บทที่ 2 ความฝันที่แปลกประหลาด
บทที่ 2 ความฝันที่แปลกประหลาด
หลังจากได้ทำความสะอาดห้องนอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงได้มาทำความสะอาดห้องโถง
ห้องโถงก็เป็นเพียงแค่ห้องที่ว่าง ซึ่งมันอยู่ติดกับห้องนอนก็เท่านั้น นั่นเพราะว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่ จึงไม่มีพื้นที่ต้องให้ทำความสะอาดมาก
ส่วนห้องน้ำก็อยู่นอกตัวบ้านไปทางด้านหลัง พอคิดถึงข้อนี้ขึ้นมาก็อดที่จะหวั่นใจไม่ได้ เพราะเธอไม่เคยอยู่บ้านแบบที่ห้องน้ำแยกออกจากตัวบ้านมาก่อน
‘ออกจะน่ากลัวอยู่นะ’ หญิงสาวคิดในใจ
การทำความสะอาดห้องน้ำเป็นส่วนที่ยากที่สุด แต่พรลดาก็ตั้งใจทำจนสะอาด พอทำเสร็จหมดแล้วก็ไม่มีปัญหา จึงขึ้นมานั่งให้หายเหนื่อยบนบ้าน
‘ทำความสะอาดหมดแล้ว บ้านน้อยหลังนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะ’ หญิงสาวพูดกับตัวเองแล้วรู้สึกภูมิใจที่ทำความสะอาดบ้านหลังนี้เสร็จเรียบร้อย และทำให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
ขณะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น
“พี่ลดาอยู่ไหมครับ” เสียงของฝุ่นดังขึ้นมาจากใต้ถุนบ้าน
“อยู่จ้า ฝุ่นมีอะไรเหรอ” หญิงสาวตะโกนลงมาจากบนบ้านเช่นกัน
“แม่ให้เอายากันยุงมาให้พี่น่ะครับ คิดว่าคืนนี้ยุงน่าจะมีเยอะ อีกอย่างก็ไม่แน่ใจว่าที่นี่มีมุ้งหรือเปล่า” เด็กชายตอบพลางเดินขึ้นบันไดมาด้วย จากนั้นก็เอายากันยุงมาวางไว้มุมห้อง
“ขอบใจมากจ้ะ พี่ก็มองหาอยู่เหมือนกันแต่บ้านหลังนี้ไม่เห็นจะมีมุ้งเลยสักหลัง สงสัยพรุ่งนี้พี่คงต้องเข้าไปซื้อในเมืองแล้วล่ะ คืนนี้ยังไงก็คงต้องนอนกันไปก่อน” เธอตอบกลับมา เพราะอย่างไรวันนี้คงไปไม่ทันแล้ว และที่ไม่ได้เตรียมอะไรมามากนักเพราะไม่คิดว่าที่นี่จะเป็นแบบนี้
“แล้วเย็นนี้ไปกินข้าวที่บ้านผมนะครับ แม่ให้ชวนพี่ด้วย พอทำอาหารเสร็จแล้วเดี๋ยวผมเดินมารับนะครับพี่ลดา” ฝุ่นพูดก่อนจะเตรียมตัวเดินลงจากบ้าน
“ขอบใจมากเลยนะฝุ่น ยังไงก็ฝากขอบคุณแม่ฝุ่นด้วยนะ พี่เพิ่งมาวันแรกแท้ ๆ ไม่คิดว่าเพื่อนบ้านก็ใจดีขนาดนี้” หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อรู้ว่าเพื่อนบ้านนั้นเป็นมิตรและน่ารักมาก การจะอยู่ที่นี่คงตัดสินใจไม่ผิดแล้ว
