บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ยังคงอยู่ที่เดิม

บทที่ 5 ยังคงอยู่ที่เดิม

เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่เจียงเสวี่ยอิ๋งยังคงนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง เสียงไก่ขันจากบ้านของเพื่อนบ้านดังแทรกเข้ามาผ่านหน้าต่างไม้ ทว่าร่างกายของเธอยังไม่ยอมขยับ มือน้อยยัง

กำผ้าห่มไว้อย่างแน่นหนา

หญิงสาวตื่นแล้ว!! แต่ยังคงหลับตาอยู่ พร้อมกับรอฟัง

เสียงต่าง ๆ ในใจนั้นคาดหวังว่าจะได้ยินจากโลกเดิมของเธอ

และพอได้ยินเสียงไก่ขัน ทำให้เธอจิตนการไปถึงบ้านไม้ของยายเปี่ยง หญิงสาวพยายามคิดว่าเสียงไก่พวกนี้อาจจะดังมาจากเล้าไก่ที่บ้านของฝุ่น หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาก็จะได้พบว่าตอนนี้เธอนอนอยู่ในบ้านสวนหลังน้อยหลังนั้นอีกครั้ง และได้กลับคืนสู่ชีวิตปกติเสียที

แต่แล้วโชคกลับไม่เข้าข้างเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเมื่อลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นก็คือบ้านอิฐหลังเดิมของครอบครัวเจียง!!

“เฮ้อ...จะมีทางไหนที่สามารถกลับไปได้บ้างละเนี่ย”

หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายที่เธอตื่นขึ้นมาก็ยังอยู่บ้านเจียงอีกครั้ง

เมื่อพยายามคิดหาหนทางอยู่หลายครั้งในที่สุดแล้วเธอก็ต้องยอมรับว่าหลุดเข้ามาอยู่ในประเทศจีนยุค 80 เหมือนเดิม

ขณะที่กำลังตบตีกับความคิดของตนเองอยู่นั้น เสียงประตูดังขึ้นสองสามครั้ง ก่อนจะมีเสียงเด็กสาวดังลอดช่องประตูเข้ามา “พี่คะ ตื่นแล้วใช่ไหม”

เสียงพูดนั้นเบามากจนเธอแทบไม่ได้ยิน แต่ก็รู้ว่านั้นคือเสียงของน้องสาวตนเอง จึงได้ตะโกนออกไป

“ตื่นแล้ว ว่าแต่มีอะไรเหรอเสี่ยวหนิง”

“ฉันจะถามว่า พี่จะล้างหน้าเลยไหมคะ เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมมาให้เลย” น้ำเสียงของเจียงเสวี่ยหนิงนอบน้อมเสียจนจะกลายเป็นคนรับใช้อยู่แล้ว ซึ่งเจียงเสวี่ยอิ๋งเองก็อดที่จะสงสารน้องสาวคนนี้ไม่ได้

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่จัดการเอง เรามีอะไรก็ไปทำเถอะ” เจียงเสวี่ยอิ๋งพูดขึ้นมาอีกครั้ง แค่เรื่องนี้เธอจัดการเองได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนใคร

เมื่อได้ยินคำตอบของพี่สาว เจียงเสวี่ยหนิงจึงยืนทำหน้าแปลกใจอยู่หน้าประตูอยู่พักใหญ่

ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจที่พี่สาวจะไปจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง จึงอยากที่จะตะโกนกลับไปอีกครั้งว่าเธอจะทำให้

นั่นเพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโต เรื่องพวกนี้ก็เป็นหน้าที่ของเธอมาตลอดอยู่แล้ว ถ้าหากแม่รู้เข้าว่าเธอไม่ได้ทำให้แล้วละก็ เธอต้องถูกดุด่าและถูกลงโทษแน่นอน จึงตัดสินใจที่จะบอกพี่สาวอีกครั้ง

“แต่ว่า...พี่...” เด็กสาวกำลังจะพูดก็ถูกพี่สาวขัดขึ้นเสียก่อน

“ไม่เป็นไรหรอกนะเสี่ยวหนิง พี่จะไม่ให้แม่รู้อย่างแน่นอน เสวี่ยหนิงมีอะไรต้องทำก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอกนะ

