บท
ตั้งค่า

ครอบครัวจอมปลอม

ใบหน้าสวยทำหน้าเศร้าถอนหายใจมองบ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านที่เธออยู่มาตั้งแต่จำความได้ วาลินเป็นคนมีพรสวรรค์ฉายแววดารามาตั้งแต่เด็กเธอจึงถูกผู้เป็นแม่บังคับให้เข้าวงการถ่ายแบบตั้งแต่อายุห้าขวบและเริ่มจริงจังกับงานละครตอนอายุได้เพียงสิบขวบ จนถึงทุกวันนี้เธอจึงเปรียบเสมือนเสาหลักของบ้าน

“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานเอ่ยบอกคนในบ้านที่กำลังนั่งคุยกันสนุกสนานโดยไม่มีใครสนใจเธอเลยสักนิด

“คุณแม่คะอันนี้คอลเลกชันใหม่เลยค่ะ ของมันต้องมีนะคะคุณแม่” เสียงสดใสเจื้อยแจ้วของน้องสาวที่กำลังพูดคุยเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนมกับผู้เป็นแม่ ทั้งสองคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาแล้ว

“ได้สิคะลูกสาวของแม่” แม่ที่เปรียบเสมือนเป็นเหมือนฝ่ายบัญชีของเธอเพราะเงินทุกบาทที่เธอทำงานมานั่นอยู่ที่ท่านทั้งหมดโดยใช้ข้ออ้างการเป็นแม่

“จะซื้อกันอีกแล้วเหรอคะ เพิ่งซื้อไปเมื่ออาทิตย์ก่อนไม่ใช่เหรอคะ” เพราะเงินที่ซื้อล้วนมาจากที่เธอทำงานตัวเป็นเกลียวอยู่คนเดียวทั้งบ้าน

“แล้วทำไมอิจฉาหรือไง?”

“พี่ไม่ได้อิจฉา แต่เมื่อไหร่ที่เธอทำงานเองเธอจะรู้ว่ากว่าจะได้เงินแต่ละบาทมันเหนื่อย” วาลินเอ่ยไปตามความจริง น้องสาวของเธออายุเพียงสิบเก้าปีแต่เป็นคนติดหรูใช้ชีวิตอยู่ในความสบายไม่เคยลำบากแม้แต่ครั้งเดียว

“พูดแบบนี้จะทวงบุญคุณใช่ไหม?”

“พี่ไม่ได้ทวงบุญคุณแต่เธอยังเรียนอยู่ของพวกนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ด้วยซ้ำ”

“ไม่จำเป็นได้ไงเพื่อนๆ เขามีกันหมดฉันไม่ยอมขายหน้าคนเดียวหรอกนะ” เสียงแหลมแว้ดเข้าให้เมื่อไม่ได้ดั่งใจตัวเอง

“ยังเรียนอยู่มัธยมแท้ๆ จะใช้ตามเพื่อนทำไม”

“นี่! หยุดเถียงกันได้แล้วฉันรำคาญ” คำประกาศก้าวของผู้เป็นแม่ดังขึ้นเพื่อหยุดลูกสาวทั้งสองคนที่เถียงกันไปมา

“แกจะอะไรนักหนากระเป๋าใบละไม่กี่หมื่นของแค่นี้ซื้อๆ ไปก็จบ” แม่ของเธอไม่เคยเข้าข้างเธอเลย วาลินจำต้องปลงและยอมรับมันไป

“ขอบคุณนะคะคุณแม่”

“ไม่เป็นไรจ้ะลูกสาวแม่ เงินของแม่ลูกจะซื้ออะไรบอกแม่นะลูก” สองแม่ลูกเข้าขากันได้ดีผิดกับอีกคนที่ยืนมองด้วยสายตาเศร้าสร้อย เธอทำงานหนักแทบตายแต่เงินทั้งหมดกลับอยู่ในการดูแลของแม่ทั้งหมด ส่วนเธอได้ใช้เงินเพียงน้อยนิดจากงานเล็กๆ อย่างพวกรับรีวิวสินค้าต่างๆ ที่เจ้าของแบรนด์จ้างให้เธอถ่ายรูปลงในโซเชียลที่มียอดผู้ติดตามหลักล้าน

“แม่คะ?”

“อะไร!” เสียงตอบกลับไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด

“งานถ่ายโฆษณาเดือนหน้าที่ต้องไปถ่ายที่เขาใหญ่ลินขอยกเลิกนะคะ” วาลินเกริ่นขึ้นมาเพื่อหวังให้แม่เข้าใจเธอ

“ทำไม?”

“ช่วงเย็นวันนั้นลินมีถ่ายละครที่กรุงเทพถ้าไปเขาใหญ่เช้าไปเย็นกลับแบบนี้ลินไม่ได้พักเลยค่ะ” ตารางงานที่แน่นเอียดถูกผู้เป็นแม่เป็นคนจัดการทั้งหมด เธอไม่มีสิทธิ์เลือกรับงานเองได้เลย

“ก็แค่งานเดียวจะเป็นอะไรไป”

“ลินเหนื่อยค่ะ ช่วงนี้ลินไม่ได้พักเลยขอพักสักวันไม่ได้เหรอคะ” เธอทำงานยิ่งกว่าเครื่องจักรเสียอีก เบื้องหน้าที่ทุกคนเห็นว่าเธอเพอร์เฟกต์ไร้ข้อผิดพลาดแต่หารู้หรือไม่ว่าเธอต้องอดทนขนาดไหนเพื่อให้ผ่านไปแต่ละวัน

“ไม่ได้ ถ้ายกเลิกก็เสียชื่อหมดตอนนี้แกกำลังดังต้องรีบกอบโกยไว้สิ ที่ฉันทำก็เพื่อชื่อเสียงของแกนะ” ชื่อเสียงที่เธอไม่เคยต้องการเลยสักครั้ง เธอต้องห้ามพลาด ห้ามล้มเพราะมีคนรอซ้ำเติมเธออีกมากมาย มีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียดเป็นเรื่องธรรมดา

“ค่ะ ไม่ยกเลิกก็ได้ค่ะ” เป็นอีกครั้งเธอต้องยอม ในหนึ่งเดือนเธอได้พักแค่สองวันแต่ช่วงหลังมานี้เธอทำงานทุกวันไม่มีวันหยุดจนร่างกายของเธอก็เริ่มจะอ่อนล้าเต็มที

“เฮ้อ! พ่อคะ ถ้าพ่อยังอยู่พ่อคงเข้าใจลินมากกว่านี้” พ่อของเธอจากไปด้วยโรคประจำตัวเมื่อหลายปีก่อน หลังจากพ่อเสียไปแม่ของเธอก็ขึ้นมาเป็นผู้นำทุกอย่างในบ้าน โดยเฉพาะนำชีวิตเธอจนไม่มีคำว่าอิสระ

“ลินเหนื่อยค่ะพ่อ ลินไม่เคยอยากเป็นดาราเลยสักครั้ง” ยอมรับว่าการมีชื่อเสียงก็มีข้อดีแต่ข้อเสียก็ย่อมมีเช่นกัน เธอต้องยิ้มให้ทุกคนทั้งที่ไม่อยากยิ้ม เธอต้องคอยตอบคำถามในเรื่องที่ไม่อยากตอบ เธอต้องทำทุกอย่างที่เธอไม่อยากทำ เธออยากหลุดพ้นจากชีวิตแบบนี้เสียที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel