้ความคิดของวาลินแต่สิ่งที่กลัวตอนนี้คือสิ่งที่วาลินกำลังจะทำ ใบหน้าที่ไร้ความเกรงกลัว สายตาที่ไม่หลงเหลือความอ่อนแอของวาลินทำให้เธอเริ่มหวั่นใจ
อาทิตย์ขึ้นชื่อเรื่องข่าวฉาวเกี่ยวกับผู้หญิงหากใครอยากมีชื่อเสียงชั่วข้ามคืนเขานี่แหละสามารถช่วยได้แต่ข่าวฉาวอยู่ได้นานคนก็ลืม นักแสดงที่พยายามไต่เต้าหรือแม้แต่นางแบบที่ไม่มีสังกัดจึงพยายามเข้าหาเขาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง
แต่อาทิตย์เป็นข้อยกเว้นของเหล่าคนมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วอย่างนางเอกแนวหน้า พวกเธอจะไม่เข้าใกล้เขาเพราะหากไปเกี่ยวดองกับเขารับรองว่าอนาคตในวงการบันเทิงได้เหลือเพียงแค่ชื่อเป็นแน่ ขึ้นชื่อว่าข่าวฉาวไม่มีนางเอกคนไหนอยากเอาชื่อเสียงเข้าไปเสี่ยงยิ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับชู้สาวยิ่งต้องพยายามเลี่ยง