พี่จัดการเรื่องนี้ได้”

พอได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้าตกลงทันที ถึงแม้ว่าพี่สาวของเธอจะไม่เห็นมันกก็ตาม ก่อนจะตอบกลับอีกครั้งว่า

“ถ้างั้นฉันไปทำอาหารเช้าก่อนนะพี่ใหญ่”

“อืม ไปเถอะ”

เมื่อน้องสาวไปแล้ว เจียงเสวี่ยอิ๋งจึงนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงนอน พลางพิจารณาถึงเรื่องราวทที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ก่อนเธอนึกได้ว่าในนิยายที่เคยอ่านนั้นนางเอกที่ทะลุมิติมาแล้วมักจะมีมิติพิเศษติดตัวมาด้วย บางคนก็มีร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าเป็นของตัวเอง บางคนมีมิติเป็นฟาร์ม แล้วก็ตั้งหลายอย่าง ดังนั้นเธอเองก็ควรจะมาบ้างสิ

เมื่อคิดอย่างนั้นจึงตัดสินใจมองไปรอบ ๆ เผื่อว่าจะมีประตูมิติอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องนี้ก็ได้แต่ทว่าไม่ว่ามองไปทางไหนก็ไม่มีเลย หญิงสาวลองอีกวิธีก็คือ หลับตาแล้วพยายามคิดถึงห้วงมิติ

ที่อาจจะมี แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ยังอยู่ที่เดิม

เจียงเสวี่ยหนิงพยายามอยู่หลายวิธีแล้ว แต่ก็ไม่เห็นจะมีมิติกับเขาเลย

จึงได้ถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่สอง และพูดออกมาอย่างที่คิด “นี่มันออกจะใจร้ายเกินไปหน่อยนะ ให้มาอยู่ต่างบ้าน

ต่างเมือง ต่างยุคต่างสมัยด้วย ไม่รู้หรือไงว่ามันลำบากแค่ไหน

ต่อให้ตอนนี้ประเทศจะมีการพัฒนาแล้วก็ตาม แต่อาหารการกิน

ก็ยังหายาก และ บางอย่างก็ยังจำกัดอยู่น่ะ”

ขณะที่นั่งนั่งบ่นไปบ่นมาอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นรอยจาง ๆ ที่ฝ่ามือข้างขวา จึงตั้งสติและเพ่งมองดี ๆ ก็พบว่ามันเป็น

รูปลูกมะพร้าว

“นี่มันลูกมะพร้าวนี่นา มะ มันต้องเป็นลูกที่หล่นใส่หัวฉันแน่ ๆ เลย”

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เพราะเจ้าลูกมะพร้าวตัวต้นเหตุนี่จะทำให้เธอต้องมาอยู่ที่นี่แล้ว มันยังตามมาหลอกมาหลอนอีกด้วยเหรอ

หลังจากบ่นชุดใหญ่ หญิงสาวก็ค่อย ๆ เพ่งมองเข้าไปที่ลูกมะพร้าวกลางฝ่ามือ จากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่างดูดเธอให้เข้าไปในลูกมะพร้าวนั่น

ฉับพลันเธอก็มาโผล่ที่บ้านไม้หลังเก่าของยายเปี่ยงที่เธออยู่ก่อนหน้านี้อย่างไรล่ะ

“จริงหรือเปล่าเนี่ย ให้ตายสิ!” เจียงเสวี่ยอิ๋งร้องออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดเธอก็หาทางกลับมาที่นี่ได้แล้ว

จากนั้นก็ไม่รอช้า หญิงสาวรีบวิ่งไปที่รถของตัวเองทันที

นั่นเพราะว่าตั้งใจจะขับกลับกรุงเทพฯ ให้เร็วที่สุด

ทว่าเมื่อเธอไปถึงรถ แล้วเห็นเงาตัวเองสะท้อนในกระจกก็พบว่าเงานั้นเป็นหน้าตาของเจียงเสวี่ยอิ๋งไม่ใช่พรลดา จึงเข้าใจได้ว่า ที่นี่คือมิติที่เธอถามหาไม่ใช่การกลับไปมายังยุคปัจจุบัน!!