“ก็พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกันนี่ครับ ยังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน มีอะไรพอช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยกันไปนะครับ บางทีวันหน้าบ้านผมอาจจะต้องของความช่วยเหลือพี่ก็ได้” ฝุ่นตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างไร้เดียงสา
จากนั้นก็เดินลงจากบ้านไป เพราะเขายังมีหน้าที่ไปดูว่าควายกินหญ้าอิ่มแล้วหรือยัง หลังจากอิ่มแล้วก็ยังต้องพามันไปแช่น้ำที่ปลักทำสปาควายอีก กว่าจะเสร็จภารกิจก็ตอนที่มารับพรลดาไปกินข้าวพอดี
เห็นว่าฝุ่นกลับไปแล้วพรลดาเองก็อยากทำความรู้จักกับผืนดินแห่งนี้ให้มากขึ้นว่ามีอะไรบ้าง เพราะเธอจำเป็นต้องใช้ผลผลิตที่เกิดจากผืนดินผืนนี้ทำมาหากินในอนาคต
เริ่มตั้งแต่การสำรวจแปลงผักที่อยู่หน้าบ้าน จากการสังเกตดูตรงนี้มีร่องรอยของการขุดแปลงผักชัดเจน แสดงว่ายายเปี่ยงต้องปลูกผักอะไรหลายอย่างแน่ สำหรับเธอแล้วงานส่วนนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไร เพียงแค่ปรับปรุงดินนิดหน่อยแล้วเข้าไปหาซื้อเมล็ดพันธ์ต่าง ๆ มาปลูก
ถัดมาอีกหน่อยก็พบว่ามีบ่อเลี้ยงปลาบ่อหนึ่งที่ตอนนี้ไม่มีปลาอยู่แล้ว หากจะปรับปรุงบ่อปลานับว่าเรื่องนี้เป็นงานหนักมากสำหรับเธอ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้เธอมีฝุ่นที่รู้จักแล้ว เด็กชายคนนี้น่าจะรู้จักคนที่พอจะสามารถมาช่วยเหลืองานตรงนี้ได้
ส่วนรอบ ๆ บริเวณก็มีไม้ยืนต้นอยู่หลายชนิด ทั้งมะม่วง ขนุน และมะพร้าว
เมื่อเห็นต้นมะพร้าวมีลูกดกเต็มต้น ผิดไปจากต้นไม้ชนิดอื่นที่ดูแห้งแล้งจนแทบจะยืนต้นตายอยู่แล้ว หญิงสาวรู้สึกแปลกใจมาก เธอมองดูลูกมะพร้าวสีเขียวดูสวยน่ากิน คิดแล้วก็อยากจะดื่มน้ำมะพร้าวแก้คอแห้งขึ้นมาทันที สายตากวาดมองรอบ ๆ เหลือบไปเห็นไม้สอยวางพิงอยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวพอดี จึงรีบเดินไปหยิบมันมาแล้วเล็งไปที่มะพร้าวลูกที่ใหญ่ที่สุด
“เอาละ อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่มีมะพร้าวให้กิน” เธอพูดอย่างอารมณ์ดี
พร้อมกับจากนั้นสองมือกำไม้สอยแน่น ขณะที่เงยหน้ามองทะลุพุ่มใบขึ้นไปยังลูกมะพร้าวที่แกว่งไกวอยู่สูง เธอสาวมือสอยขึ้นไปพยายามเกี่ยวลูกนั้นลงมา แต่ไม่ว่าพยายามกี่ครั้ง มะพร้าวเจ้ากรรมก็ไม่ยอมหล่นลงมาเสียที
“เอาที่ดินบ้าอะไรเนี่ยมาจำนองกับฉัน ไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย! จะกินมะพร้าวลูกเดียวก็ยังยากเย็น!!”
