3.ต้องการเป็นตัวจริง
*** ทักทายคร้า ***
โรมและมาดามปินปี วาเนอร์เดินเข้าไปในงานแต่งงานที่ทั้งสองเองก็ไม่แน่ใจว่ามาถูกงานหรือเปล่า เพราะทุกอย่างดูรวดเร็วจนทั้งสองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อลูกชายตัวดี ที่อยู่ดีๆ ก็โทรไปบอกให้รีบมางานแต่งงาน ร่างสูงสง่าในสูทสีเข้มเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ช่างภาพจากหลายสำนักต่างกดชัตเตอร์เก็บภาพดังรัวไม่หยุด โรมยกมือโอบเอวมาดามแล้วเดินตรงเข้าไปในงานอย่างสง่า เรน บอดี้การ์ดเก่าแก่มองไปรอบๆ เพื่อระวังภัยให้เจ้านาย แม้อายุจะมากแล้วแต่ก็ยังทำหน้าที่เช่นเดิม รัชชาเดินไปหาพ่อกับแม่แล้วพาไปแนะนำฝ่ายเจ้าสาว
“เกิดอะไรขึ้นตารัช พ่อกับแม่งงไปหมดแล้ว” ปินปีถามบุตรชายเบาๆ ขณะเดินไปหยุดยืนตรงหน้าครอบครัวเจ้าสาวของบุตรชาย
“เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังนะครับแม่”
โรมหันไปสบตาบุตรชายแล้วมองหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ รอยยิ้มบางๆ ส่งผ่านไปให้อย่างเอ็นดูพร้อมกับยกมือรับไหว้
ปินปีมองใบหน้าเนียนใสน่ารักของหญิงสาวแล้วยิ้มให้เช่นกัน
“พ่อกับแม่ครับ นี่คุณลุงประกอบ คุณป้ามณี พ่อกับแม่ของจันทร์เจ้าครับ”
ทั้งสองฝ่ายยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตรแม้จะออกอาการงงๆ อยู่บ้าง
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เจ้าลูกชายของผมทำอะไรไม่สมควรไป ยังไงเดี๋ยวค่อยคุยกันอีกครั้งดีกว่านะครับ” โรมบอกเสียงทุ้ม คุณประกอบและคุณมณีเองก็เห็นด้วย การแต่งงานจึงดำเนินไปตามขั้นตอน แม้จะเลยเวลาฤกษ์ไปนานพอสมควร
“นี่คุณ ทำไมไม่บอกว่าเป็นลูกคนใหญ่คนโตขนาดนี้ จะได้ไม่ต้องมาเสียชื่อเสียงกับฉันด้วย” จันทร์เจ้าบอกหลังจากที่ได้มีโอกาสอยู่กับเจ้าบ่าวตามลำพัง
“สายไปแล้วล่ะคุณ ป่านนี้คนรู้กันทั่วแล้วว่าคุณกับผมแต่งงานกัน”
“พรุ่งนี้คุณจะให้ฉันไปอธิบายให้บรรดาสาวๆ หรือแฟนคุณเข้าใจก็ได้นะ ฉันยินดี” เธอบอกพลางบีบนวดต้นขาด้วยความเมื่อย
“ผมโสดแต่ไม่สด แฟนไม่มีแต่กำลังจะมีเมีย” รัชชาบอกพลางมองใบหน้าหวานสวยกับดวงตาคมโตสุกใสที่เขาติดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตาเธอจนปฏิเสธไม่ลง
“เมียแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นแหละคุณ พรุ่งนี้คุณก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว”
รัชชาไม่ตอบแต่ก้มมองใบหน้าเนียนใส ก่อนจะขยับเข้าไปชิดแล้วรวบเอวบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ จันทร์เจ้าตกใจยกมือยันอกกำยำไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคมที่มองมา
“ขึ้นชื่อว่าเมีย ถึงจะเป็นแค่คืนนี้คืนเดียวก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมีย”
“แต่เงื่อนไขเราตกลงกันแล้วนะคะ”