“นี่คือมิติสินะ ไม่ใช่ฉันได้กลับมาบ้านยุคปัจจุบัน

แต่อย่างไรก็ต้องลองดู เผื่อฉันจะกลับไปได้”

เจียงเสวี่ยอิ๋งพูดขึ้นกับตัวเองพร้อมกับยกมือขวาขึ้นมา แล้วมองไปที่ลูกมะพร้าวอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจหญิงสาวจึงนึกถึงบ้านเจียง พอลืมตาขึ้นมาก็กลับมานั่งบนเตียงในห้องนอนเหมือนเดิม

หญิงสาวอุตส่าห์ดีใจคิดว่าตนเองจะได้กลับไปยังโลกเดิม สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงแค่มิติเท่านั้น ตอนนี้จึงเข้าใจแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไรเธอจะต้องเป็นเจียงเสวี่ยอิ๋วตลอดไป และไม่สามารถกลับไปที่เดิมได้อีก

“อย่างน้อยก็ยังดีที่มีมิติให้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่รู้ว่ามิติที่ว่านี้ทำอะไรได้บ้างก็เถอะ” เธอพูดขึ้นมากับตัวเอง และตั้งใจจะเข้ามิติอีกครั้งเพื่อสำรวจทุกอย่างในนั้น เพราะก่อนหน้านี้ บ้านของยายเปี่ยงไม่ต่างจากบ้านร้างดี ๆ นี่เอง ให้มิตินี้มาจะช่วยอะไรเธอได้บ้างล่ะ

แต่ยังไม่ทันที่เจียงเสวี่ยอิ๋งจะเข้ามิติอีกรอบ ก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากทางหน้าประตู และเป็นเจียงเสวี่ยหนิงน้องสาวของเธอนั่นเองที่มาเรียก

“พี่ใหญ่...เสร็จหรือยังคะ อาหารเช้าพร้อมแล้วนะ

รีบออกมากินตอนร้อน ๆ เถอะค่ะ”

เมื่อเห็นว่าน้องสาวมาเรียกแล้ว ทำให้หญิงสาวเพิ่งจะนึกออกว่าตัวเองยังไม่ทันได้ล้างหน้าล้างตาเลย เพราะมัวแต่คิดหาวิธีกลับโลกเดิมอยู่นะสิ แล้วมันก็เสียเวลาไปไม่น้อย จึงตะโกนบอกน้องสาวว่า

“พี่ขอเวลาแป๊บหนึ่งได้ไหม เดี๋ยวพี่ตามออกไป”

“ได้ค่ะพี่ใหญ่ ฉันจะไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ” พอได้ยินพี่สาวบอกแบบนั้น จึงได้ตะโกนกลับไปอีกรอบ และเดินไปรอพี่สาวที่โต๊ะอาหาร

เจียงเสวี่ยอิ๋งได้ยินอย่างนั้นก็ตอบกลับไปอีกครั้งเหมือนกันเพราะเข้าใจว่าเจียงเซี่ยหนิงยังคงอยู่ที่หน้าประตูห้อง

“เดี๋ยวพี่ตามไปนะ”

เมื่อน้องสาวไปที่แล้ว เจียงเสวี่ยอิ๋งจังเดินไปเข้าห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟันและจัดการกับตัวเอง เนื่องจากที่นี่อากาศหนาวเย็น จึงไม่เป็นการน่าเกลียดอะไรที่จะไม่อาบน้ำตอนเช้า

ทว่าด้วยความที่พรลดาเป็นคนไทย และติดนิสัยว่าจะต้องอาบน้ำวันละสองครั้งเธอจึงไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้างหากเช้านี้จะไม่อาบน้ำ แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าน้องสาวจะรอนาน จึงตัดสินใจ

งดอาบน้ำตอนเช้าไปหนึ่งวัน

“คงไม่มีใครเหม็นฉันหรอกนะ เพราะฉันก็ไม่เหม็นตัวเอง”

หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว หญิงสาวจึงพูดกับตัวเอง ก่อนจะเดินลงมาหาน้องสาวที่โต๊ะอาหาร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel