บทที่ 1 เข้าหอ (1)
“เดี๋ยวเด็กที่รีสอร์ทจะขนกระเป๋ามาให้ ผมไปดูในครัวก่อนนะว่ามีอะไรกินบ้าง น้ำอยากกินอะไรมั้ย เดี๋ยวผมสั่งให้เด็กทำมาให้”
“ข้าวผัด กับน้ำผลไม้ก็ได้ค่ะ”
“นี่กุญแจบ้าน ไปเปิดบ้านได้เลย เดี๋ยวผมมา” ส่งกุญแจบ้านพักให้หญิงสาวแล้วพรมแดนก็ผละไปทันที
น้ำมนต์จัดการไปไขประตูบ้านพักทันที เปิดประตูออกกว้างเห็นห้องพักแล้วหญิงสาวถึงกับอมยิ้ม เหมือนบ้านในฝันของเธอไม่มีผิด! ที่นี่ช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน เหมือนว่าเธอเคยมาพักที่นี่...
แม้จะเป็นบ้านพักขนาดกะทัดรัด แต่ก็กว้างพอสำหรับคนสองคน
ภายในบ้านตกแต่งด้วยวัสดุจากธรรมชาติ เตียงนอนเป็นเตียงไม้สีมะฮอกกานี มีมุ้งสีแดงคลุมเตียง มีตุ๊กตาหมีและกองหมอน มุมหนึ่งมีตู้เสื้อผ้าตั้งไว้ ถัดจากบริเวณนั้นเป็นห้องครัว มีอุปกรณ์ทำอาหารครบครัน อีกทั้งยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกเครื่องต้มกาแฟ กระทะไฟฟ้า และรวมไปถึงเครื่องปิ้งขนมปัง
แค่เห็นหญิงสาวก็ยิ้มออก มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหล่านี้เธอจะได้แสดงฝีมือการทำอาหารให้สามีได้ลิ้มรสชาติ น้ำมนต์เดินสำรวจพร้อมทั้งเปิดหน้าต่างออกกว้างเพื่อระบายอากาศ ตรงมุมนั่งเล่นอยู่ติดกับธารน้ำตกเป็นระเบียงยื่นออกไป ฝั่งตรงข้ามเป็นกอไผ่เขียวขจีสูงท่วมหัวกินบริเวณยาวสุดลูกตา
แม้ตอนนี้แสงแดดจะเจิดจ้า แต่เพราะต้นไม้และธารน้ำก็ทำให้รู้สึกว่าเย็นสบาย
พรมแดนช่างเลือกสถานที่ฮันนีมูน ที่นี่เหมาะกับการพักผ่อนมากนัก
พอกลับเข้ามาในบ้านเพื่อหาน้ำเย็นดื่ม น้ำมนต์ก็หันไปเห็นกรอบรูปตั้งไว้บนหลังตู้เย็นเข้า หยิบขึ้นมาดูหญิงสาวก็นิ่วหน้า ‘คนในรูป’ คือสามีของเธอ แต่สไตล์การแต่งตัวของเขาดูแปลกตาไปจากเดิมมากนัก
เขาดูผิวคล้ำกว่าปกติ สวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตกับหมวกปีกกว้าง สวมกางเกงยีนส์ คาดเข็มขัดเส้นโต และสวมรองเท้าหนังดูเหมือนคาวบอยไม่มีผิด ไม่รู้ว่าพรมแดนถ่ายรูปนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เธอลงความเห็นว่ามาดของเขาไม่เหมาะกับการเป็นคาวบอยแม้แต่น้อย
ผ่านไปพักใหญ่พรมแดนก็ยังไม่มาที่บ้านพัก แต่มีเจ้าหน้าที่ของทางรีสอร์ทได้ยกกระเป๋าเสื้อผ้ามาส่งให้ แล้วน้ำมนต์ก็พบว่ามีแต่กระเป๋าเสื้อผ้าเฉพาะของเธอเท่านั้น
“อ้าว แล้วกระเป๋าของคุณแดนล่ะ?”
“ไม่เห็นมีเลยนี่ครับ”
น้ำมนต์นิ่วหน้าแต่เธอก็ไม่ถามอะไรอีก คิดว่าอีกประเดี๋ยวพรมแดนคงจะหิ้วกระเป๋าตามหลังมาเอง แต่ผ่านไปพักใหญ่จนเด็กที่รีสอร์ทยกอาหารมาให้ พรมแดนก็ยังไม่มาที่บ้านพัก
“น้อง ๆ คุณแดนล่ะ?” น้ำมนต์อดถามหาสามีจากเด็กที่ยกอาหารมาให้ไม่ได้
“คุณแดนสั่งอาหารไว้ แล้วก็ขับรถออกไปข้างนอกเลยค่ะ อ้อ คุณแดนบอกว่าหากคุณน้ำต้องการอะไรให้โทรเข้าที่ห้องครัวได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
เป็นคำตอบที่น้ำมนต์ไม่ชอบใจแม้แต่น้อย เขาหายไปอีกแล้ว!
“ขอบใจจ้ะ”
พอเด็กที่ยกอาหารมาให้จากไปแล้ว น้ำมนต์เลยคิดว่าบางทีพรมแดนอาจจะไปซื้ออาหารสดมาเพิ่ม เผื่อว่าคืนนี้เธอกับเขาจะทำอาหารพวกปิ้งย่างกิน แต่เขาก็ใจร้ายเหลือเกิน จะไปซื้อของกินทั้งที ไม่มีการมาชวนเธอสักคำ
น้ำมนต์ตรงไปที่กระเป๋าของตัวเองเพื่อหยิบโทรศัพท์มาโทรหาเขา แล้วเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าสะพายซึ่งมีทั้งโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์อยู่ในรถ ตอนลงจากรถเธอก็ดันลืมหยิบลงมาด้วย
เฮ้อ... ให้มันได้อย่างนี้สิ! แม่คนขี้ลืม ครั้นจะโทรหาพรมแดน เธอก็ดันจำเบอร์ของเขาไม่ได้ ปกติเธอก็ไม่ค่อยจำเบอร์โทรใครซะด้วย ใช้วิธีบันทึกไว้ในโทรศัพท์อย่างเดียว ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คือลงมือกินข้าวมื้อเที่ยงซะ
พออิ่มท้องแล้วและพบว่าแสงแดดไม่ร้อนมากนัก น้ำมนต์จึงปิดบ้านแล้วออกไปสำรวจภายนอกของรีสอร์ทแก้เบื่อไปพลาง ๆ ห่างจากบ้านพักของเธอไปนั้นมีผู้คนลงไปเล่นน้ำอยู่เยอะพอสมควร
ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สวมเสื้อชูชีพลงมาเล่นน้ำ ส่วนเด็กเล็กนั้นมีห่วงยางสีสดใสโดยมีผู้ใหญ่คอยดูแลใกล้ชิด น้ำมนต์มองดูจนเพลิน นอกจากผู้คนที่ลงมาเล่นน้ำแล้วยังมีกิจกรรมทางน้ำที่น่าสนใจ นั่นคือการล่องแก่ง น้ำมนต์เห็นบนเรือยางมีนักท่องเที่ยวสวมเสื้อชูชีพสีสะท้อนแสงและสวมหมวกเซฟตี้สีสดล่องไปตามลำธารที่น้ำไหลแรงเป็นระยะอยู่หลายลำ