เขาไม่ตอบแต่ยกริมฝีปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม จันทร์เจ้าออกแรงดิ้นเมื่อแรงกอดรัดของวงแขนแกร่งแน่นขึ้น ใบหน้าคมเข้มยื่นเข้าไปชิดแก้มปลั่ง หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบจมูกโด่งที่คลอเคลียข้างแก้ม หัวใจดวงน้อยเต้นระรัววาบหวิวอย่างไม่เคยเป็น
“คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ” เสียงหวานถามออกไปสั่นๆ
รัชชามองความหวาดหวั่นในดวงตาคมใสเหมือนกวางน้อยระวังภัยแล้วอดยิ้มไม่ได้ และที่รับรู้อีกอย่างก็คือความหอมละมุนของกายสาวและความกลมกลึงของเธอ ทำให้ประสาททุกส่วนของเขาตื่นตัว ไอร้อนวิ่งพล่านไปทั่วร่างเลยทีเดียว จมูกโด่งฝังลงบนแก้มสีชมพูระเรื่อเก็บความหอมรัญจวนเข้าไปในปอดอย่างอดใจไม่อยู่ จันทร์เจ้าสะดุ้งจ้องมองเขาตาโต ยกมือดันใบหน้าคมเข้มออกห่าง รัชชาแอบยิ้มอยู่ในใจเมื่อได้สัมผัสความหอมบริสุทธิ์จากแก้มนาง
“คุณรัชครับ ได้เวลาสำคัญแล้วครับ”
รัชชาหยุดรุกรานเธอ เมื่อได้ยินเสียงการ์ดประจำตัว
จันทร์เจ้าหน้าแดงซ่านด้วยความอายซบหน้ากับอกกว้างของเขา ชายหนุ่มหันไปพยักหน้ารับรู้แต่วงแขนยังไม่คลายออกจากเอวคอด
“ไปครับ ได้เวลาสำคัญแล้ว”
แม้จันทร์เจ้าจะงงกับเวลาสำคัญของเขา แต่ก็ยอมเดินตามแรงฉุดของอีกฝ่ายเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง รัชชาพาหญิงสาวไปนั่งลงตรงหน้าผู้ใหญ่ทั้งสี่ที่นั่งอยู่บนชุดรับแขกที่ทางโรงแรมจัดขึ้น เพื่อใช้ทำพิธีจดทะเบียนสมรส ดวงตาคมใสมองกระดาษสองใบที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า
“เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวลงชื่อในใบทะเบียนสมรสครับ”
“ไม่ค่ะ”
คำปฏิเสธของเจ้าสาวทำให้โรมและปินปีหันไปมองบุตรชายที่นั่งหน้าตึงอยู่ข้างหญิงสาว ส่วนคุณประกอบและคุณมณีมองหน้าบุตรสาวอย่างตกใจ จันทร์เจ้าสบตาทุกคนอย่างกล้าหาญและบอกออกไปว่า
“คือเราสองคนคุยกันแล้วว่าจะไปจดทะเบียนวันหลังค่ะ”
เสียงฮือฮาและเสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศตึงเครียดเมื่อสักครู่หายไป แต่รัชชายังคงนั่งนิ่งมองจันทร์เจ้าด้วยแววตานิ่งลึก แววตาเจ้าเล่ห์ของเธอไหวระริกจนชายหนุ่มเห็นถึงความผิดปกติ ร้ายไม่ใช่เล่นนะแม่คุณ แบบนี้สิถึงจะเหมาะกับสะใภ้วาเนอร์ รัชชาเหยียดยิ้มและบอกออกไป
“แต่ผมว่าเราจดวันนี้ก็ดีนะที่รัก ทุกคนจะได้เป็นสักขีพยานด้วย” เขาบอกอย่างเป็นต่อเมื่อเสียงเชียร์และเสียงปรบมือของแขกดังขึ้น
จันทร์เจ้าส่งสายตาดุๆ ไปปราม แต่เขาทำเป็นเมินมองไปอีกทาง
โรมสบตาปินปีแล้วยิ้มให้ลูกสะใภ้ที่กล้าปฏิเสธตระกูลวาเนอร์ แววตาอ่อนโยนของโรมและปินปีแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่เอ็นดูหญิงสาวไม่น้อย
“แต่ฉัน...”
“แม่ว่าทำให้เสร็จเลยก็ดีนะลูก หรือคุณโรมกับคุณปินปีว่ายังไงคะ”
คุณมณีหันไปขอความเห็นจากพ่อกับแม่ของชายหนุ่ม
“แล้วรัชว่ายังไงลูก” ปินปียิ้มให้บุตรชายที่นั่งเงียบอยู่ตรงหน้า แต่ในความเงียบนั้นทั้งโรมและปินปีรู้ดีว่าลูกชายคนนี้กำลังคิดอะไร สงสารก็แต่คนที่นั่งข้างพ่อตัวดีนั่นน่ะสิที่ยังไม่รู้จักคนที่แต่งงานด้วย
**** ****