ขณะที่กำลังบ่นเหงื่อก็ซึมเต็มหน้า เธอเขวี้ยงไม้สอยทิ้งลงกับพื้นอย่างหงุดหงิดเมื่อสอยมะพร้าวไม่ได้เสียที
ทันใดนั้น เสียง พลั่ก! ดังขึ้น พร้อมกับมะพร้าวลูกใหญ่ที่เธอพยายามสอยเมื่อครู่ร่วงลงมาพอดี หนำซ้ำดันกระแทกเข้ากลางศีรษะของพรลดาอย่างจัง จึงทำให้ร่างของหญิงสาวเซถลาถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้นหญ้าพร้อมกับหมดสติ
ใบหน้าของเธอสงบราวกับเข้าสู่นิทราอันแสนเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงเสียงลมพัดแผ่วเบารอบกาย
หลังจากที่ทุกอย่างดับสนิท พรลดาก็ฝันถึงเรื่องราวของคนคนหนึ่ง เธอมีชื่อว่า เจียงเสวี๋ยวอิ๋ง เด็กสาววัยสิบเจ็ดที่เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาอย่างทุลักทุเล เพราะว่าเธอนั้นเรียนอ่อนมาก และที่จบมาได้ส่วนหนึ่งก็เพราะเหล่าอาจารย์ช่วย
ถึงจะเรียนอ่อนอย่างไรแต่เพราะเธอเป็นคนที่สวยมาก หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ท่าทีหยิ่งยโสนั้นเสริมให้เธอดูเหมือนกับคุณหนูแสนเอาแต่ใจ ถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านจะไม่ได้ร่ำรวยเลยก็ตาม
แต่เพราะเมื่อก่อนพ่อของเธอเป็นทหารที่พอมีตำแหน่ง เลยทำให้บ้านพอมีฐานะอยู่บ้าง ไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ขัดสน
ในความฝันนี้พรลดาคิดว่าเหมือนละครเรื่องหนึ่งเลย
เจียงเสวี่ยอิ๋งเป็นลูกสาวคนโต ที่บิดามารดารักและประคบประหงมราวกับไข่มุกในอุ้งมือ นั่นจึงทำให้เจียงเสวี๋ยอิ๋งเติบโตมาอย่างเอาแต่ใจและหยิ่งยโส เธอไม่คบค้าสมาคนกับเด็กที่มาจากชนบท ไม่เคยกลับบ้านที่ชนบทไปพบกับตายายเลยสักครั้งเดียว เธอมองว่าตัวเองเป็นสาวในเมือง และวาดฝันว่าจะได้แต่งงานกับเศรษฐี
‘ทำไมถึงเอาแต่ใจขนาดนี้นะ’ เสียงความคิดหนึ่งดังขึ้นมาอย่างไม่พอใจที่หญิงสาวชื่อ เจียงเสวี่ยอิ๋งทำตัวแบบนี้
แต่แล้วอยู่ ๆ พรลดาก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อนที่ความฝันนั้นจะจบลง เมื่อรู้สึกตัวสิ่งแรกทีทำคือเธอค่อย ๆ เอามือจับหัวที่ถูกลูกมาพร้าวตกใส่ ก่อนจะพูดพึมพำออกมาด้วยความฉุนเฉียว
“โอ้ย...ไอ้ลูกมะพร้าวบ้านี่ ทำฉันเกือบตายเลยนะ”
ทว่าเมื่อหญิงสาวลืมตาขึ้นมาก็ต้องงุนงง เนื่องจากว่าสิ่งรอบตัวนั้นเปลี่ยนแปลงไปหมด ที่นี่ไม่ใช่บ้านหลังน้อยที่เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ แต่กลับเป็นห้องหนึ่ง สภาพแวดล้อมดูเหมือนจะไม่ใช่บ้านของคนไทยด้วยซ้ำเพราะที่ผนังมีปฏิทินเป็นภาษาจีนแขวนอยู่
พวกเครื่องเรือนต่าง ๆ ก็ดูเหมือนกับย้อนยุคไปเมื่อสี่สิบห้าสิบปีก่อนอย่างไรอย่างนั้น ส่วนหลังตู้เก็บของยังมีรูปถ่ายบานใหญ่ของทหารนายหนึ่งที่แต่งตัวเต็มยศตั้งอยู่ด้วย
“นี่ฉันยังฝันอยู่เหรอเนี่ย” หญิงสาวถามตัวเอง มือทั้งสองข้างก็พยายามยันกายตัวเองให้ลุกขึ้น
แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามา พอมองดูก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งดูคุ้นหน้าเป็นอย่างมาก
